ผู้ชายคนนั้นบอกตัวเองในใจ ขอแค่เขาทำภารกิจให้สำเร็จก็จะได้ผลประโยชน์
แต่ทำไมกลับรู้สึกขัดแย้งในจิตใจ พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนเขาถึงได้พบว่า จิตใจส่วนดีที่เขาเคยคิดว่ามันหายไปแล้วที่แท้ยังอยู่
“เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอคะ?” คำถามของเสี่ยวเชี่ยนดูเหมือนจะเน้นไปที่อาการนอนไม่หลับที่ได้จากแบบทดสอบ แต่ก็เหมือนเป็นการถามจากเรื่องเมื่อวาน
น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล ไม่ทำให้คนรู้สึกว่าเหมือนเธอกำลังคุยอย่างคนเป็นหมอ คล้ายเพื่อนคุยกันมากกว่า
“ครับ ไม่ได้นอน…” ผู้ชายคนนั้นได้สติกลับมา แต่กลับตกอยู่ในห้วงความคิดจากคำถามของเสี่ยวเชี่ยน เขาเอามือขย้ำผมอย่างทรมาน คล้ายกับว่าอยากระบายความอัดอั้นตันใจที่ลูกสาวเขาต้องเคราะห์ร้ายออกมา
“การนอนไม่หลับจะส่งผลต่อสภาพอารมณ์ และจะทำให้คุณยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นนะคะ”
เสี่ยวเชี่ยนมองออกตั้งแต่ดูแบบทดสอบแล้วว่าคนไข้สมมติคนนี้มีอาการวิตกกังวล
ไม่เพียงแค่นั้น คนไข้สมมติคนนี้ยังเป็นพ่อของเหยื่อเคราะห์ร้ายคนเมื่อวานด้วย ผู้ชายที่เจอเรื่องสะเทือนใจมาแบบนั้นย่อมมีอาการวิตกกังวลเป็นธรรมดา
การรักษาของเสี่ยวเชี่ยนดูผิวเผินเหมือนเพื่อการแข่งขัน แต่ในความเป็นจริงทุกคำพูดของเธอล้วนทิ่มแทงเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจเขา
ผู้ชายคนนั้นพอได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดก็เริ่มสะเทือนใจ
เขานึกถึงลูกสาวที่อยู่ในวัยสดใส แต่กลับต้องมาเคราะห์ร้ายโดยไม่รู้ตัว
นึกถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความเสียใจ
ภรรยาของเขาร้องไห้เป็นอย่างเดียว แต่การร้องไห้ของภรรยามีแต่จะทำให้เขาที่เป็นห่วงลูกสาววิตกกังวลมากขึ้น เขาไม่กล้าเข้าไปในห้องคนไข้ กลัวจะเห็นลูกสาวที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้กับภรรยาที่เสียใจจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากร้องไห้
เพื่อเลี้ยงชีวิต เพื่อเลี้ยงครอบครัว เขาทำเรื่องไม่ดีมากมาย ตอนนี้เขาก็ทำเพื่อเงินอีก นั่งอยู่ตรงนี้เตรียมกลั่นแกล้งผู้มีพระคุณ สภาวะจิตใจในตอนนี้ทำให้เขาสับสนเป็นกังวลมากกว่าเดิม เขาพูดอะไรไม่ออก ทำได้อย่างเดียวคือเอามือทึ้งผมตัวเอง เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว
เหล่าคณะกรรมการไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลัง พวกเขาคิดว่าคนไข้สมมติคนนี้แสดงได้ดีมาก ยังแอบชมกันอยู่ด้วยซ้ำ
“ค่าตัวนักแสดงคนนี้ต้องขึ้นให้หน่อยนะ แสดงได้ดีจริงๆ เกือบเชื่อแล้วเนี่ย”
ภายในห้องรักษา เสี่ยวเชี่ยนกับผู้ชายคนนั้นกำลังตกอยู่ในห้วงความเงียบ เขากำลังวิตกกังวลจนแทบเสียสติ ส่วนเสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่พูดอะไร บรรยากาศตึงเครียดอย่างนั้นอยู่หนึ่งนาที
ผู้ชมด้านนอกเองก็งง ส่วนแม่อวี๋ที่นั่งเป็นผู้ชมอยู่ก็เอามือตีหัวตัวเอง
“นั่นมันคนเมื่อวานไม่ใช่เหรอ?”
