ชีอวี่เซวียนพอจะเดาได้ถึงผลการแข่งขันของเสี่ยวเชี่ยนในวันพรุ่งนี้ เสี่ยวเชี่ยนจะต้องชนะแน่นอน
“ไม่เข้าใจว่าบอสคิดอะไรอยู่ ก็ได้ ฉันดูคนเดียวก็ได้ แล้วเมื่อไรบอสจะกลับมาคะ?”
“ฉันไปครั้งนี้อาจไม่กลับมาหนึ่งปี เธอต้องดูแลเขาให้ดี คุ้มครองให้เขาปลอดภัย”
“หา?”
มาอย่างกะทันหันแถมยังรีบร้อนกลับอีก
อาข่ารู้ว่าบอสมาครั้งนี้เพราะตั้งความหวังแน่วแน่จะต้องพิชิตใจประธานเชี่ยนให้ได้ ยังคิดอยู่ว่ารอให้ได้ประธานเชี่ยนมาเป็นศิษย์แน่นอนแล้วถึงจะกลับไป นึกไม่ถึงว่านี่จะไปแล้ว?
“ตอนนี้จิตใจเขาไม่ได้อยู่ที่การสอบเรียนต่อปริญญาเอก ฉันเองก็ไม่อยากฝืน อย่างไรเสียก็ยังเหลืออีกหนึ่งปีกว่าเขาจะเรียนจบ ถึงตอนนั้นฉันค่อยมาก็ได้”
อาข่าไม่ทันได้เอะใจคำพูด บอสบอกว่ามา ไม่ใช่พาเสี่ยวเชี่ยนไป
“แล้วงานแต่งของประธานเชี่ยนบอสไม่ไปเหรอคะ?”
“ไม่มีอะไรน่าดูหรอก งานแต่งก็แค่พิธีที่ให้คนภายนอกได้รับรู้ มีก็ดี ไม่มีก็ช่าง มันก็แค่นั้น ก็เหมือนกับที่เขาจะยอมรับฉันหรือไม่ฉันก็เป็นแค่พิธี ฉันรู้ดีแก่ใจว่าควรทำไงกับเขาเป็นพอ”
“เอ่อ…ตอนบอสพูดอย่าทำท่าเหมือนเคียดแค้นได้ไหมคะ ทำอย่างกับว่ามีคนมาแย่งของรักของหวงไป” อาข่าคิดแบบนั้น
“แย่งเหรอ? ถุย คนอย่างไอ้หนุ่มแซ่อวี๋นั่นน่ะเหรอ ฉันก็แค่ยอมให้เสี่ยวเชี่ยนไปอยู่กับมันชั่วคราว แบบนั้นปลอดภัยกว่า…จริงสิ แล้วก็นี่เธอเก็บไว้”
ศาสตราจารย์ชีหยิบกล่องใบเล็กๆใบหนึ่งออกมา อาข่ากระพริบตาปริบๆ
“มันคืออะไรเหรอคะบอส?”
“ถุงนำโชค ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ถ้าเธอติดต่อฉันไม่ได้แล้วเสี่ยวเชี่ยนเกิดอะไรขึ้นให้เปิดถุงนี่ออก”
อาข่าทำตาตี่ใส่
“บอสอ่านนิยายมากไปเปล่าเนี่ย ถุงนำโชคแบบนี้ยังคิดออกมาได้?”
แถมถุงนำโชคของบอสไม่ใช่ถุงเล็กๆแบบที่เคยเห็นทั่วไป เป็นกล่องสวยงามเสียด้วย มันหมายความว่าไง?
“ถ้าเธอไม่ใช่สปายปลดประจำการที่ทำงานไม่ได้เรื่องล่ะก็ ฉันจะต้องทิ้งไอ้นี่ไว้ให้เหรอ?”
