พิธีกรที่ถนัดเล่าข่าวแต่ไม่ถนัดเป็นพิธีกรการแข่งขันได้เจอช่วงที่ตัวเองจะได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่แล้ว เธอพยายามเล่าข่าวอย่างออกอรรถรส
“ก่อนการแข่งขันจะเริ่มหนึ่งชั่วโมง ในเมืองของเรานั้นได้เกิดเหตุคนร้ายจับคนเป็นตัวประกัน ตอนนั้นคนร้ายควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญยังไปไม่ถึงจุดเกิดเหตุนั้น เฉินเสี่ยวเชี่ยนผู้เข้าแข่งขันของเราก็ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยค่ะ”
“…ฉันไม่ได้ยื่นมือเข้าไปเองนะ” เสี่ยวเชี่ยนพึมพำเสียงเบา
ถ้าเธอไม่เจอหลินเจ๋อกว่างแล้วถูกเขาขอร้อง เธอก็ไม่ได้อยากจะยุ่งหรอก โดยเฉพาะในวันที่เธอใส่เสื้อแดงรูปเครื่องหมายถูกแบบนี้…
“หลังจากที่ได้ช่วยเหลือตัวประกันสำเร็จแล้ว ทางคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะให้คะแนนเฉินเสี่ยวเชี่ยน เธอใช้เหตุการณ์จริงแสดงให้พวกเราเห็นถึงจรรยาบรรณของแพทย์ อีกทั้งยังได้ให้ความรู้ในฐานะนักจิตวิทยาบำบัด ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจแวดวงจิตวิทยามากขึ้น ซึ่งเข้ากับคำถามในการแข่งขันวันนี้มากค่ะ ดังนั้นคะแนนที่ทางคณะกรรมการให้เฉินเสี่ยวเชี่ยนก็คือ…คะแนนเต็มค่ะ”
ผู้ชมในห้องส่งพากันปรบมือ ต้าอีดีใจจนหน้าแดง ตบมือเสียงดังที่สุด
ไม่รู้ว่าช่างไฟรู้ตำแหน่งของเสี่ยวเชี่ยนได้อย่างไร ฉายไฟมาให้เธอเพียงคนเดียว ปีศาจน้อยในใจเสี่ยวเชี่ยนร้องไห้ใหญ่แล้ว
ฮือๆ อย่าเขียนว่าสาวเสื้อแดงโลโก้เครื่องหมายถูกนะ…
“ประธานเชี่ยนยินดีด้วย” ต้าอีลงมากอดเสี่ยวเชี่ยนด้วยความดีใจ
“ฉันต้องขอบคุณเธอถึงจะถูก วันนี้เธอทำได้ดีมาก”
เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้แสดงท่าทางดีใจที่ตัวเองอยู่ๆก็ผ่านเข้ารอบ เธอยังคงทำตัวนิ่งเหมือนเดิม
คนอื่นๆในครอบครัวดีใจยิ่งกว่าเธอเสียอีก
“แต่ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลยนะ…เธอต่างหากที่ทำให้ฉันได้ฝึกแข่งขัน ประธานเชี่ยน ฉันคิดได้แล้ว”
“หืม? คิดอะไรได้?”
“ฉันคิดได้แล้วว่าจะทำไงกับเคสเย่ต้าเชียน” ครั้งนี้ต้าอีเก็บเกี่ยวไปได้มากพอตัว ตอนที่เธอช่วยเสี่ยวเชี่ยน ตัวเองก็ได้ค้นพบบางอย่าง
“เคสคนไข้ในลักษณะนี้จะช่วยหรือไม่ช่วยไม่สำคัญหรอก อำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่ตัวฉันเอง ฉันจะรักษาก็ดี ไม่รักษาก็ช่าง มันเป็นเรื่องของฉันคนเดียว ทำตามที่ใจต้องการ อย่าขัดต่อศีลธรรมของตัวเองเป็นพอ จรรยาบรรณก็คือความตั้งใจแรก”
มาจนถึงตอนนี้ต้าอีถึงได้เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเชี่ยนถึงบอกกับเธอว่า แก้ปัญหาเรื่องความรุนแรงในครอบครัวได้ก็จะเข้าใจเองว่าควรจัดการเคสของเย่ต้าเชียนอย่างไร
ที่แท้หัวใจของการเป็นหมอก็คือความตั้งใจแรก ยืนหยัดในเรื่องที่ตัวเองคิดว่าถูก
“ถูกต้อง เธอคิดว่าคนๆนี้น่าช่วยเธอก็ช่วย แต่ถ้าเธอคิดว่าช่วยเขาไปแล้วเธอกลับลำบากใจก็ไม่ต้องช่วย มีแค่นักจิตวิทยาบำบัดที่ยึดมั่นในหลักการของตัวเองเท่านั้นถึงจะช่วยคนไข้ให้เดินออกมาจากความมืดมนได้ ถ้าแม้แต่ตัวเธอเองยังไม่รู้ว่าจุดยืนของตัวเองคืออะไร แล้วจะไปช่วยคนอื่นได้ยังไง?”
ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าช่วยหรือไม่ช่วย แต่อยู่ที่ช่วยด้วยความรู้สึกแบบไหน หรือปฏิเสธด้วยความรู้สึกไหน
ยามที่รักษาต้องพยายามอย่างเต็มที่ รักษาเสร็จแล้วเจอกันบนท้องถนนก็กลายเป็นแค่คนไม่รู้จักกัน มีความรู้สึกร่วมแต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ยืดยาวไม่ได้ เสี่ยวเชี่ยนใช้ประสบการณ์จริงสร้างอิทธิพลต่อต้าอี
“ก่อนหน้านี้ฉันไม่เข้าใจมาตลอดเรื่องความเกี่ยวข้องกันระหว่างการใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเรื่องนั้น ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว การช่วยคนที่ถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัว สิ่งที่พวกเราต้องทำก่อนอื่นเลยก็คือช่วยเขาเรียกคุณค่าในตัวเองกลับคืนมา พวกเราที่เป็นหมอเองก็เหมือนกัน ยังมีอีกความหมายหนึ่งที่แอบแฝงอยู่ เธอต้องการจะบอกฉันว่าอย่าหวั่นไหวต่อเสียงวิจารณ์ภายนอก ยืนหยัดในเรื่องที่ตัวเองคิดว่าถูก ก็เหมือนกับการที่ห้ามถามผู้หญิงที่ถูกใช้ความรุนแรงว่าทำไมไม่หย่า”
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า ถูกต้อง
คนที่มีจิตใจป่วยก็เหมือนกับคนที่อยู่ในความมืดมน คนที่ยืนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์อันเจิดจ้าไม่มีทางเข้าใจความทุกข์ของคนที่อยู่ในความมืดมิด และโลกใบนี้นั้นก็เต็มไปด้วยบุคคลที่ทำตัวเป็นแม่พระจอมปลอม
คนที่ยืนอยู่ในมุมของผู้ชมเหตุการณ์พยายามเสนอแนะนั่นนี่โดยอ้างเรื่องทำไปด้วยความหวังดี พูดได้น้ำไหลไฟดับประหนึ่งเป็นผู้รู้ทุกอย่าง
คุณเป็นหมอคุณต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ต่อให้เหนื่อยตายเดี๋ยวก็ได้รับการสรรเสริญ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คุณควรทำ คนๆนี้ต่อให้เป็นคนร้ายคดีอุกฉกรรจ์คุณก็ต้องรักษา เพราะคุณเป็นหมอ
คุณใช้ความรุนแรงในครอบครัวแล้วยังไม่หย่า คุณมันโง่เอง
เรื่องแค่นี้กลับคิดสั้น พวกโรคจิตเวชล้วนมีสาเหตุมาจากจิตใจคับแคบ ปลงไม่ได้…
แม่พระจอมปลอมแบบนี้ในสายตาของเสี่ยวเชี่ยน ถ้ายืนอยู่บนสะพานลอยแล้วสาดน้ำลงไป มีคนเดินมาห้าคนอย่างน้อยก็คงสาดโดนสักสองคน
ต้าอีเข้าใจเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว อย่าเที่ยวไปสั่งสอนคนอื่นส่งเดช เพราะโลกนี้ไม่มีชีวิตใครที่เหมือนกันเสียทุกอย่าง ไม่มีบาดแผลใดที่จะเกิดความรู้สึกได้เหมือนกัน ต่อให้เป็นเรื่องที่ดูคล้ายคลึงกันก็ตาม แต่ผู้ที่เจอกับเหตุการณ์นั้นๆล้วนมีท่าทีที่แตกต่างกันไปโดยขึ้นอยู่กับนิสัยส่วนตัวและสภาพแวดล้อมที่เติบโตมา
พวกชอบทำตัวเป็นแม่พระจอมปลอมทั้งหลายถนัดที่สุดก็เรื่องเจ้ากี้เจ้าการสั่งสอนคนอื่นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
“เรื่องที่ฉันอยากให้เธอคิดได้ก็คือเรื่องนี้นี่แหละ ความผูกพันระยะยาวเป็นข้อดีของเธอแต่ก็เป็นข้อด้อยเหมือนกัน ถ้าเธอมองข้ามเสียงจากโลกภายนอกที่มารบกวนเธอไม่ได้ ถ้าเธอไม่สามารถเดินออกมาจากความรู้สึกร่วมหลังรักษาเสร็จได้ แบบนั้นนานวันเข้าความทุกข์ของคนอื่นจะค่อยๆพอกพูนในใจเธอ จนสุดท้ายเธอจะทุกข์มาก ถ้าเธอล้มลง คนไข้ของเธอจะทำยังไง ครอบครัวเธอจะทำยังไง?”
