แม่อวี๋แสดงอำนาจอย่างคนเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ต่อหน้าลูกสะใภ้เธอไม่กล้าต่อว่าลูกชาย แต่อย่าคิดว่าเธอจะปล่อยคนเย็นชาที่รังแกต้าอีที่ถูกสงสัยว่ากำลังตั้งท้องไปหรอกนะ
“ผมอธิบายไปแม่ก็ไม่เข้าใจหรอก” อวี๋หมิงอี้โมโหจนถลกแขนเสื้อขึ้น ตอนนี้เขาจะไปตามต้าอีกลับมา
ผู้หญิงบ้านนี้ปล่อยให้อยู่ด้วยกันไม่ได้เลยจริงๆ ตั้งแต่เด็กยันแก่ไว้ใจไม่ได้สักคน
เมียที่ว่านอนสอนง่ายของเขายังถูกพาหนีไปด้วย…
เสี่ยวเชี่ยนปอกผลไม้ให้ต้าอีกับพ่านพ่าน ต้าอีไม่สบายใจ เธอกินไม่ลง
“ออกมาโดยไม่บอกพี่รองก่อน…มันไม่คอยเหมาะมั้ง?”
เสี่ยวเชี่ยนเห็นต้าอีเป็นแบบนี้ก็ไม่คิดจะปิดบังอีก จึงพูดไปตามตรง
“ไม่มีอะไรไม่เหมาะ ถ้าเกินยี่สิบนาทีแล้วเขายังไม่โทรมาฉันจะไม่ให้เขาเจอเธอสองวัน ถ้าเกินหนึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่มา ฉันก็จะให้เขาหาเธอไม่เจอเลยหนึ่งเดือน ถ้าวันนี้ก่อนถึงตอนเย็นเขาเลือกที่จะนิ่งเงียบ ต่อไปก็อย่ามาให้เห็นหน้าอีก”
“ฉันไม่อยากไปจากพี่รอง”
“เธอคิดจะยอมไปถึงเมื่อไรกัน?”
ต้าอีอึ้ง
“ถ้าฉันไม่ลากเธอออกมา ถ้าเขายังไม่แสดงท่าทีอยู่แบบนั้น เธอก็จะไม่สบายใจอยู่อย่างนั้น พวกเธอสองคนจะอยู่กันแบบปากหนักแบบนี้ไปถึงเมื่อไร? เธอกลัวอะไรกันแน่?”
“ฉัน…” ต้าอีก้มหน้า อันที่จริงสิ่งที่เธอกลัวมีเยอะแยะ
เสี่ยวเชี่ยนโบกปัดมือ “พอละ ไม่ต้องบอกฉันหรอก เก็บไว้คุยกับพี่รองเถอะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดี
เสี่ยวเชี่ยน หึ ออกมา มาไวจริงนะ
พอเปิดประตูก็เห็นอวี๋หมิงอี้ยืนอยู่หน้าประตูแบบไม่ต้องสงสัย หน้าบึ้ง ต้าอีพอเห็นเขาก็ตกใจ
“กลับบ้านกับผม”
“ยังพูดกันไม่รู้เรื่องก็คิดจะพาคนไปแล้วเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนพูดดักก่อนที่ต้าอีจะพูด
น้ำเสียงไม่ถึงกับบังคับแต่มีพลัง ท่าทีชัดเจน
“รอเจ้าเล็กกลับมาให้เขาคุยกับเธอเอง” อวี๋หมิงอี้เป็นคนที่ไม่ถนัดอธิบายอย่างแรง
“เธอว่าไงล่ะ?” เสี่ยวเชี่ยนถามต้าอี
ต้าอีมองหน้าพี่รอง เธอตกใจสีหน้าดุดันของเขาจนถอยหลังออกไปเงียบๆ
“โอ๊ะโอ ดูจากท่าทางแล้วต้าอีคงไม่อยากกลับไปสินะ?”
