แม่อวี๋ยังแอบคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนจะหาทางบ่ายเบี่ยง อันที่จริงที่แม่อวี๋พูดเรื่องลูกใช่ว่าจะอยากอุ้มหลานเลยตอนนี้ ก็แค่เกริ่นๆถามเสี่ยวเชี่ยนดู ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนพูดคำพูดที่เธออยากฟังพอดี
“อ้อ ดีเลยจ้ะ แบบนี้ก็เยี่ยมเลย เรื่องพี่เลี้ยงไว้เป็นหน้าที่แม่เอง แม่จะเริ่มหาให้ตั้งแต่ตอนนี้เลย อันที่จริงถึงตอนนั้นแม่ก็เกษียณแล้ว ไว้แม่มาช่วยเลี้ยงก็ได้นะ ฮ่าๆ เรื่องนี้ดีมากๆ”
แม่อวี๋พูดชมไม่ขาดปาก สีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
เสี่ยวเฉียงยังคงทำหน้าอึ้งมึนงงไม่หาย จนกระทั่งเสี่ยวเชี่ยนแทะซี่โครงเสร็จโยนกระดูกใส่ชามเขา แล้วยิ้มพลางถาม
“ทำไม นายยังไม่พร้อมเป็นพ่อคน ไม่อยากมีลูกไวขนาดนี้ใช่ไหม?”
“อยากๆๆ ผมอยากมี” อวี๋หมิงหลางรีบตอบ แล้วยิ้มฮี่ๆให้ เพื่อกลบเกลื่อนความดีใจเขารีบคีบกระดูกที่เธอโยนมายัดเข้าปาก
แข็งเป็นบ้าเลย
ต้าอีเห็นแม่สามีดีใจขนาดนั้นจึงพลอยยิ้มไปด้วย
อันที่จริงเธอรู้อยู่ก่อนแล้วว่าประธานเชี่ยนอยากมีลูก คราวก่อนที่ไปร้านหนังสือประธานเชี่ยนซื้อหนังสือเตรียมพร้อมมีบุตรตั้งหลายเล่ม
เนื่องจากประธานเชี่ยนปล่อยข่าวดีนี้ออกมา แม่อวี๋กับเสี่ยวเฉียงจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเสี่ยวเฉียง มีความสุขเสียจนรับหน้าที่ล้างชามเองแถมยังฮัมเพลงขณะล้างเสียด้วย
ระหว่างทางกลับบ้าน ต้าอีกอดพ่านพ่านที่หลับไปแล้ว เธอมองหน้าพี่รองด้านข้างที่กำลังขับรถ จากนั้นจึงถามอย่างลังเล
“คุณชอบเด็กหรือเปล่า?”
“พ่านพ่านเหรอ?” พี่รองคิดว่าเธอพูดถึงพ่านพ่าน
ต้าอีส่ายหน้า “ฉันหมายถึง วันนี้ดูหมิงหลางมีความสุขมาก แล้วคุณ…”
“ไม่อยากมี ยุ่งยาก”
พี่รองปฏิเสธแล้วหันไปมอง “มีพ่านพ่านก็พอแล้ว ถ้าแม่พูดอะไรกับคุณก็บอกให้เขามาคุยกับผม”
ต้าอีไม่เหมือนกับเสี่ยวเชี่ยน ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะเรียนข้ามชั้นไปสองปี แต่ความรู้ของเธอมีมากพอ หากเสี่ยวเชี่ยนมีลูกก็คงไม่เหนื่อยมาก แต่ตอนนี้ต้าอียังอยู่ในช่วงสั่งสมความรู้และประสบการณ์ แถมยังต้องคอยดูแลพ่านพ่าน พี่รองเป็นห่วงคิดจะหาพี่เลี้ยงมาช่วย แต่ต้าอีอยากประหยัดเงินจึงไม่เอาพี่เลี้ยง เธอจึงมีหน้าที่คอยดูแลครอบครัวไปด้วย
ถ้าเวลานี้มีลูกอีกคน ต้าอีจะต้องเหนื่อยมากแน่ พี่รองไม่อยากให้เธอลำบาก
ท่าทีของเขากลับทำให้ต้าอีเข้าใจเป็นว่าเขาไม่ชอบเด็ก เธอจึงเงียบไปไม่ถามอะไรอีก
“พรุ่งนี้คุณยังต้องไปที่สนามแข่งอีกไหม?” พี่รองถาม
“ไปค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานเชี่ยน ตอนที่เขาไปถกประเด็นฉันมีหน้าที่เตรียมข้อมูลให้ และเป็นคนคอยช่วยประธานเชี่ยนเสริมด้วย ฉันแอบเครียดนิดหน่อย…พี่รอง ฉันจะไหวไหม?”
