เสียดแทงใจ
จิน…อะไรเหมยนะ?
อวี๋หมิงอี้หลังจากวางสายก็คิดทบทวน เมื่อกี้เขาได้ยินผิดหรือพ่อพูดแบบนั้นจริงๆ?
เป็นไปไม่ได้มั้ง?
แต่ในบรรดานิยายที่มีชื่อเสียงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ในจีนและในต่างประเทศ ดูเหมือนชื่อนี้จะมีแค่ชื่อเดียว พ่อให้เขาดูหนังของเรื่องนี้ทำไมกัน?
งงในงง…
อวี๋หมิงอี้รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่พิลึกสุดๆ ทุกคนดูประหลาดไปหมด ท่าทางประหลาดเหล่านี้พอรวมอยู่ด้วยกันเขาก็ไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกันแน่
ปรากฏว่าพอผลักประตูเข้าไปก็เห็นก้อนใหญ่ๆอยู่บนเตียง
ต้าอีใช้ผ้าห่มห่อตัวเองไว้
“นอนแล้วเหรอ?”
“ยัง…”เสียงของต้าอีลอยมาจากในผ้าห่ม
ตอนนี้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวมาก
อันที่จริงแม่อวี๋ไม่ได้พูดอะไรที่เกินเลยกับเธอ ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะมานั่งสอนอย่างละเอียด ต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์ของคนมีการศึกษา ภายในหนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาพูดคุยเรื่องทั่วไปไปแล้วถึง58นาที เพียงแต่สองนาทีสุดท้ายเป็นช่วงที่สำคัญมาก โดยแม่อวี๋บอกว่าเธอไม่ถือสาถ้าจะต้องเลี้ยงน้องชายหรือน้องสาวของพ่านพ่านอีกคนหนึ่ง เรียนหนักก็ไม่เป็นไร แม่อวี๋ช่วยเลี้ยงลูกให้ได้
แต่ครั้งหน้าเวลามีอะไรกันให้เบาๆหน่อย ส่วนเอวถ้าเกิดปัญหาหนักขึ้นมาจริงๆต่อไปจะเป็นเรื่องใหญ่…
ถึงแม้จะพูดขึ้นมาแค่นิดเดียว แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ต้าอีหน้าแดงหูแดง ออกอาการเขินสุดๆ
ทำไมทุกคนถึงได้มายุให้เธอกับพี่รองทำเรื่องอย่างว่าจังนะ
ถ้าไม่มีความคิดในเรื่องนั้น อยู่กันยังไงก็ดูเป็นธรรมชาติ แต่พอมีก็รู้สึกว่าบรรยากาศดูแปลกๆ
พี่รองไม่อาจล่วงรู้ความคิดของต้าอี เพียงแค่รู้สึกเหมือนเธอจะดูเสียใจอยู่ในผ้าห่ม ครั้นแล้วจึงไปนั่งข้างเตียง เอามือไปเลิ่กผ้าห่มขึ้น
ถ้าไม่มีความคิดเรื่องนั้น ปกติทั้งสองคนก็ทำกันแบบนี้ เป็นเรื่องปกติ
แต่นับตั้งแต่ทุกคนพยายามผลักดันให้เธอก้าวหน้าในเรื่องอย่างว่า การกระทำธรรมดาๆนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เธอหัวใจเต้นแรง หน้าแดงหูแดง
“เป็นอะไร?” เขาสังเกตเห็นว่าเธอนอนตัวขด จึงถามด้วยความไม่เข้าใจ
“คุณน้าบอกว่าเดี๋ยวพอถึงตอนเย็นเอวฉันก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“งั้นก็ดีสิ” อวี๋หมิงอี้ไม่แปลกใจ เพราะแม่ของเขาเก่งเรื่องนี้มาก อาการแค่นี้เบาๆ
“ถึงตอนนั้นก็ออกกำลังกายได้แล้ว” หน้าเธอแดงมาก
“อ่อ งั้นวันนี้บริหารหน้าท้องเบาๆก็แล้วกัน…ช่างเถอะ ไม่ต้องทำหรอก พักผ่อนดีกว่า”