แม่อวี๋จำได้แล้ว นี่เป็นพ่อของตัวประกันที่เสี่ยวเชี่ยนช่วยไว้เมื่อวาน ทำไมเป็นเขาได้ล่ะ?
ต้าอีเครียดแทนเสี่ยวเชี่ยนจนกำหมัดแน่นสองมือ พี่รองจับมือเธอไว้ แล้วก็พบว่ามือเธอมีแต่เหงื่อ
ทำไมประธานเชี่ยนไม่พูดล่ะ หรือประธานเชี่ยนที่เก่งทุกอย่างจะมาสะดุดเอาตรงนี้?
เสี่ยวเชี่ยนให้เวลาผู้ชายคนนี้หนึ่งนาทีเต็ม จากนั้นจึงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“รู้สึกสับสนในจิตใจใช่ไหมคะ? ไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ถูกไหมคะ?”
“ผมไม่ยอม ทำไม ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นกับเขา”
“พอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหมคะ?”
“เขาเป็นเด็กผู้หญิงที่จิตใจดี ว่านอนสอนง่าย พูดกันว่าเด็กที่บ้านยากจนจะต้องออกไปเผชิญสังคมไวกว่าคนอื่น เขาหัดทำงานพิเศษตั้งแต่อายุยังน้อย แม่ของเขาสุขภาพไม่ดีต้องใช้เงินจำนวนมากในการรักษา ล้วนต้องพึ่งเราสองคนพ่อลูกช่วยกันหาเงิน”
“เป็นเด็กดีจริงๆค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ ทำไมสวรรค์ต้องทำแบบนี้กับเขา”
“ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องคิดไม่ใช่ทำไม แต่เป็นทำอย่างไรค่ะ” คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนทำให้ผู้ชายคนนี้ฉุกคิด เขาเงยหน้ามองเธอด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งสองคนสบตากัน
สายตาที่ล่องลอยกำลังสบตากับนักจิตวิทยาที่ใจเย็น วินาทีนั้นผู้ชายคนนี้ได้ลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังแสดงเป็นคนไข้สมมติ ขณะเดียวกันก็เผลอลืมไปว่าที่นี่ที่ไหน ถึงขนาดที่ลืมความกลุ้มในตอนนี้ไปแล้วด้วยซ้ำ
สายตาที่มั่นใจของหมอสามารถช่วยคนไข้ได้ ช่วยให้จิตใจที่หลงทางไม่รู้สึกสิ้นหวัง
เข้าสู่ความเงียบเป็นเวลาหนึ่งนาทีอีกครั้ง
ส่วนคณะกรรมการที่อยู่ด้านนอกกำลังเปิดดูบทด้วยความสงสัย บทมันไม่ใช่แบบนี้หรือเปล่า?
เดิมควรจะแสดงเป็นคนไข้ที่เป็นโรควิตกกังวล นอนไม่หลับทั้งคืน โครงเรื่องที่วางให้คนๆนี้คือชีวิตของเขาผิดปกติเพราะเขาเห็นน้องชายที่รักมากเกิดอุบัติเหตุเต็มๆสองตา เขาเกิดความวิตกกังวลเพราะกลัวความตายและการที่ต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่อาจล่วงรู้
แต่ทำไมนักแสดงคนนี้กลับพูดเรื่องลูกสาวที่แสนดีของตัวเอง?
