พ่านพ่านไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องพวกนี้กับพ่อแม่ แม่เป็นผู้หญิงที่ประหยัดมาก พ่านพ่านเคยอ่านพวกนิตยสารต่างประเทศ ของเล่นพวกนี้ราคาแพง เขาคิดมาตลอดว่าที่บ้านยากจน เพราะแม่มักจะคอยดูว่าเมื่อไรมีเทศกาลลดราคา
“เป็นเด็กทำของพวกนี้ไม่น่าสนใจหรอก เดี๋ยวอาซื้อเครื่องเกมPSPรุ่นใหม่ล่าสุดให้ดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ”
PSPเพิ่งออกมาได้ไม่นาน เสี่ยวเฉียงชอบมาก ว่างๆก็จะหยิบมาเล่น เสี่ยวเชี่ยนสั่งซื้อมาจากเมืองนอกให้เขา เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด
“ไม่เอาฮะ นั่นมันของเล่นของคนที่ไม่รู้จักโต”
โวะ
อวี๋หมิงหลางเอามือจับตรงหัวใจ รู้สึกเหมือนโดนหลานบดขยี้ เขาถูกเด็กอนุบาลรังเกียจ
แถมเสี่ยวเชี่ยนยังพูดเสริม “ใช่จ้ะ เขายังไม่โต”
โวะ
ถูกเมียบดขยี้ด้วยอีกคน
“พ่านพ่านชอบอะไรจ๊ะ ย่าจะให้…” แม่อวี๋ยังไม่ทันพูดจบก็รู้สึกได้ถึงสายตาพิฆาตของเสี่ยวเชี่ยน สายตาสื่อความนัยของคนเป็นหมอทำให้แม่อวี๋รีบหุบปากหันไปยกน้ำดื่ม
“พ่านพ่านจ๊ะ อารับปากหนูนะว่าถ้าแม่หนูมีน้องชายหรือน้องสาวให้หนูขึ้นมาจริงๆ วันที่แม่คลอดน้อง หนูจะได้ของขวัญทั้งเซตเลยล่ะ”
“ทั้งเซต…น่าจะแพงนะฮะ?”
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก ดูซิความประหยัดของต้าอีส่งผลกับลูกยังไง
“อาซื้อให้ อาเป็นคนรวยมีเงินเยอะแยะ อารับรองเลยว่าจะสั่งทั้งเซตจากเมืองนอกมาให้หนูเอง”
“ไม่ได้ จะรับของส่งเดชโดยไม่ทำอะไรให้ไม่ได้ ถึงบ้านผมจะจนแต่ก็ไม่ได้รังเกียจในความจน” พ่านพ่านพูดอย่างจริงจัง
แม่อวี๋รู้สึกเอ็นดูมาก ไอ๊หยาเด็กคนนี้ พูดจาอย่างกับผู้ใหญ่
“งั้นก็ให้พ่อหนูซื้อ…เด็กน้อย บ้านหนูไม่ได้จนนะลูก จริงๆ”
อวี๋หมิงอี้เป็นนักบินชำนาญการพิเศษของประเทศ ช่วงสองปีนี้เงินเดือนขึ้นอีกต่างหาก รายได้ไม่น้อยแน่นอน เพียงแต่เขากับต้าอีเป็นคนทำตัวไม่หวือหวา เล่นเอาลูกคิดว่าครอบครัวยากจน
สำหรับในบรรดาเด็กอนุบาลด้วยกัน ไอคิวของพ่านพ่านเกินกว่าเด็กทั่วไปแน่นอน แต่เด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ย่อมมีความอยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ตอนที่ได้ยินเสี่ยวเชี่ยนบอกว่าซื้อให้ได้ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“ลูกเชี่ยน คุณแน่ใจเหรอว่าจะซื้อตามที่หลานบอก? เด็กตัวแค่นี้จะตัดพวกวัสดุได้เหรอ?” เสี่ยวเฉียงสาบานเลยว่าเขาไม่ได้คิดจะใส่ร้ายหลานเพราะการถูกทำร้ายจิตใจเมื่อครู่ เขาก็แค่ถามไปตามความเป็นจริง
พอได้ยินแบบนั้นดวงตาที่เป็นประกายของพ่านพ่านก็หม่นลง เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอ่อนโยนแบบที่มีให้คนไข้ตอนรักษา แต่มือกลับยื่นไปใต้โต๊ะหยิกต้นขาอวี๋หมิงหลาง
พูดมากจริงๆ
“ถึงตอนนั้นพ่อหนูจะทำด้วยกันกับหนู ส่วนไหนที่หนูทำไม่ได้พ่อก็จะช่วยหนูไงจ๊ะ”
ตามคาด พ่านพ่านดูมีความหวังขึ้นมาทันที “จริงเหรอฮะ?”
