“คำถามพวกนี้ยากมาก มีหลายข้อที่ผมทำไม่ได้ แต่เชี่ยนเอ๋อตอบไวขนาดนี้…”
ฟู่กุ้ยรู้สึกแย่นิดหน่อย เขาสงสัยว่าตัวเองเป็นดอกเตอร์ตัวปลอมหรือเปล่า
ถึงดอกเตอร์สาขาประสาทวิทยาจะไม่เหมือนกับสาขาของเสี่ยวเชี่ยน ความรู้ที่คาบเกี่ยวกันไม่ได้มีมาก แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังมองออกว่าแบบทดสอบในครั้งนี้ไม่ธรรมดา เขาทำแล้วยังเหนื่อย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับใช้เวลาตอบเพียงไม่นาน
นี่เขาความรู้น้อยเกินไปหรือเชี่ยนเอ๋อเทพเกินไปกันแน่?
“เห้อ ไม่รู้เชี่ยนเอ๋อของเราจะผ่านเข้ารอบหรือเปล่า ฉันล่ะลุ้นแทน กินเม็ดแตงไม่รู้รสชาติแล้วเนี่ย”
เจี่ยซิ่วฟางกังวลจนเลิกแทะเม็ดแตง
“ถึงคำถามจะยากมาก แต่ดูจากสีหน้าของเชี่ยนเอ๋อน่าจะไม่มีปัญหานะครับ” ฟู่กุ้ยพูดไปตามความจริง
“อย่างนั้นเหรอ นี่คุณหยิบกระจาดเม็ดแตงส่งมาให้หน่อย ฉันจะกินต่อละ” เจี่ยซิ่วฟางพอได้ยินฟู่กุ้ยพูดแบบนั้นก็มีอารมณ์อยากกินขึ้นมาทันที
พ่อเลี่ยวยื่นเม็ดแตงที่กะเทาะเปลือกแล้วส่งให้ เจี่ยซิ่วฟางคว้ามายัดใส่ปาก พ่อเลี่ยวมองเธอพลางยิ้ม นี่แหละแม่แท้ๆเสี่ยวเชี่ยน
เหมือนกับที่ฟู่กุ้ยบอก เสี่ยวเชี่ยนตอบคำถามได้อย่างง่ายๆ
หลังออกจากห้องถ่ายทอดสดเธอต้องรอคนอื่นๆตอบให้เสร็จก่อน อีกหนึ่งชั่วโมงคณะกรรมการถึงจะประกาศผล
ที่ด้านนอกห้อง แม่อวี๋สวมชุดกี่เพ้าแต่งตัวอย่างเป็นทางการ เธอให้ความสำคัญกับการแข่งขันในครั้งนี้ของลูกสะใภ้มาก แถมยังแต่งหน้าอ่อนๆมาด้วย
ต้าอีจูงพ่านพ่านยืนอยู่ข้างแม่อวี๋
“เป็นไงบ้างจ๊ะ?” แม่อวี๋พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนออกมาก็รีบถาม
“เล็กน้อยค่ะ หนูบอกแล้วว่าไม่ต้องมาก็ได้นะคะ” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้มองว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ เธอเห็นแม่อวี๋รีบมาแต่เช้าตรู่ยังงงไปเลยทีเดียว
เสี่ยวเฉียงไอ้คนปากมาก ถึงเขาจะงานยุ่งมาให้กำลังใจไม่ได้ แต่ก็ยังถือโอกาสเมื่อวานตอนที่เธอหลับแอบไปโทรศัพท์ที่ระเบียงไล่บอกคนอื่นๆ
บ้านแม่ยายแม่สามีต่างรู้หมดว่าเสี่ยวเชี่ยนจะร่วมแข่งขันครั้งสำคัญที่จะมีการถ่ายทอดสด แม่อวี๋ลุกขึ้นมาตั้งแต่ตีสาม หอบหิ้วซุปบำรุงสมองมาหาถึงที่
“ทำให้ดีเหมือนตอนปกติก็พอ ไม่รู้ว่ากล้องถ่ายไปที่หนูบ้างหรือเปล่า คนในหมู่บ้านรอดูหนูอยู่”
“หมู่บ้าน…?” เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก
นี่มันเรื่องใหญ่ขนาดไหนกัน ต้องประกาศให้โลกรู้เลยเหรอ เสี่ยวเฉียงไอ้คนปากกว้างเท่ามหาสมุทร
“ใช่ๆ เมื่อวานพอวางสายจากเจ้าเล็ก พ่อเขาก็ไล่โทรบอกคนไปทั่ว วันนี้คนในหมู่บ้านเขาว่างๆกันก็เลยดูได้ ถ้าไม่ติดว่าวันนี้พ่อเขามีประชุมก็คงมากับแม่แล้ว พี่สะใภ้ใหญ่วันนี้มีผ่าตัดเลยมาไม่ได้ โมโหจะแย่”
แม่อวี๋ภูมิใจมากที่ตัวเองได้มาดูถึงสถานที่จริง เหมือนกับได้เปรียบกว่าคนอื่นหลายเท่า
เสี่ยวเชี่ยนพอเห็นสีหน้าของแม่อวี๋ทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วว่าสีหน้าได้ใจของเสี่ยวเฉียงได้มาจากใคร ตระกูลอวี๋นี่ช่างเม้าท์ทั้งครอบครัวเลยจริงๆ
“ต้าอี เธอได้ทำไหม?”