ต้าอีได้ยินมาว่าการแข่งถกประเด็นพรุ่งนี้ ผู้ช่วยของคนอื่นถ้าไม่ได้มีประสบการณ์หลายปี ก็เป็นถึงดอกเตอร์ ถ้าประธานเชี่ยนเป็นผู้เข้าแข่งขันที่วุฒิการศึกษาต่ำสุดประสบการณ์น้อยสุด งั้นเธอก็คงเป็นผู้ช่วยที่การศึกษาต่ำสุด ประสบการณ์น้อยสุดเหมือนกัน
“คุณทำได้” พอพี่รองพูดจบก็เหลือบมองเธอ “ผมว่าคุณเก่งมาก”
ต้าอีหน้าแดงทันที
ถึงจะคบกันมาหลายปีแล้ว แต่พอได้ยินเขาชมแบบนี้หัวใจก็ยังเต้นแรง
“คุณทำเหมือนตอนปกติก็พอ ไม่ต้องกดดันหรอก”
พี่รองพูดต่อในใจ ยังไงนั่นมันก็การแข่งของเมียเจ้าเล็กมัน…
ต้าอีพยักหน้าจริงจัง “เพื่อประธานเชี่ยนฉันจะพยายามให้เต็มที่”
ใครจะไปคิดว่าคำพูดของต้าอีจะเป็นจริง การแข่งในวันที่สองของประธานเชี่ยนโชคดีที่มีต้าอีคอยช่วย แต่นี่ก็เป็นเรื่องในวันรุ่งขึ้น
ตอนดึก เสี่ยวเฉียงโอบเสี่ยวเชี่ยนนั่งชมจันทร์อยู่ริมหน้าต่าง…ก็ได้ วันนี้เมฆเยอะ ไม่มีพระจันทร์ แต่ทั้งสองคนก็ยังนั่งโอบกันอยู่
คืนนี้แม่อวี๋ค้างที่นี่ หญิงชราดีใจมากที่ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นจึงดื่มเหล้าผลไม้เข้าไป ดื่มเสร็จก็มึนหัวจึงค้างที่ห้องนอนเล็กสีชมพูห้องนั้น
“ลูกเชี่ยน ปีหน้าเรื่องเรียนคุณจะไม่มีปัญหาเหรอ? จะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” พออวี๋หมิงหลางเริ่มเพลาๆอาการดีใจลงแล้วจึงนึกถึงความเป็นจริง
ลูกเชี่ยนของเขายังเรียนอยู่ ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ตั้งท้องระหว่างเรียนปริญญาเอกไปด้วย แต่เธอจะเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า ถ้ามีลูกแล้วเธอจะเหนื่อยกว่าเดิมเขายอมมีช้าหน่อยก็ได้
“ต้าอีเป็นแม่บ้านเต็มตัวไม่เห็นจะบ่นเหนื่อยเลย ฉันทำอาหารก็ไม่ได้จะเหนื่อยแค่ไหนกัน?”