“……” บนโลกนี้เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่เธออยากทำกิจกรรมเข้าจังหวะสองคนกับเขา แต่เขากลับคิดแค่เรื่องจะให้เธอก้มไถไอ้เครื่องออกกำลังกายหน้าท้องนั่น
แต่ไม่เป็นไร ประธานเชี่ยนบอกแล้วว่าให้ ถอด
ต้าอีตัดสินใจแล้วว่า คืนนี้จะใช้เคล็ดลับของประธานเชี่ยน
จะให้เธอฟิตร่างกายเหรอ? ได้สิ ใช้เคล็ดลับของประธานเชี่ยน ถอดไอ้ล้อเครื่องบ้านั่นทิ้ง ชนะชัวร์
ไม่ได้เพราะอะไร เพราะประโยคนั้นของเขา เรียนจบแล้วค่อยแต่งงาน คนที่ไม่มีครอบครัวอย่างเธอก็อยากจะสร้างครอบครัวกับคนที่ตัวเองรักบ้าง
แน่นอนว่า เหตุผลที่ทำให้ต้าอียืนหยัดในเรื่องนี้ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง
นั่นก็คือทฤษฎีหน้าต่างแตกที่ประธานเชี่ยนพูดถึง
ต้าอีศรัทธาในตัวประธานเชี่ยน คำพูดของประธานเชี่ยนเป็นดั่งคำพูดศักดิ์สิทธิ์
ดังนั้นถ้าเสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเพื่อนๆรอบตัวต่างถูกจึ๊กกันหมดแล้ว อีกทั้งยังเป็นเพราะแรงยุของเธอ เสี่ยวเชี่ยนจะต้องอยากเอาหัวชนกำแพงแน่นอน
นี่ตัวฉันผิดหรือไร
ไอ้ที่ควรถูกจึ๊กกลับไม่สำเร็จ คนพวกนี้มาแห่ทำตามอะไรกันตอนนี้
หากจะว่ากันตามจริง เรื่องของสืออวี้กับเฉียวเจิ้นก็มีสาเหตุมาจากที่เสี่ยวเชี่ยนทำเครื่องปั่นน้ำผลไม้ระเบิดใส่กำแพงนั่นแหละ
แต่ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนยังไม่รู้ว่าลูกคุณหนูสุดบ๊องได้หลุดพ้นจากความเป็นวัยรุ่นใสๆไปแล้ว
เธอโทรหาต้าอีแล้วเจอกับเรื่องที่เสียดแทงใจ
ครั้นแล้วจึงนึกได้ว่าเธอยังมีน้องเสี่ยวยวี่เป็นที่พักพิงทางใจได้อยู่
ขณะที่กำลังคิดหลบหลีกจากคู่อวี๋หมิงอี้ที่ทำร้ายจิตใจ ไปหาลูกคุณหนูที่สุดแสนน่ารักเพื่อให้ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ทันใดนั้นลูกคุณหนูก็โทรเข้ามาพอดี
พอเริ่มพูดก็พูดจาอึกๆอักๆ
“ประธานเชี่ยน…ช่วยด้วย…”
“เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวเชี่ยนเป็นห่วงขึ้นมาทันที เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวยวี่?
“ฉันปวดมาก…เธอซื้อยาแก้ปวดมาให้ฉันหน่อยได้ไหม ฉันลงจากเตียงไม่ไหวแล้ว”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?” หรือว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นทำให้เสี่ยวยวี่ได้รับบาดเจ็บ?
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะชอบพูดแซวว่านี่คือลูกคุณหนูสุดติงต๊อง แต่ความสัมพันธ์กลับไม่ธรรมดา นี่คือซุปเปอร์เพื่อนสนิทที่ร่วมทุกข์กันมาตั้งแต่ในหุบเขา
พอได้ยินเสียงที่น่าสงสารของเสี่ยวยวี่ เสี่ยวเชี่ยนก็เครียดขึ้นมาทันที
“ฉันถูกพี่เฉียวเจิ้นจึ๊กแล้ว ฉันเจ็บมากเลย ซื้อยาแก้ปวดให้หน่อยสิ แล้วก็ซื้ออาหารหนูมาให้เยี่ยเหล่ากับหงเหนียงด้วย”
“…เยี่ยเหล่า? หงเหนียง?” คือไรวะ?
หนูแฮมเตอร์ตัวอ้วนที่สืออวี้เลี้ยงไม่ได้ชื่อเบนโบ้กับโบ้เบนหรอกเหรอ?
