“ไอ๊หยา ข่าวฉาว” เสี่ยวเฉียงดวงตาเป็นประกายทันที หันไปพูดกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยความตื่นเต้น “เร็วเข้าลูกเชี่ยน เอามือถือมาถ่ายให้ต้าอีดูเร็ว”
เสี่ยวเชี่ยนทำตาตี่ใส่ มีน้องชายแบบนี้พี่รองนี่ซวยจริงๆ
อวี๋หมิงหลางกำลังอยากดูละครฉากใหญ่ของพี่รอง ไม่ได้มีความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถ่ายรูปก็เห็นพี่รองรีบดันตัวผู้หญิงคนนั้นออก
“ทำอะไรน่ะ” พี่รองโมโห ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าน้อยใจ
“ผู้มีพระคุณ ลืมฉันแล้วเหรอคะ นี่ฉันเอง”
พอเห็นแบบนั้นอวี๋หมิงหลางก็ยังรู้สึกสะใจ
“ดูพี่รองสิ ต้าอีเคยเรียกเขาว่าผู้มีพระคุณ มาตอนนี้กลายเป็นพี่สะใภ้รองไปแล้ว นี่ยังจะมีโผล่มาอีกคน จึ๊ๆ พี่รองนี่ดวงเรื่องผู้หญิงไม่เบาเลยแฮะ ช่วยแต่เด็กๆทั้งนั้น ครั้งนี้จะทำไงล่ะเนี่ย”
“นายเป็นน้องชายแท้ๆของเขาจริงเหรอเนี่ย?”
เสี่ยวเชี่ยนมองเหยียดเสี่ยวเฉียง นั่นพี่ชายแท้ๆนะ ดูทำเข้า
“คนอย่างผมแต่ไหนแต่ไรมามองทุกอย่างตามความเป็นจริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบุคคล คุณก็ดูพี่รองสิ ช่วยแต่สาวๆทั้งนั้น”
พี่รองก็ซวยจริงๆ ยืนต่อคิวซื้อปลาหมึกให้แฟนอยู่ดีๆกลับถูกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้โผล่มากอด
พี่รองเป็นคนที่รักสะอาดมาก เกลียดที่สุดคือการโดนคนแปลกหน้าสัมผัส พอถูกผู้หญิงคนนี้จู่โจมเข้ากอดเขาก็ขนลุกไปทั้งตัว
พอเงยหน้าก็เห็นน้องชายกับแฟนกำลังยืนมองอย่างสนุกสนาน พี่รองเลยถลึงตาใส่ด้วยความโมโห ความหมายคือห้ามเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อหน้าพี่สะใภ้รองเด็ดขาด
เสี่ยวเฉียงถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้เข้าด้วยกัน ทำท่านับเงิน เหมือนกำลังบอกว่าถ้าไม่ให้ค่าปิดปากข่าวลือกระฉ่อนแน่
เสี่ยวเชี่ยนสงสารพี่รอง ระหว่างที่พวกเขากำลังจ้องหน้ากันอยู่นั้น ผู้หญิงคนที่เพิ่งถูกพี่รองดันตัวออกยังไม่ยอมแพ้จะเข้าไปจับมือพี่รองอีก แต่พี่รองรีบถอยทันที
“คุณเป็นใครกันแน่?”
“ผู้มีพระคุณลืมแล้วเหรอคะ ตอนนั้นฉันถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน คุณบุกเข้าไปช่วยฉันในป่า ฉันยังจำอ้อมกอดอันอบอุ่นของคุณได้เลย”
“คุณจำผิดคนแล้ว ผมไม่เคยเข้าป่าไปทำภารกิจ”
พี่รองดูโล่งอก
ถูกคนเรียกว่าผู้มีพระคุณ ถ้าต้าอีเป็นคนพูดเขาถึงจะรู้สึกดี ถูกคนแปลกหน้ากอดแบบนี้น่ากลัวจริงๆ
“คุณไม่ใช่ทหารหรอกเหรอ? ไม่ใช่ทหารหน่วยรบพิเศษเหรอ? คุณไม่ใช่พี่One?”
เสี่ยวเฉียงกำลังยืนดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนานกับเสี่ยวเชี่ยน พอได้ยินแบบนั้นอยู่ๆก็ขำไม่ออก
เขาถึงขนาดไม่กล้าหันไปมองสีหน้าเสี่ยวเชี่ยนเลยด้วยซ้ำ ท่ามกลางอากาศร้อนๆแต่เขากลับเสียวสันหลังวาบ
ขณะที่อวี๋หมิงหลางหันตัวเตรียมหนีก็ได้ยินเสียงเสียงพี่รองจากทางด้านหลัง
“ผมไม่ใช่One เขาต่างหาก” นี่เป็นการล้างแค้นที่น้องชายยืนดูอย่างสะใจเมื่อครู่ชัดๆ
ปกติพี่รองไม่ใช่คนแบบนี้ ครั้งนี้เป็นการแก้แค้นที่น้องเล็กพาแฟนมายืนดูเหตุการณ์อย่างหน้าตาเฉย
ขณะที่อวี๋หมิงหลางเตรียมชิ่งก็รู้สึกได้ว่ามีคลื่นลมพุ่งมาจากทางด้านหลัง เท่าที่กะดูเมื่อครู่อย่างน้อยๆน้ำหนักก็น่าจะหกสิบขึ้นไป ทะยานเข้ามาด้วยความเร็วสูงพุ่งมาหาเขา
“มีธุระอะไรก็ว่ามา อย่าเที่ยวกอดคนส่งเดช”
อวี๋หมิงหลางรีบเบี่ยงตัวหลบ ผู้หญิงคนนี้ที่พอเห็นผู้มีพระคุณก็อยากจะพุ่งเข้ากอดเกือบเซไปชนแผงขายเสื้อผ้าของร้านค้า
เสี่ยวเชี่ยนยืนมองหน้านิ่ง เสี่ยวเฉียงรีบอธิบายทันที
“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ”
“เมื่อกี้ฉันจำได้มีคนพูดว่าเลือกช่วยแต่สาวๆ?”
เสี่ยวเชี่ยนลอกเลียนคำพูดของเขาที่เมื่อครู่ยืนมองพี่รองอย่างสนุกสนาน
เวลานี้เสี่ยวเฉียงเองก็จนใจ เขารู้สึกเซ็ง
พี่รองกลับมองเสี่ยวเฉียงด้วยความสะใจ
สมน้ำหน้าไอ้เล็ก แกก็มีวันนี้
“คุณผู้หญิง ผมไปช่วยคุณไว้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีความจำยอดเยี่ยม ไม่มีทางที่เขาจะจำคนที่ตัวเองเคยช่วยไม่ได้
แต่เขาจำไม่ได้จริงๆว่าเคยช่วยผู้หญิงบ้าผู้ชายแบบนี้ด้วย สีหน้าดูหื่นมาก พอเห็นคนหล่อก็จะพุ่งเข้าไปกอด
“ลืมแล้วเหรอคะพี่One ตอนนั้นฉันเคยถูกคนร้ายจับเป็นตัวประกัน พี่พาคนมาช่วยฉัน เหมือนกับหงอคงที่ขี่เมฆมา หลายปีมานี้พี่ยังคงติดตราตรึงใจฉันมาตลอด ไม่นึกเลยว่าจะได้มาเจอพี่ที่นี่”
“หลังจากสร้างประเทศ สัตว์ห้ามกลายเป็นเทพ หงอคงหงอเคิงอะไรกัน ผมว่าคุณจำผิดคนแล้ว ลาก่อน”
เสี่ยวเฉียงตัดบทอยากชิ่ง
“ไม่ผิดแน่ พี่ยังคงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน พี่ลืมแล้วเหรอคะ ป่าที่เหล่าซานหลิ่ง ฉันเสี่ยวจื้อไง”
“คุณจำผิดแล้ว อันที่จริงผมเป็นช่างซ่อมจักรยาน ไม่เคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ลาก่อน”
อวี๋หมิงหลางควงเสี่ยวเชี่ยนอออกเดินโดยไม่สนเรื่องซื้อปลาหมึกย่างแล้ว
“พี่One พี่ไม่ใช่พี่Oneจริงๆเหรอ” สาวร่างอวบตะโกน
เสี่ยวเชี่ยนเดินออกไปกับอวี๋หมิงหลางจนไกลแล้วหันกลับไปมอง ผู้หญิงคนนั้นยังยืนอยู่ที่เดิม
“ยาวเหลียวหันกลับไป คนนั้นไซร้อยู่ที่เดิม พี่One พี่ไม่หันกลับไปดูหน่อยเหรอ?”