เสี่ยวเชี่ยนพูดเรื่องนี้ก็แอบอาย
ถ้าให้เธอเทียบกับต้าอี ชีวิตเธออย่างกับเป็นคุณนาย
แม่บ้านพาร์ทไทม์ที่จ้างไว้ใกล้มาทำงานแล้ว ถึงตอนนั้นเรื่องซักผ้า ทำอาหาร เธอไม่ต้องลงมือทำเอง เวลาเสี่ยวเฉียงอยู่บ้านก็ขยัน เรื่องที่มหาวิทยาลัยก็ไม่มีอะไรที่เกินกว่าประธานเชี่ยนจะรับมือ ถึงมีลูกจะเหนื่อยก็จริง แต่เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ออกเรือนคนอื่นแล้ว เสี่ยวเชี่ยนสบายกว่ามาก
“สำหรับผมนะ ผมคิดว่าอย่างคุณน่าจะ…” อวี๋หมิงหลางหยุดพูด
เขาทำหน้าเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ไม่กล้าพูด
วันนี้เสี่ยวเชี่ยนอารมณ์ดี เห็นเขาอ้ำๆอึ้งๆก็นึกขำ
“มีอะไรก็พูดมา วันนี้ฉันจะไม่ถือโทษ”
“ผมคิดว่าอย่างคุณน่าจะหิ้วกระเป๋าสานราคาแพงหูฉี่บ้าบออะไรนั่นไปนั่งเสริมสวยมากกว่า ว่างๆก็อุ้มหมาไปทำเล็บเข้าสปาเม้าท์มอยตามประสาผู้หญิง อยู่ๆคุณมาบอกว่าจะมีลูกผมไม่ชินเท่าไร”
อวี๋หมิงหลางรู้สึกแบบนั้นจริงๆว่าอย่างเมียเขาเหมาะกับการทำตัวเป็นคุณนายมากกว่า ดังนั้นพอคุณนายมาตั้งเป้าบอกว่าอยากมีลูก ถึงอวี๋หมิงหลางกับแม่อวี๋จะดีใจมากขนาดไหน แต่ก็รู้สึกเหมือนเอาเปรียบเธอยังไงไม่รู้
“เป็นคุณนายมีลูกไม่ได้? อีกอย่างฉันไม่ชอบเลี้ยงหมา แล้วก็ใครบอกนายว่าการที่ฉันมีลูกกับหิ้วกระเป๋าสาน…ถุย นั่นมันLV นายพาฉันออกนอกเรื่อง ฉันหมายความว่า การใช้ชีวิตของฉันกับการรับเป็นแม่มันไปด้วยกันได้ย่ะ”
ฐานะทางบ้านดีขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่อยากมีลูกออกจะงี่เง่าไปหน่อย
เสี่ยวเชี่ยนเห็นแม่อวี๋อยากอุ้มหลานเสียขนาดนั้น บวกกับนึกถึงแม่วัยทองของตัวเองที่มีความคิดแบบคนหัวโบราณขั้นหนัก เธอไม่กังวลเลยสักนิดว่าถ้ามีลูกแล้วเวลาไปทำงานจะทำอย่างไร
ไม่แน่สองคนนี้อาจทะเลาะกันเรื่องแย่งกันดูหลานด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าประธานเชี่ยนตัดสินใจแล้วช่วงสองปีแรกเธอจะพยายามเลี้ยงลูกด้วยตัวเองให้มากที่สุด เอาช่วงเวลาที่ติดค้างเมื่อชาติก่อนมาชดเชยให้ลูกในชาตินี้
“ขอบคุณนะลูกเชี่ยน” อวี๋หมิงหลางซึ้งใจมาก เขาเอาหน้าซุกกับไหล่เธอ รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมาก
“ตาทึ่ม มาขอบคุณฉันทำไม” เสี่ยวเชี่ยนพูดในใจ หรือว่าปกติเธอโหดร้ายกับเขามากไป พอดีกับเขาเข้าหน่อยเลยซึ้งใจหนัก?
ส่วนศาสตราจารย์ชีอะไรนั่น เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
เธอไม่เคยคิดจะฝากตัวเป็นศิษย์ศาสตราจารย์ชี และย่อมไม่เคยคิดเรื่องปีหน้าจะไปเรียนที่ไหน ตอนนี้ความคิดเธอคืออยู่ที่เมืองหลินเท่านั้น ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเสี่ยวเฉียง จากนั้นก็มีลูก ความสุขง่ายๆแบบนี้นี่แหละ
แต่แผนที่วางไว้ใช่ว่าจะเป็นอย่างที่คิดเสมอไป ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะสร้างความยุ่งยากให้กับแพลนของเสี่ยวเชี่ยน นี่เป็นเรื่องในภายหลัง
วันต่อมาอวี๋หมิงหลางไปทำงานแต่เช้า แอบเสียดายเล็กน้อยที่ไปดูเสี่ยวเชี่ยนแข่งไม่ได้ แต่ใครใช้ให้งานเขารัดตัวแบบนี้ล่ะ
ทำได้แค่ใส่ใจลงไปในอาหารเช้า
พอเสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นมาเห็นสภาพอาหารเช้าก็ถึงกับแน่นิ่ง แม่อวี๋ที่เพิ่งตื่นบันเทิงทันที