หักกิ่งแห้งที่เป็นส่วนเกินทิ้งเสียก็จะเหลือแต่กิ่งแข็งแรงที่เติบโตต่อไป ปกป้องความตั้งใจแรกของตัวเองเอาไว้ให้ได้ก็เท่ากับได้ช่วยคนไข้นับพันนับหมื่น
ส่วนแม่พระจอมปลอมจากโลกภายนอกที่คิดว่าตัวเองรอบรู้ไปเสียทุกอย่างคอยเจ้ากี้เจ้าการนู่นนี่ ก็ปล่อยให้พวกเขาใช้ปากกอบกู้โลกจินตนาการสมมติต่อไป
ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังดีใจที่ต้าอีได้เติบโตขึ้นอีกขั้น ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น มีเบอร์แปลกโทรมา
“เฉินเสี่ยวเชี่ยนใช่ไหม?”
“คุณคือ…?”
“ไม่ต้องถามว่าฉันเป็นใคร ระวังตัวหน่อยนะ การแข่งขันของคุณในวันพรุ่งนี้อาจมีคนจงใจให้คะแนนคุณต่ำ”
พูดจบก็วางสาย
ปลายสายพยายามดัดเสียงให้ทุ้มต่ำ แต่เสี่ยวเชี่ยนฟังแล้วกลับรู้สึกคุ้นเสียง
ใครกันนะ…อ๋อ นึกออกแล้ว
เสียงนี้เธอฟังมาตลอดสามปีของการเรียนมอปลาย
อาจารย์ที่ปรึกษาของเธอ
เธอหันไปแสยะยิ้มให้ชีอวี่เซวียน เสี่ยวเชี่ยนแกว่งมือถือ “การใจดีเกินไปบางครั้งก็อาจเกิดเซอร์ไพร้ส์แบบไม่ทันตั้งตัวได้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ฮ่าๆๆ ปีศาจน้อยในใจเสี่ยวเชี่ยนยืนเท้าสะเอวหัวเราะร่า เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกสะใจกับการที่ตัวเองพลิกมาชนะได้
ชีอวี่เซวียนมองตามพวกเสี่ยวเชี่ยนที่เดินออกไป อาข่าวิ่งมาหาด้วยสภาพเหงื่อเต็มตัว
“บอสใจร้ายมากเลยนะคะ บอสมาดูประธานเชี่ยนแข่งแต่กลับสั่งฉันไปทำงาน”
เธอมาช้าเลยอดดูประธานเชี่ยนแสดงความเทพเลย เมื่อกี้แอบไปสืบมาได้ยินว่าวันนี้คนที่โดดเด่นที่สุดก็คือเฉินเสี่ยวเชี่ยน
น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็น อาข่าพลาดโอกาสทอง
“แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่หน่อยนะคะ การแข่งพรุ่งนี้ของประธานเชี่ยนจะทำไงดีล่ะคะ คนพวกนั้นจะปล่อยเธอเหรอ? แอบเครียดนะคะ แต่พรุ่งนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามสั่งฉันไปไหนนะคะ ฉันจะดูประธานเชี่ยนแข่ง ถึงตอนนั้นพวกเราต้องนั่งแถวหน้า ฉันรู้สึกว่าพรุ่งนี้จะต้องสนุกมากแน่”
อาข่าพูดด้วยความตื่นเต้น ทั้งกังวลทั้งรอคอยการแข่งวันพรุ่งนี้
กลัวประธานเชี่ยนจะเสียเปรียบ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าประธานเชี่ยนไม่มีทางปล่อยให้คนพวกนั้นได้ใจ
“เธอคนเดียว”
“อะไรนะคะ?”
“พรุ่งนี้เธอมาคนเดียว ฉันยกที่นั่งให้เธอ”
“บอสไม่มาดูเหรอคะ? การแข่งขันที่สำคัญแบบนี้บอสจะไม่ดู? ไหนก่อนหน้านี้บอสบอกว่าการแข่งในรอบที่สามของประธานเชี่ยนสิถึงจะเป็นช่วงเด็ด บอสยังอยากรอดูเลยไม่ใช่เหรอว่าประธานเชี่ยนจะรับมือยังไง แล้วนี่บอสไม่ดูจะไปไหนเหรอคะ?”
“จองตั๋วกลับให้ด้วย ฉันจะไปแล้ว”
อาข่าถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก
เดินทางมาจนจะถึงตอนจบแล้วแต่บอสกลับจะกลับไป?
“แต่บอสไม่ได้จะ…”
“ไม่จำเป็นต้องดูแล้ว เสี่ยวเชี่ยนชนะแล้ว”