เสี่ยวเชี่ยนแอบสะใจ
อวี๋หมิงอี้มองเมียตัวเองค่อยๆถอยห่างออกไป แล้วมองเสี่ยวเชี่ยนตัวแสบที่กำลังสะใจ ความโกรธในใจปะทุพลางคิดว่าไว้วันไหนเขาต้องอัดน้องชายให้ได้ ดูยัยตัวแสบนี่ทำกับเมียเขาสิ
พอเห็นต้าอีกลัวแบบนั้นเขาจึงได้แต่ระงับความโกรธแล้วอธิบาย
“ผมไม่ได้โกรธ ผมแค่…ผมแค่กังวลนิดหน่อย”
เสี่ยวเชี่ยนใส่ไฟเพิ่ม “ใช่ พี่รองเป็นกังวล สีหน้าวิตกกังวลหน้านิ่งของพี่ทำเมียตกใจหนีออกจากบ้าน…”
อวี๋หมิงอี้แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินที่เสี่ยวเชี่ยนพูด เขารู้ว่าถ้าวันนี้ไม่พูดให้รู้เรื่องต้าอีจะต้องอึดอัดใจแน่นอน
แต่จะให้เขาพูดต่อหน้าเฉินเสี่ยวเชี่ยนจอมวายร้าย…มันจะทิ้งเงามืดในใจของเขาอย่างใหญ่หลวงนะ…
“ต้าอี พวกเรากลับบ้านกัน ผมมีบางอย่างอยากพูดกับคุณ”
ในใจของต้าอีเวลานี้กำลังสับสน เธอเฝ้ารอที่จะคุยกันให้รู้เรื่องแต่ก็แอบกลัวพี่รองนิดหน่อย ทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากประธานเชี่ยน
“เอาล่ะ ในเมื่ออยากกลับไปคุยกันก็อย่ามัวลีลาอยู่ตรงนี้ รีบๆกลับไปคุยกันสักที แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนนะ ถึงการหนีออกจากบ้านครั้งนี้จะเป็นแค่การลองใจ แต่ถ้ามีครั้งหน้าที่ไม่ยอมพูดจากัน เอาแต่คิดในใจล่ะก็ อาจไม่ใช่แค่การลองใจ”
พอได้ฟังผู้หญิงตัวแสบคนนี้คิดจะพาเมียเขาหนีอีกพี่รองก็ถลึงตาใส่ เสี่ยวเชี่ยนถลึงตากลับ
“มองอะไร จะอวดว่าตาโตเหรอ? ฉันจะบอกให้นะ เรื่องวันนี้แม่เป็นคนอนุญาต ถ้าพี่เก่งนักก็ไปเอาเรื่องกับแม่สิ”
พี่รองกัดฟัน ยัยตัวแสบ…
เสี่ยวเชี่ยนโบกมือไล่ รีบๆพาคนกลับไปเลยไป เธอรู้อยู่แล้วว่าอวี๋หมิงอี้ไม่กล้าเอาเรื่องแม่ นั่นคนที่มีอิทธิพลที่สุดของบ้านเลยนะ ขนาดพลโทอวี๋ยังไม่กล้าทำอะไร เจอเรื่องแบบนี้เอาแม่สามีมาอ้างเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ต้องบอกเลยว่าความรู้สึกที่ได้ทำลายภูเขาน้ำแข็งจนกลายเป็นภูเขาไฟ โกรธแต่ทำอะไรไม่ได้แบบนี้…มันสะใจสุดๆ ฮ่าๆ
ต้าอีกลับบ้านกับพี่รอง เธอรู้สึกกล้าๆกลัวๆ พี่รองเองก็ไม่พูดอะไร คล้ายกับกำลังบ่มความรู้สึกบางอย่าง ต้าอีหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอกังวลมาก พ่านพ่านที่อยู่ข้างๆก็มีสีหน้ากังวลไปด้วย พี่รองเห็นสองแม่ลูกคู่นี้ดูตกใจกลัวมากก็ทั้งโกรธทั้งขำ
เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ? กลัวมากขนาดนี้เลย?