เสี่ยวเฉียงเกือบเดินสะดุดเพราะคำพูดของเธอ
“เขาเป็นใครกัน? ‘คนนั้น’ ของผมอยู่เคียงข้างผมมาตลอด ทำไมผมต้องหันกลับไปมองด้วย?”
“สงสัยหน้าตาไม่ผ่าน ถ้าสวยกว่านี้หน่อยนายก็จะหันไปมองใช่ไหมล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนแกล้งแซว
“เกี่ยวอะไรกับสวยไม่สวย? ผู้หญิงก็หน้าตาเหมือนๆกันไม่ใช่เหรอ?” นอกจากเสียวเหม่ยแล้ว ในสายตาของเขาผู้หญิงก็หน้าเหมือนๆกัน ไม่มีอะไรต้องมอง
“พี่One เขาใช่เด็กผู้หญิงที่นายเคยเล่าว่านายยิงคนร้ายครั้งแรกเพื่อช่วยเด็กคนนี้?”
เสี่ยวเชี่ยนจำได้อวี๋หมิงหลางเคยเล่าให้ฟัง ตอนที่เขายิงคนร้ายครั้งแรก คนร้ายคนนั้นฆ่ายกครัวแล้วจับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเป็นตัวประกัน นัดเดียวระเบิดหัว จากนั้นเขาก็สะอิดสะเอียนไปหลายวัน
ประเด็นสำคัญคือหลังจากนั้น เพื่อความสบายใจ เขาจึงกลับไปที่บ้านของเด็กผู้หญิงคนนั้นเพื่อดูเธอแล้วถึงกลับไปทำงาน
ตอนที่เขาเล่าให้ฟังเสี่ยวเชี่ยนนึกว่าเป็นเด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบ พอมาดูตอนนี้ ไม่ใช่เด็กแล้วนะ นี่มันผู้ใหญ่แล้ว
ตอนนี้ในใจของอวี๋หมิงหลางรู้สึกอยากจะบ้าพร้อมทั้งรู้สึกว่าเขาผิดอะไร
“ตอนนั้นเขาเป็นเด็กผู้หญิงอายุสิบกว่าเองนะ ใครจะไปรู้นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีกลับตัวโตเป็นก้อน”
ก้อน…ใช้คำๆนี้พูดถึงผู้หญิงมันจะดีเหรอ?
“ผู้หญิงเปลี่ยนตอนสิบแปด มันน่าแปลกตรงไหน” พอผ่านช่วงวัยรุ่น ก็เหมือนกับไปศัลยกรรมมา
เพราะศัลยกรรมน่ะมีทั้งที่ออกมาดี และล้มเหลว…
พูดถึงช่วงวัยรุ่น ประธานเชี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะแต่งแต้มสีสันหน่อย
“ช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงที่ฮอร์โมนเริ่มพลุ่งพล่าน จะเกิดความรู้สึกอยากเข้าใกล้คนต่างเพศ คนช่วงวัยนี้จะอ่อนไหวกับเรื่องรักๆใคร่ๆเป็นพิเศษ นายไปปรากฏในใจเขาดั่งเทพบุตร สร้างความประทับใจที่ยากจะลืม…พี่Oneคะ พี่คงไปสร้างผลงานไว้มากสินะ คงมีสาวๆอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่พี่ไปช่วยไว้ ต่อไปฉันจะได้เตรียมใจเอาไว้ ถ้าอีกหน่อยมีคนออกมาเรียกนายพี่Oneอีกฉันจะทำไงดี?”
“เรื่องนี้ยังต้องคิดอีกเหรอ? ก็บอกเลยว่าคุณเป็นเมียผม ง่ายๆ”
คำตอบง่ายๆเถื่อนๆแต่ประทับใจประธานเชี่ยน เธอสบายใจแล้ว แต่ยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