คณะกรรมการหันไปมองหน้ากัน หนึ่งในนั้นคิดแล้วได้ข้อสรุปว่า
“บทอาจจะสลับกัน ถึงจะเล่นไม่เหมือนบทเดิม แต่เขาก็แสดงออกมาว่าวิตกกังวลนะ แบบนี้ก็ยังใช้ทดสอบได้”
คนนอกที่มองเหตุการณ์ภายในห้องต่างคิดว่าเป็นเหตุการณ์การรักษาที่สมมติขึ้น
นอกจากแม่อวี๋แล้วไม่มีใครรู้ การรักษาจริงกำลังดำเนินขึ้น
“คุณรู้สึกตำหนิตัวเองที่เขาต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ใช่ไหมคะ?” เสี่ยวเชี่ยนถาม เธอกำลังประมวลทุกคำตอบ ทุกท่าทางของผู้ชายคนนี้อยู่ในใจ ช่วงเวลาที่อยู่ในความเงียบก็คืออยากให้ผู้ชายคนนี้ได้ปรับอารมณ์ ดึงเขามาอยู่ในสนามรบของเธอ
ขอแค่มาอยู่ในการควบคุมของเธอ ผู้เข้ารับคำปรึกษาก็ต้องทำตามความคิดของเธอเท่านั้น
“ไม่ใช่ความผิดของผม ไม่เกี่ยวกับผม ไม่เกี่ยว…” ผู้ชายคนนั้นปฏิเสธหน้าซีด เสี่ยวเชี่ยนพูดถูกเรื่องที่เขากำลังหวาดกลัวที่สุด
“ยิ่งปากพูดปฏิเสธหนักเท่าไร บาแผลในใจก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นนะคะ เพราะเคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ปัญหาที่ยากจะแก้ไข จิตใต้สำนึกของคุณกำลังตำหนิตัวเอง แต่จิตใจคุณกลับต่อต้าน การหลบหนีปัญหาเป็นปฏิกิริยาแรกของคนหลังจากเจอปัญหาค่ะ แต่ว่า…”
เสี่ยวเชี่ยนหยุดพูด ผู้ชายคนนั้นถูกเธอดึงดูดความสนใจโดยที่ไม่รู้ตัว เขาอยากรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนจะพูดอะไร
“คุณอาจไม่ใช่คนดีเวลาอยู่ข้างนอก แต่กับครอบครัวคุณกลับเป็นพ่อที่ดี สามีที่ดี ฉันเข้าใจคุณค่ะ”
คำพูดนี้ได้สะกิดต่อมน้ำตาของผู้ชายคนนี้ ครั้นแล้วเหตุการณ์ที่น่าตกใจก็เกิดขึ้น
ผู้ชายคนนั้นเอามือปิดหน้าแล้วพูดระบายออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ผมทำผิดต่อลูก”
ต้องเป็นเพราะเขาเคยทำเรื่องไม่ดีมาเยอะแน่ๆสวรรค์ถึงได้ให้ลูกเขารับกรรมแทน
ผู้ชายคนนั้นร้องไห้ เสี่ยวเชี่ยนนั่งอยู่เป็นเพื่อนอย่างเงียบๆ
เหล่าคณะกรรมการเขียนคะแนนลงบนกระดาน เสี่ยวเชี่ยนกำลังปลดปล่อยความกดดันภายในใจของคนไข้สมมติ คะแนนช่องนี้ต้องให้เต็ม…อีกทั้งยังต้องแถมน่องไก่ให้นักแสดงด้วย ร้องไห้อินหนักมาก เหมือนเรื่องจริงทีเดียว
รอจนเสียงร้องไห้ค่อยๆเบาลง เสี่ยวเชี่ยนถึงเริ่มรักษาต่อ
“พ่อเปรียบเสมือนท้องฟ้าของลูก เวลาที่เขาเคราะห์ร้ายคุณควรจะอยู่ปกป้องเขา ถ้าในเวลานี้แม้แต่คุณยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วเขาจะทำยังไงคะ ใครจะปกป้องเขา?”
ในที่สุดผู้ชายคนนั้นก็หยุดร้อง เงยหน้ามองเสี่ยวเชี่ยนด้วยดวงตาที่เหม่อลอย เขาถามขึ้นเหมือนคนเสียสติ “ผมควรทำไงดี บอกผมมา ผมควรทำไงดี…”
“ยอมรับการบำบัดจิตใจจากฉัน เพื่อออกจากอารมณ์วิตกกังวลให้ไวที่สุด ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือกับฉัน ความกังวลของคุณก็จะถ่ายทอดไปถึงเขา หรืออาจจะไปถึงคนอื่นๆภายในบ้านด้วย อาการทางด้านจิตใจมันส่งผลต่อคนอื่นได้นะคะ ถึงตอนนั้นจะยิ่งรักษาเขายากค่ะ จะยอมให้ความร่วมมือกับฉันไหมคะ? ทำให้เด็กคนที่สดใสร่าเริงได้กลับมามีชีวิตของเขาอีกครั้ง”
“ผมยินดีครับ” ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าเป็นเหตุการณ์จำลอง เสี่ยวเชี่ยนทำให้รู้สึกว่าเป็นเรื่องจริง
ไม่ว่าจะเป็นท่าทางความเป็นมืออาชีพของเธอ สายตาที่มั่นใจ ทำให้ผู้ชายคนนี้คิดว่าเธอเป็นเหมือนยาช่วยชีวิต
“งั้นก็ดีค่ะ ต่อไปฉันจะเริ่มแผนบำบัดจิตใจให้คุณนะคะ โปรดให้ความร่วมมือด้วยค่ะ ต่อไปเป็นการรักษาของพวกเรา…”