เวลานี้ต้าอีรู้สึกขอบคุณประธานเชี่ยนมาก ถึงประธานเชี่ยนจะไม่ได้พูดอะไร แต่กลับใช้วิธีลองใจเพื่อช่วยเธอกับพี่รอง ต้าอีรู้ว่าจุดประสงค์ของประธานเชี่ยนก็คือต้องการให้เธอกับพี่รองได้คุยกัน เธอเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเปิดอกคุยให้หมด แต่พอเห็นหน้านิ่งๆของพี่รองแล้วก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมาอีกรอบ
ฮือๆ กลัวเขาอะจะทำไงดี ใบหน้าแบบนี้มันดูดุๆไงไม่รู้
พอกลับถึงบ้านต้าอีก็เห็นพี่รองหิ้วกระเป๋าเข้าไปไว้ในห้องนอน เธอยืนลังเลอยู่หน้าประตู ส่วนพ่านพ่านในฐานะที่เป็นผู้ติดตามในการหนีออกจากบ้านครั้งนี้ด้วยก็รักษาสีหน้าหวาดกลัวตามแม่ไปด้วย
ต้าอีหันไปขอความช่วยเหลือจากแม่อวี๋ แม่จ๋าช่วยหนูด้วย
แม่อวี๋แกล้งไอ “พ่านพ่านจ๊ะ ย่าพาออกไปเล่นข้างนอกดีไหมจ๊ะ?”
“แต่ว่าหม่าม้า…” พ่านพ่านรู้จักเห็นใจคนอื่น รู้จักคติที่ว่ามีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน
เด็กดี ไม่เสียทีที่รัก ต้าอีมองลูกชายด้วยสายตาซึ้งใจ ส่วนขาก็ขยับไปทางลูกชาย
“หม่าม้ากับป่าป๊ามีเรื่องต้องคุยกัน ออกไปเล่นกับย่าข้างนอกดีกว่าเนอะ”
“อ่อ…” ถึงพ่านพ่านจะอยากช่วยแม่ แต่เด็กน้อยก็กลัวพ่อ ทำได้แค่ยืนลังเลอยู่ที่เดิมไม่ขยับ มองต้าอีอยู่แบบนั้น
“ป่าป๊าหม่าม้าไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ไปกับย่านะเด็กดี” แม่อวี๋อุ้มพ่านพ่านไป
ต้าอีมองประตูพลางคิดในใจว่า ถ้าเธอออกไปด้วยได้คงดี…
พี่รองเดินเข้ามาคิดจะจูงมือเธอ แต่ต้าอีดึงมือไปด้านหลังอัตโนมัติ พี่รองจับมือเธอเอาไว้โดยไม่ลังเล เดิมคิดจะพาเธอไปนั่งคุยที่โซฟา แต่เห็นเธอหวาดกลัวเป็นกระต่ายน้อยแบบนี้จึงคิดว่าควรทำอะไรให้ทั้งสองฝ่ายต่างสบายใจกันก่อนค่อยเริ่มคุย
ต้าอีเห็นเขาเข้ามาใกล้มากขึ้น…เขาจับเธอเข้าชิดกำแพงแล้วก้มลงมาประกบปากเธอ
ปากที่เย็นหน่อยๆ อ่อนนุ่ม ตอนแรกก็นุ่มนวลดี แต่สักพักกลับหนักหน่วง นี่แหละมาตรฐานจูบของพี่รอง ต้าอีถูกเขาจูบจนตัวอ่อนยวบ ค่อยๆเริ่มลืมความหวาดกลัวแล้วเคลิ้มไปกับเขา
พอได้สติขึ้นมาอีกครั้งพี่รองก็อุ้มเธอไปที่โซฟาแล้ว เดิมคิดจะเอาหัวเธอพิงกับไหล่ตัวเองเพื่อปลอบให้เธอหายกลัว แต่สายตาที่ดูเหม่อลอยของเธอกลับทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะกดเธอลงบนโซฟาแล้วจูบอย่างร้อนแรงอีกรอบ
ถ้าไม่ติดว่าอีกเดี๋ยวแม่อวี๋พาหลานกลับมาแล้วพวกเขายังไม่ได้คุยอะไรล่ะก็ คงไปต่อที่เตียงแล้ว
อวี๋หมิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาดื่มจนหมดรวดเดียว น้ำเย็นไหลลงไปในท้องของเขาช่วยดับความร้อนรุ่มในร่างกายได้ ใบหน้าแดงๆของต้าอีมองเขาดื่มน้ำ เธอรู้สึกว่าพี่รองเหมือนเทพบุตรมาก แม้แต่ตอนดื่มน้ำยังดูเท่ห์ได้ขนาดนี้