เสี่ยวเชี่ยนทำให้อวี๋หมิงหลางต้องทนหมั่นเขี้ยวไปตลอดทาง เสี่ยวเฉียงตัดสินใจแล้วว่า กลับไปเขาจะให้เธอตะโกนเป็นดีเจพลาง…ฮี่ๆ
เขาโอบเสี่ยวเชี่ยนเดินไปยังห้องอาหารพลางคิดถึงเรื่องที่ไม่ค่อยใสสะอาดนี้
อาหารขึ้นโต๊ะพร้อมแล้ว กำลังรอสองคนนี้อยู่
“พวกนายไปไหนมา ทำไมช้าแบบนี้?” อวี๋หมิงอี้รอจนโมโหแล้ว
ช่วงนี้ต้าอีของเขากินเก่ง ร่างกายกำลังขยายตัว ถ้าเมียเขาหิวจะทำไง?
“ไปทำธุระมานิดหน่อย…เอ๊ะ ทำไมกินกุ้งมังกรน้อยล่ะ?”
อวี๋หมิงหลางคิดว่าวันนี้จะกินมื้อใหญ่เสียอีก ปรากฏว่าโต๊ะที่แสนหรูหรามีอาหารสิบกว่าอย่างประดับอยู่รอบจานกุ้งมังกรน้อยที่โดดเด่นอยู่ตรงกลาง กลิ่นหมาล่าลอยคลุ้งไปทั่วห้อง
หมาล่ากุ้งมังกรน้อยเมนูที่แสนฮอตฮิตของคนทุกเพศทุกวัย กลับกลายเป็นพระเอกของวันนี้ เอาชนะเมนูเป๋าฮื้อกับปลิงทะเล กุ้งมังกรน้อยแช่อยู่ในน้ำมันหมาล่ามันย่อง เห็นแล้วชวนให้สิบนิ้วกระดิก
“ต้าอีบอกอยากกินก็เลยสั่งมาจานนึง”
โรงแรมนี้ไม่มีเมนูนี้ พนักงานจึงต้องนั่งรถไปซื้อให้จากข้างนอก
“ทำไมช่วงนี้ต้าอีกินของแปลกๆเก่งจัง คงไม่ได้มีแล้วนะ?” เสี่ยวเชี่ยนก็แค่ถามลอยๆ
พอประโยคนี้หลุดออกมาทั้งโต๊ะก็นิ่งเงียบ
เสี่ยวเชี่ยนเองก็ยังอึ้ง
เอ๋…?
สายตาของทุกคนมองไปยังท้องของต้าอี ดวงตาของแม่อวี๋เป็นประกายขึ้นมาทันที
ในครอบครัวไม่มีเสียงเด็กร้องมานานแล้ว หรือจะมีข่าวดี?
ต้าอีเอามือลูบท้องตัวเอง “ไม่น่านะ?”
อวี๋หมิงอี้เองก็อึ้ง เขาป้องกันแล้วนะ
ถึงจะเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายมาหลายปีแล้ว แต่เนื่องจากก่อนหน้านี้ต้าอียังเรียนอยู่ ทั้งสองคนเลยยังไม่มีเวลาจัดงานแต่งงาน คิดเอาไว้ว่ารอต้าอีเรียนจบก่อนมีเวลาแล้วค่อยจัด
หากยังไม่ได้จัดพิธีแล้วให้ต้าอีอุ้มท้องไปเรียนคงไม่เหมาะ ต้าอียังต้องเรียนปริญญาโทอีก แถมอนาคตดูก็ยังอยากเรียนปริญญาเอก ถ้ามีลูกเล็กจะไม่สะดวก อย่างไรเสียพวกเขาก็มีพ่านพ่านแล้ว
หรือว่า …เป็นเพราะครั้งนั้น?
ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ อวี๋หมิงอี้เพิ่งเสร็จภารกิจบิน พอกลับมาถึงบ้านก็เจอกับต้าอีที่นุ่งผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำพอดี ทั้งสองคนสบตากัน
จากนั้นก็…
ถุงยางในบ้านใช้หมดแล้วยังไม่ได้ซื้อ เดิมคิดว่าอีกหลายวันกว่าเขาจะกลับ ต้าอีเลยกะรอห้างลดราคาค่อยซื้อ ผู้หญิงที่ประหยัดมัธยัสถ์อย่างเธอเงินแค่ไม่กี่หยวนเธอก็ไม่ยอมปล่อย
เมื่อจรวดเข้าไปแล้วจะไม่ปล่อยก็ไม่ได้ พอเสร็จกิจทั้งสองคนก็ยังแอบหวังอยู่ในใจว่าจะไม่เป็นไร หรือจะเป็นเพราะครั้งนั้น…
“ไม่ ไม่ใช่มั้ง นี่เพิ่งจะกี่วันเอง…” ต้าอีเอามือจับท้องพูดจาติดๆขัดๆ
“อ้อ หลายวันแล้ว” เสี่ยวเฉียงกับเสียวเหม่ยพูดพร้อมกัน แถมยังพยักหน้าอย่างรู้กัน
“ถ้าแค่ไม่กี่วันก็ยังไม่น่าออกอาการ…เพื่อความมั่นใจ กลับไปลองตรวจดูนะ” แม่อวี๋ไม่ยอมปล่อยผ่านแม้เพียงความหวังเล็กๆ ถือโอกาสแอบเอาสไปรท์ของต้าอีออกด้วย
ต้าอีแอบส่งสายตาน้อยใจเล็กๆ
กินกุ้งมังกรน้อยไม่มีสไปรท์ชีวิตเหมือนขาดอะไรไป
“เพื่อความปลอดภัยอย่าเพิ่งกินน้ำอัดลมเลยนะจ๊ะ เสี่ยวเชี่ยนหนูเอาไปจัดการนะ” แม่อวี๋ยื่นสไปรท์ให้เสี่ยวเชี่ยนอย่างไม่ลังเล
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มดีใจ เธอเทสไปรท์ลงแก้วท่ามกลางสายตาอิจฉาของต้าอี จากนั้นก็ใส่ถุงมือหยิบกุ้งมังกรน้อยออกมาหนึ่งตัว ยังไม่วายแทงต้าอีให้อีกฉึก”
“เอ้าเอาน้ำเปล่ามาให้ผู้หญิงที่น่าสงสัยว่าท้องคนนี้หน่อย…ถ้างั้นเธออย่าเพิ่งกินกุ้งมังกรน้อยเลยแล้วกันเนอะ ดมกลิ่นก็พอ”
เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวต้าอีกลางวันแสกๆ
สไปรท์ถูกยึด กุ้งน้อยก็ไม่ให้กิน?
ไหนว่าเพื่อกันย่อมไม่ทิ้งกัน?
ไหนว่าเพื่อนกันมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน?
ปรากฏว่าเสี่ยวเชี่ยนกินกุ้งมังกรน้อยดื่มสไปรท์อย่างเอร็ดอร่อย ต้าอีทำได้แค่มองตาปริบๆ
ในเวลาแบบนี้สามีนี่แหละรู้ใจที่สุด อวี๋หมิงอวี้สงสารต้าอีจึงแกะเนื้อกุ้งส่งให้เธอ
แต่วิธีกินแบบนี้มันไม่สะใจต้าอีที่เวลานี้ชื่นชอบในรสชาติเป็นพิเศษ หมาล่ากุ้งมังกรน้อยมันต้องเริ่มจากซ้ายขวา มือหนึ่งจับตัวกุ้ง อีกมือหนึ่งจับคีม กินเนื้อเสร็จก็ต้องดูดน้ำจากตัวกุ้งให้หมด นิ้วก็ต้องเลียให้สะอาด ไม่อย่างนั้นจะกินทำไม มันต้องกินให้ได้แบบนี้ถึงจะเป็นการดื่มด่ำของอร่อยอย่างแท้จริง
แต่ตอนนี้เพราะคำพูดล้อเล่นของประธานเชี่ยนทำให้เธอไม่ได้กินกุ้งอย่างมีความสุข ชีวิตเหมือนขาดรสชาติเลยทีเดียว
พี่รองทนเห็นต้าอีทำหน้าเศร้าอย่างนั้นไม่ไหวจึงแกะให้อีกตัว แต่แม่อวี๋ห้ามไว้
“อย่าให้เขากินของเผ็ดๆเยอะเดี๋ยวจะร้อนใน”
“กินอีกตัวคงไม่เป็นไรหรอกมั้งครับ?” พี่รองเถียงแทนต้าอี