ตอนที่เสี่ยวเชี่ยนตอบคำถาม ต้าอีเองก็ทำไปด้วย
เธอหยิบกระดาษส่งให้อย่างเงียบๆ เสี่ยวเชี่ยนรับไปดูแล้วพยักหน้า
“ผิดไปสิบข้อ มีหกข้อที่เธอยังไม่ได้เรียน ถ้าเธอเข้าแข่งก็ผ่านเข้ารอบ”
“เฉลยยังไม่ออกเลยไม่ใช่เหรอ?” แม่อวี๋ถามด้วยความสงสัย
เสี่ยวเชี่ยนตอบด้วยท่าทางนิ่งๆ “หนูนี่แหละค่ะเฉลย”
มีคนที่เพิ่งตอบคำถามเสร็จเดินออกมา พอได้ยินเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นก็ทำเสียง หึ ใส่อย่างไม่แคร์
อายุแค่นี้ยังจะกล้าอวดดี? คนที่เคยทำโจทย์พวกนี้ต่างรู้ว่ามันยากมาก ต่อให้เป็นคนที่ผ่านการทำงานมาแล้วระยะหนึ่งก็ยังไม่กล้าฟันธงคำตอบ แล้วเด็กเมื่อวานซืนแบบนี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
“ยังเหลือเวลาอีกสักพักกว่าหมดเวลา งั้นพวกเราออกไปดื่มกาแฟกันไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ตื่นเต้นเลยแม้แต่น้อย
แม่อวี๋ยื่นกระบอกเก็บความร้อนให้ ในนั้นมีชาดับร้อนใน
“รอที่นี่แหละจ้ะ ออกไปข้างนอกเดี๋ยวจะพลาดตอนช่วงประกาศคะแนน”
เสี่ยวเชี่ยนเซ็ง ทำไมคนรอบตัวเธอถึงได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้นะ
ภายในห้องชุดของโรงแรมที่ดีที่สุดในเมืองหลิน ศาสตราจารย์ชีกำลังนั่งดูโทรทัศน์กับอาข่า แต่อาข่านั่งเหม่อลอย
“บอสคะ วันนี้ประธานเชี่ยนไปแข่ง ทำไมบอสดูไม่ห่วงเลยล่ะคะ?”
อาข่าอยากเปลี่ยนช่อง เธออยากดูประธานเชี่ยน
“มีอะไรให้น่าห่วง?”