“แน่นอนจ้ะ อามีฉายาว่าประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนจะโกหกได้ไงล่ะจ๊ะ?”
เสี่ยวเฉียงแอบขำในใจ เมียเขานี่เด็ดจริง ต่อหน้าแม่สามียังกล้าพูดฉายาตัวเอง
“ใช่จ้ะ อาสะใภ้พูดถูก ดูสิจ๊ะ วันนี้อาเขาได้แชมป์มาเลยนะ คนได้แชมป์ไม่โกหกหรอกจ้ะ” แม่อวี๋ช่วยเสี่ยวเชี่ยนพูดเสริม
“แต่ว่า…ถ้าพ่อมีน้องแล้วจะมีเวลาเล่นกับผมเหรอฮะ?”
นั่นไง
แม่อวี๋ปวดใจขึ้นมาทันที เด็กคนนี้โตไวเหลือเกิน โตไวไปก็น่ากลุ้มใจนะ
เสี่ยวเชี่ยนกลับนิ่งไม่ไหวติง เธอยิ้มพลางพูด
“อาไม่มีทางโกหกหนู อายอมรับนะว่าหลังจากที่หนูมีน้องแล้วแม่ก็ต้องดูแลน้อง อาจจะยุ่งนิดหน่อย เด็กทารกช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กินเองไม่ได้ ฉี่ก็ต้องดูแล แม่หนูอาจต้องแบ่งเวลาให้น้องเยอะหน่อย แต่พ่อจะต้องหาเวลามาให้หนูได้แน่นอนจ้ะ แม่ก็ไม่มีทางไม่สนใจหนูหรอกนะจ๊ะ”
เสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้ อันที่จริงเธอกำลังค่อยๆบำบัดจิตใจให้พ่านพ่านแบบเนียนๆ
“แต่คุณน้าที่หมู่บ้านผมบอกว่า ถ้าแม่มีน้องก็ไม่เอาผมแล้ว”
แม่อวี๋ได้ฟังดังนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไป
ใครมันปากไม่ดีแบบนั้น กล้าพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเด็ก?
หัวใจของเด็กเปราะบางมากจริงๆ
ผู้ใหญ่บางคนแค่พูดจาล้อเล่น อาจไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่กลับทำให้เด็กรู้สึกหวาดกลัว
พอแม่มีน้อง เวลาเราดื้อแม่ก็ไม่เอาเราหรอก
เลือกกินไปสิ ถ้าแม่มีน้องก็จะส่งเราไปบ้านย่า
คำพูดแบบนี้มักจะได้ยินบ่อยๆ
ไม่ใช่แค่พ่านพ่านที่เป็นเด็กฉลาด ต่อให้เป็นเด็กทั่วไป อายุสองสามขวบ ยังไม่ประสีประสาเท่าไร หากมีญาติหรือเพื่อนบ้านที่หน้าไม่อายพูดจาล้อเล่นแบบนี้ เด็กก็จะจำฝังใจ
เสี่ยวเชี่ยนเกลียดที่สุดพวกที่ชอบพูดจาล้อเล่นตลกร้ายแบบนี้
ถ้ากล้าพูดล้อเล่นแบบนี้ต่อหน้าเธอล่ะก็ เธอเข้าไปตบแน่
ต่อให้พ่านพ่านจะฉลาดกว่านี้ เป็นเด็กดีกว่านี้ แต่เขาก็ยังเป็นแค่เด็กน้อย มีจิตใจเป็นเด็กคนหนึ่ง คนที่พูดจาแบบนี้ใส่เด็กสมควรโดนตบหนึ่งฉาดแรงๆ
พ่านพ่านถูกต้าอีเลี้ยงมาตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ถึงทุกคนในบ้านจะคิดว่าเด็กคนนี้ยังเล็ก ยังไม่เข้าใจถึงความหมายของแม่แท้ๆกับแม่เลี้ยง แต่จริงๆแล้วเด็กคนนี้เข้าใจ