อาข่าเบ้ปาก กล่องนี้มันน่าสงสัย ข้างในมีอะไรนะ อยากเปิดดูจริงๆ
“ถ้ากล้าเปิดก่อนมีเหตุฉุกเฉินล่ะก็ฉันจะรู้แน่นอน ถึงตอนนั้นฉันจะหักเงินเดือนเธอทั้งชีวิต แถมยังจะให้รุ่นพี่เธอสะกดจิตให้เธอคอยรับใช้ประชาชนโดยไม่ต้องการเงิน”
อาข่าแทบหยุดหายใจ รีบยัดกล่องใบนั้นเข้ากระเป๋าทันที
เธอไม่กล้าเปิดดูแล้ว น่ากลัวเหลือเกิน
“บอสยังมีความเมตตาหลงเหลืออยู่ไหม…เด็กกำพร้าอย่างฉันทำงานเก็บไว้เลี้ยงดูตัวเองยามแก่มันง่ายที่ไหนกันคะ”
“ดูแลเสี่ยวเชี่ยนให้ดี อย่าให้ใครมารังแกเขา รับรองอนาคตเธอมีเงินใช้ไม่ขาดมือแน่” ชีอวี่เซวียนเก็บสีหน้าล้อเล่นเมื่อครู่ เปลี่ยนมาพูดจริงจัง
“บอสให้ฉันทำก็ได้ค่ะ แต่บอสต้องบอกฉันมาว่าทำไมบอสต้องปกป้องประธานเชี่ยนขนาดนี้ด้วยคะ? เขาเป็นอะไรกับบอสกันแน่?”
“อย่าพูดมาก บอกให้ทำก็ทำไป”
อาข่ายืนกำกล่องแน่นพลางมองบอสเดินจากไป เธอรู้สึกว่าบอสดูแปลกๆ
“บอสคะ”
“หืม?” ชีอวี่เซวียนหยุดเดิน
“ในเมื่อบอสชอบประธานเชี่ยนขนาดนั้นทำไมไม่อยู่ต่อล่ะคะ” เธอรู้จักนิสัยของบอสดี ถ้าบอกว่าจะไปหนึ่งปีก็คือหนึ่งปีไม่ขาดไม่เกิน ทิ้งกล่องอันนี้ไว้ก็แสดงว่าบอสอาจจะหายตัวไประยะหนึ่ง โทรไปก็จะไม่ติด
“ความคิดของเขาโตมากกว่าที่ฉันคิดไว้ ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้อีกสักระยะค่อยมาอยู่กับฉันจะดีกว่า” ยิ่งไปกว่านั้น เขาชอบรอยยิ้มอวดดีของเสี่ยวเชี่ยนที่ยิ้มให้เขาเมื่อครู่ เพื่อรอยยิ้มนั้นเขายอมที่จะถอยออกมาก่อนชั่วคราว ปล่อยให้เธอได้แสดงความสามารถของตัวเอง
“อ่อ…” อาข่ามองบอสเดินจากไปอีกครั้ง จากนั้นก็ตะโกนเรียกเขาอีก
“บอสคะ”
“ทำ ไม” ชีอวี่เซวียนหยุดเดิน ยัยคนนี้นี่ จะให้เขาเดินจากไปอย่างเท่ห์ๆไม่ได้หรือไง? เขาอุตส่าห์ฝึกซ้อมท่าที่คิดว่าเท่ห์มาตั้งนาน จะเดินจากไปอย่างสุขุมแต่คงไว้ซึ่งความลึกลับ แต่นี่อะไรกัน…
ถูกอาข่าขัดจังหวะครั้งแล้วครั้งเล่า หมดอารมณ์แล้วเนี่ย
“ฉันอยากถามบอสว่า มันต้องเหตุการณ์ฉุกเฉินแค่ไหนคะถึงจะเปิดกล่องนี่ได้?”
ครั้งนี้ศาสตราจารย์ชีไปจริงๆแล้ว
ถึงแม้ประธานเชี่ยนจะบ่นเรื่องเสื้อสีแดงโลโก้เครื่องหมายถูกไม่หยุด แต่หลังจากที่เธอกลับบ้านคิดทบทวนเรื่องต่างๆเธอก็หยุดความคิดที่จะโวยวายเสี่ยวเฉียง
เสี่ยวเฉียงกลับมาค่อนข้างดึก แม่อวี๋นอนไปนานแล้ว เขาคลำทางเข้าไปในบ้านที่มืดสนิท พอเปิดประตูห้องนอนเข้าไปเสี่ยวเชี่ยนที่ตัวหอมนุ่มนิ่มก็โผเข้ากอดเขาทำตัวติดหนึบคล้ายหมีโคอาล่า
มือของเขาวางลงบนชุดนอนผ้าไหมแท้ของเธอพลางพูดเสียงเบา
“ทำไมอยู่ๆก็มาอ้อน?”
“แสดงความขอบคุณที่วันนี้นายลงมือช่วยฉัน”
จดหมายขอบคุณจากทีมตำรวจอาชญากรรมทำไมไปถึงได้ทันเวลา?