“นี่ไม่เหมือนคำพูดของบอสเลยนะคะ” อาข่าคิดว่าบอสจะใช้โอกาสนี้ไปเสนอตัวให้ประธานเชี่ยนเห็นเสียอีก
“ระดับอย่างเขาถ้าไม่ผ่านสิแปลก ไม่มีอะไรน่าดูหรอก ไอ๊หยา นั่นเขาไม่ใช่ลูกแกนะ จะมาโมเมว่าเป็นพ่อไม่ได้” ศาสตราจารย์ชีตั้งใจดูโทรทัศน์แถมยังมีอารมณ์ร่วมด้วย
อาข่าทำตาตี่ใส่ “นี่มันสนุกตรงไหนกัน ประธานเชี่ยนไม่เคยดูอะไรแบบนี้”
“เขาไม่ดูเหรอ?” ศาสตราจารย์ชีหันไปอย่างเกร็งๆ
“ประธานเชี่ยนบอกว่าละครน้ำเน่าเป็นการสิ้นเปลืองเวลาชีวิต ดูเยอะๆจะทำให้โง่ ตรรกะความคิดก็จะผิดเพี้ยน”
“ฉันว่าก็จริงนะ มันก็ไม่มีอะไรน่าสนใจจริงๆแหละ ละครน้ำเน่าพ่อตามหาลูก ไม่ดูแล้ว”
ศาสตราจารย์ชีกดเปลี่ยนช่อง สุดท้ายไปหยุดที่ช่องเมืองนี้
เนื่องจากการแข่งขันจัดที่เมืองหลิน ดังนั้นสถานีโทรทัศน์ของเมืองนี้จึงได้ทำการถ่ายทอดก่อน
ตอนที่กดเปิดไปเจอช่องนี้เป็นช่วงที่กำลังประกาศผลคะแนนพอดี อาข่าชะโงกหน้าไปดู
รูปแบบการประกาศผลที่คล้ายกับเวลาแข่งกีฬา มองแวบเดียวก็รู้เรื่อง
“โห ประธานเชี่ยนได้เต็ม” อาข่าพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ศาสตราจารย์ชีหาวออกมา
“คะแนนไม่เต็มสิแปลก คำถามพวกนั้นไม่เห็นน่าสนใจตรงไหน โจทย์พรุ่งนี้ก็ไม่เห็นน่าสนุก ฉันล่ะสงสัยว่าวันมะรืนเขาจะทำยังไง ทางนั้นเตรียมขุดหลุมพรางรอไว้เรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ”
อาข่าทำตาตี่ใส่
ถ้าไม่ได้รู้มาก่อนว่าบอสอยู่ฝ่ายประธานเชี่ยน ฟังแค่นี้เหมือนกำลังสะใจอยู่มากกว่า
“บอสคะ พูดแบบนี้แสดงว่ารู้โจทย์อยู่แล้วเหรอคะ?”
“การแข่งขันแบบนี้จัดในประเทศยังพอไหว ถ้าเอาไปแข่งนอกประเทศไม่มีชั้นเชิงอะไรเลยสักนิด แล้วทำไมฉันถึงจะไม่รู้โจทย์?” ถามใครสักคนก็รู้ได้ไม่ยากแล้ว
“งั้นบอสบอกโจทย์มาหน่อยสิคะ เดี๋ยวฉันเอาไปบอกประธานเชี่ยน”
“เธอคิดว่าคนอย่างเขาเหมือนคนชอบทำทุจริตเพื่อชัยชนะเหรอ?”
“ก็บอสบอกเองนี่คะว่ารอบตัดสินอีกฝ่ายเตรียมหลุมพรางดักประธานเชี่ยนไว้ ทางนั้นมีเจตนาไม่ดี แล้วทำไมพวกเราต้องรักษากติกาด้วยล่ะคะ?”
“ถ้าเขาแพ้…”
อาข่ายื่นหน้าเข้าไปรอฟังต่อ
แต่ศาสตราจารย์ชีกลับดีดหน้าผากเธอ “งั้นฉันก็จะทำให้คนที่แกล้งเขาเป็นบ้าให้หมด”
อาข่ามองบน “ไร้สาระ เขาแพ้เลยค่อยไปแก้แค้นจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ”
“เซ้นส์ของฉันบอกว่าเขาไม่มีทางแพ้”
ศาสตราจารย์ชีมองคะแนนที่ปรากฏบนจอทีวี ชื่อของเฉินเสี่ยวเชี่ยนอยู่บนสุด ตกเป็นตัวเก็งทันที
แต่ลำพังฝีมือแค่นี้ยังไม่พอ ชีอวี่เซวียนรู้สึกว่าเธอยังโดดเด่นได้มากกว่านี้อีก เด็กคนนั้นยังฮึดเถียงเขาอยู่เลย เขารู้ว่าเธอไม่ยอมแพ้เรื่องที่เขาวิจารณ์เธอไป
“เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ฉันเข้าแข่งสมัยหนุ่มๆ รอบตัวเต็มไปด้วยพวกคนขาว คู่แข่งของเขาไม่ได้เก่งอะไรเลย ให้ฉันยัดรุ่นพี่เธอเข้าไปเป็นกรรมการแล้วให้คะแนนต่ำสุดกับเขาดีไหม? คนเราน่ะนะ ถ้าชีวิตราบรื่นเกินไปก็จะโอหังได้ง่าย”
“…ถ้าประธานเชี่ยนรู้เข้าฆ่าบอสตายแน่”
“ก็ได้ ฉันก็แค่ล้อเล่น”