หลายคนอายุห้าหกขวบถึงจะเริ่มจำความได้ สมองของคนเราในช่วงก่อนสามขวบกำลังอยู่ในช่วงพัฒนา การที่จะจำเรื่องราวก่อนสามขวบได้นั้นไม่ค่อยมีความเป็นไปได้ แต่ก็อาจมีความทรงจำลางๆ สำหรับพ่านพ่านแล้ว ความทรงจำอันเลือนรางนั้นก็คือผู้หญิงใจร้ายที่ชอบตีเขา จนกระทั่งต้าอีปรากฏตัว ชีวิตของเขาก็เหมือนมีแสงอาทิตย์สาดส่อง แต่เด็กน้อยก็เคยได้ยินคนพูดว่าต้าอีไม่ใช่แม่แท้ๆ ผู้ใหญ่คิดว่าเขาไม่เข้าใจ อันที่จริงแล้วเขาเข้าใจ
ผู้ใหญ่พวกนั้นชอบบอกว่าตัวเอง ‘ล้อเล่น’ แต่กลับกลายเป็นความฝังใจที่เด็กไม่ได้ยินยอมเลยด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเชี่ยนนึกถึงเรื่องนี้ได้ก่อน ต้าอีก็คงไม่รู้จิตใจของพ่านพ่าน ไม่ใช่เพราะต้าอีไม่ใส่ใจเด็ก แต่เป็นเพราะเธอประสบการณ์น้อย ไม่ได้มีประสบการณ์แพทย์คลินิกเยอะอย่างเสี่ยวเชี่ยน ซึ่งก็ล้วนแต่เกิดจากการสั่งสมความรู้จากแต่ละเคส
เมื่อชาติก่อนหลังจากที่เริ่มนโยบายให้มีลูกสองคนได้ เด็กที่จิตใจมีปัญหาเนื่องจากพ่อแม่มีลูกคนที่สองนั้นมีไม่น้อย ลูกคนโตที่นิสัยรุนแรงหน่อยก็จะพูดจาก้าวร้าว หรืออาจถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือทำร้ายน้อง เหตุการณ์ที่พบได้บ่อยกว่าก็คือลูกคนโตเก็บกดไม่พูดออกมา แสร้งทำเป็นเชื่อฟัง แต่ความรู้สึกไม่พอใจได้ฝังอยู่ในใจ
“แม่หนูไม่มีทางทิ้งหนูเพราะมีน้องหรอกจ้ะ อากล้ารับรองได้เลย ต่อไปพ่อแม่จะใช้เวลาอยู่กับหนูได้เยอะอย่างตอนนี้ ถ้าแม่ให้เวลาน้อย พ่อก็จะให้เวลากับหนูเยอะหน่อย พอเอามารวมกันก็เหมือนกับตอนนี้ไงจ๊ะ อาไม่โกหกหนูหรอก ถ้ามีน้องหนูก็จะได้ของขวัญ ผู้ใหญ่พูดได้ทำได้”
อันที่จริงนี่เป็นคำพูดชี้นำจิตใจ เป็นหัวใจสำคัญของการบำบัด หลังจากนี้ถ้าเด็กได้ของขวัญจริงๆเขาก็จะจดจำคำพูดพวกนี้ได้อย่างขึ้นใจ
พ่านพ่านมองเสี่ยวเชี่ยนอย่างจริงจัง คล้ายกับกำลังพิจารณาความน่าเชื่อถือของคำพูดเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนพูดเสริม “เคยได้ยินเรื่องเหตุผลมาจากใจไหม? พวกคนที่บอกหนูว่าถ้ามีน้องแล้วแม่จะไม่รักสวยเหมือนอาหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่ฮะ”
“คนสวยมีเหตุผล เชื่ออาได้เลย”
เสี่ยวเฉียงกระพริบตาปริบๆ เมียเขานี่หลอกเด็กเก่งจริงๆ พ่านพ่านเชื่อสนิทเลยแฮะ
“แต่ว่า จะบอกว่าชีวิตหนูจะไม่เปลี่ยนไปเลยก็ไม่ถูกนะ…” เสี่ยวเชี่ยนจงใจพูดหักมุม เบนความสนใจของพ่านพ่านมาอีกเรื่อง แล้วพูดต่อ