“เรานี่จริงๆเลยนะ ไม่เคยเห็นว่าที่คุณพ่อที่ไหนไม่เอาใจใส่ขนาดนี้เลย” แม่อวี๋มองค้อนลูกชาย แต่ไม่เห็นต้าอีที่หดตัวลง
อยู่ๆก็ไม่อยากกินกุ้งมังกรน้อยขึ้นมาแล้ว
ต้าอีนึกขึ้นมาได้ว่า
พี่รองเคยพูดไว้เหมือนเขาจะไม่ชอบเด็ก…คราวก่อนที่ถามว่าอยากมีไหม เขาตอบเลยว่าไม่
“กินอีกหน่อยนะ” พี่รองคีบกับข้าวให้ต้าอี
ต้าอีส่ายหน้า
พี่รองทำหน้าเหมือนตอนปกติ เห็นแบบนี้เหมือนเขาไม่ดีใจเลยนะ
พอหันไปมองพ่านพ่านที่นั่งอยู่ข้างๆ ใบหน้านิ่งเหมือนกันเปี๊ยบ…
รู้สึกเย็นวาบที่หัวใจ
สองพ่อลูกคู่นี้ไม่ชอบชีวิตที่เกิดใหม่เหรอ…
อาหารมื้อนี้ของต้าอีจากที่รอคอยก็กลายเป็นเศร้าสร้อย เธอมองน้ำซุปแดงๆของกุ้งมังกรน้อยยังรู้สึกน่าเศร้าเลยด้วยซ้ำ
เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองเหตุการณ์นี้อย่างเงียบๆ ทั้งสีหน้าของอวี๋หมิงอี้ และต้าอีที่ดูเศร้าๆ ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของเธอ
พอหันไปมองเสี่ยวเฉียงของตัวเอง เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า
“มีอะไรเหรอ?” อวี๋หมิงหลางคีบอาหารพลางถาม
“อยู่ๆก็มองนายไม่ขัดหูขัดตาแล้ว”
“เอ๋?” เสี่ยวเฉียงงง อะไรกัน?
หัวใจของผู้หญิงนี่นะ เดายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
เสี่ยวเชี่ยนเบ้ปาก ถึงเสี่ยวเฉียงจะทำตัวบ้าบอบ้างเป็นครั้งคราว แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้น่าโมโหเท่าอวี๋หมิงอี้ที่ชอบทำตัวซื่อบื้อ
สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงผิดหวังที่สุดก็คงเป็นการที่ผู้ชายไม่แสดงท่าทีอะไรเลยหรือเปล่า?
ปกติอวี๋หมิงอี้ก็เป็นแบบนี้ จะโกรธหรือดีใจก็ไม่แสดงออก ตอนนั้นหวางเสี่ยวหงที่เป็นเมียเก่าก็หย่าเพราะอวี๋หมิงอี้เป็นพวกปากหนักไม่ยอมพูดอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?
ปกติต้าอีเองก็เป็นคนอึนๆ แต่ไม่อาการหนักเท่าอวี๋หมิงอี้
ถ้าท้องแล้วจริงๆ ระดับฮอร์โมนในร่างกายก็จะเปลี่ยน ทำให้นิสัยไม่เหมือนแต่ก่อน ผู้หญิงตั้งครรภ์บางคนถึงขนาดมีอาการอารมณ์รุนแรงกับวิตกกังวล หากว่าที่คุณแม่อารมณ์ไม่ดีก็จะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็…
เสี่ยวเชี่ยนถอดถุงมือสำหรับกินกุ้งออก เช็ดมือพลางพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
“แม่คะ ตอนที่แม้ท้องลูกสี่คนอาการเป็นเหมือนกันหมดไหมคะ?”
“ไม่เหมือนนะ ตอนที่ท้องพี่ใหญ่แม่ไม่แพ้อะไรเลย กินนอนปกติ ตอนท้องลูกแฝดสิเป็นหนัก อ้วกอยู่หลายเดือน เจ้าเล็กเนี่ยตัวก่อกวน มองออกตั้งแต่อยู่ในท้องเลยว่าคลอดออกมาต้องแสบแน่ๆ”
อวี๋หมิงหลางมองบน “แม่รู้ได้ไงว่าผมก่อกวน? มีสองคนอยู่ในท้องแม่ รู้ได้ไงว่าไม่ใช่เสี่ยวซีก่อกวน?”