เสี่ยวเชี่ยนเดาว่าจะต้องเป็นอวี๋หมิงหลางที่แอบไปคุยให้เธอ
ตอนที่เขาเห็นเธอเดินเข้าไปในห้องออกอากาศ เขาไม่ได้พูดคำปลอบโยนเธอเลยแม้แต่น้อย
เขาคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้เธอ แถมยังใช้วิธีที่จบอย่างสวยงามด้วย ทำให้เสี่ยวเชี่ยนที่เกือบตกรอบพลิกกลับมาชนะได้
“ปกติผมทำความดีไม่ทิ้งชื่อแซ่” อวี๋หมิงหลางไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรให้เมียแค่นี้ถึงกับจะต้องมารับคำชมอะไร
มันเป็นสัญชาตญาณของเขา ก็เหมือนกับการกินการนอน
“ไม่ทิ้งชื่อแซ่ งั้นก็…ทิ้งอย่างอื่นมะ?”
เธอจูบปากเขาเบาๆพอยั่ว
จัดมาสิ
หัวอวี๋หมิงหลางแทบระเบิด
นี่เขา ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม?
ไม่สิไม่ ลูกเชี่ยนออกจะสวยเริ่ดเชิ่ดหยิ่ง เธอจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ยังไง?
เธอคงจะหมายถึงทิ้งความรู้สึกดีๆหรือเปล่า? ไม่ใช่เรื่องที่มันลามกแน่นอน?
อวี๋หมิงหลางแสร้งทำเป็นสับสนทางความคิด ในใจก็รู้สึกขัดแย้ง แต่มือกลับอยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปตามเรือนร่างของเธอ
ถึงร่างกายจะทรยศเขาไปแล้ว แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นขัดขืนเล็กน้อย
“เมียจ๋า พรุ่งนี้คุณยังมีแข่งไม่ใช่เหรอ มันสำคัญกับคุณมากนะ เรารีบนอนกันเถอะ นี่มันตั้งกี่โมงแล้ว…”
เสี่ยวเชี่ยนขยับมือ เขาพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มตามเวลาปักกิ่ง เวลาร่างกายน่ะเหรอ…เอ๋ อีกสิบนาทีเที่ยงคืน?”
“คุณมันนางปีศาจร้าย” เขากัดฟัน ช้าเร็วก็ต้องตายบนเรือนร่างเธอ แบบนี้มันยั่วยวนกันชัดๆ
เขาอุตส่าห์เห็นแก่ที่พรุ่งนี้เธอมีแข่ง แต่เธอกลับเป็นฝ่ายจุดไฟ
แบบนี้ถ้ายังจะทนไหวยังมีความเป็นผู้ชายอยู่อีกเหรอ?
เขาจับเธอโยนลงเตียง ดวงตาแดงก่ำ “ถ้าพรุ่งนี้ตื่นไม่ไหวห้ามโทษผมนะ”
“อืมๆ เดี๋ยวถ้าหลายเป็น ‘หกโมง’ แล้วอย่าโทษฉันนะ”
จากนั้นเวลาก็ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร…
วันต่อมาเสี่ยวเชี่ยนตื่นนอนตรงเวลา วันนี้อวี๋หมิงหลางก็ไม่อยู่เหมือนเดิม แค่เขาเอาใจใส่ด้วยการตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่หัวเตียงให้สามเรือน พร้อมตั้งปลุกในมือถือด้วย
เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จก็มีเสียงคนมาเคาะประตู
“พี่สะใภ้ครับ หัวหน้าใหญ่ให้ผมมารับพี่ไปส่งที่สถานีโทรทัศน์ครับ”
มีทหารยืนอยู่หน้าประตูหนึ่งนาย
“ไม่ต้องหรอกค่ะ เรามีคนไปส่ง”
“งั้นลาก่อนครับ”
ทหารนายนั้นไม่พูดเวิ่นเว้อ หันตัวเดินจากไปทันที มาไวไปไวดุจสายลม
เสี่ยวเชี่ยนใช้หัวเข่าคิดยังรู้เลยว่า เสี่ยวเฉียงไม่ได้ให้คนมารับเธอไปส่งหรอก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าครั้งนี้แม่อวี๋พาคนคุ้มกันมาด้วย
นี่เขาส่งคนมาปลุกเธอชัดๆสินะ?
กลัวเธอจะอายเลยแสร้งทำเป็นว่าให้มารับไปส่ง…
เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า ตาบ๊องเสี่ยวเฉียงนี่ก็ช่างคิดได้