แค่คืนเดียวก็เปลี่ยนชื่อแล้ว อีกอย่างจึ๊กหมายความว่าไง? คงไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะ?
แล้วก็ได้ยินเสียงสืออวี้พูดออกมาด้วยความเขิน “เปลี่ยนชื่อแล้ว เพราะพวกมันสองตัว ฉันกับพี่เฉียวเจิ้นถึงได้เป็นผัวเมียกัน ตอนนี้ฉันเหมือนกับเธอแล้วนะ พวกเราเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์แล้ว ฮี่ๆๆ~”
เสี่ยวเชี่ยนกดตัดสายทิ้งทันที
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองท้องฟ้าอย่างเงียบๆ
ใครเป็นผู้หญิงกันโว้ย
เสี่ยวเฉียงของเธอจึ๊กไม่สำเร็จเคมะ นี่เธอไปสร้างเวรกรรมอะไรไว้กันแน่เนี่ย ทำไมพวกที่ไม่ตั้งใจกลับทำสำเร็จ เธอวางแผนมาตั้งนานแต่กลับล้มเหลวทุกครั้ง?
แต่ลูกคุณหนูสุดต๊องกลับไม่ได้เข้าใจถึงความรู้สึกการถูกทำร้ายจิตใจของเสี่ยวเชี่ยน โทรกลับมาหาเธออีกครั้ง
“ประธานเชี่ยน ทำไมวางสายไปล่ะ มือเผลอไปกดเหรอ?”
“ไม่อยากยุ่งกับเธอ”
“ไม่เอาน่า…ฉันรู้ เธอเคยสอนฉันว่าเป็นผู้หญิงยิงเรือต้องรู้จักเคารพตัวเอง ควบคุมช่วงล่างให้ดี แต่เรื่องนี้โอกาสมันหายากนะ ฉันเห็นเขาก็ดูจริงใจดี เมื่อคืนตอนพวกเราอยู่ด้วยกัน เขาร้องไห้ด้วยเธอรู้ไหม ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้จริงๆ”
จนถึงตอนนี้สืออวี้ยังไม่เข้าใจว่าที่เสี่ยวเชี่ยนวางสาย เพียงเพราะตัวเธอนั้นหิวโหยอยู่คนเดียว คนอื่นกินเนื้อกันเสร็จไปหมดแล้ว ปวดใจ
ไม่ใช่เรื่องควบคุมช่วงล่างอะไรทั้งนั้น อย่างเรื่องของสืออวี้กับเฉียวเจิ้นที่เก็บงำความรู้สึกมานาน พอมีโอกาสก็เต็มที่ เรื่องนี้ไม่แปลกใจเท่าไร แต่ที่เธอรับไม่ได้ก็คือ ทำไมรูมเมทเธอถึงได้เสร็จกันหมดแล้ว เหลือแค่เธอที่พรหมจรรย์ยังอยู่ดี?
ครั้นแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็วางสายอีกรอบด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง
พอสืออวี้โทรมารอบที่สามก็ถึงกับวิงวอน “ประธานเชี่ยนอย่าโกรธสิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา…”
“หุบปากเดี๋ยวนี้” ไม่ฟังโว้ย เสียดแทงใจ
สุดท้ายก็อดเอ็นดูสืออวี้ไม่ได้ ถึงยัยคนนี้จะทำเธอขุ่นเคือง แต่ก็ยังคงเป็นคุณหนูจอมต๊องในสายตาของเสี่ยวเชี่ยนเหมือนเดิม บางครั้งเสี่ยวเชี่ยนไม่คิดว่าสืออวี้คือเพื่อนสนิทแต่เป็นเด็กน้อยที่เธอเลี้ยงเอาไว้ พอเห็นเด็กที่ไม่ประสีประสากลายร่างเป็นแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนโลลิต้าดาร์คโหมด
“บอกที่อยู่มา เดี๋ยวฉันไปหา”
เฮ้อ นี่มันเวรกรรมอะไร ไม่เพียงแต่จะต้องมาเจอเรื่องเสียดแทงใจพร้อมๆกัน ยังจะต้องเอายาแก้ปวดกับอาหารหนูไปให้อีก ชีวิต…
ประธานเชี่ยนรู้สึกเศร้าใจ