“แถมทางนั้นยังพูดด้วยว่ารักษาครั้งเดียวไม่หาย ต้องมาอีกหลายครั้ง ไปทีก็ครั้งละสี่สิบ ได้ยินว่าแต่ละครั้งต้องให้ยาดับจิตอะไรนั่นด้วย ยาดับจิตนั่นก็ต้องจ่ายเงิน ทำแบบทดสอบบ้าบออะไรก็ต้องจ่ายเพิ่ม โรงพยาบาลสมัยนี้ขูดรีดกันจริงๆ ขยันเก็บเงินค่านู่นค่านี่ รักษาคนมีลูกยากเก็บทีได้หลายร้อย เงินนี่เป็นค่าทำคลอดได้เลยนะ”
“แม่ นั่นเขาเรียกสะกดจิต สะกดจิต”
เสี่ยวเชี่ยนทนฟังต่อไปไม่ไหว ในฐานะที่เป็นแม่ของจิตแพทย์ที่ตอนนี้อาจเรียกได้ว่าเก็บค่ารักษาแพงที่สุดในประเทศ แต่กลับมานั่งแฉเรื่องค่ารักษาในโรงพยาบาล ค่ารักษาจิตเวชเจ็ดแปดร้อยมันแพงเหรอ?
“วงการของพวกแกนี่มันหน้าเลือดจริงๆ แพงยิ่งกว่าหมอดูในหมู่บ้านอีก หาทีนึงตั้งเจ็ดแปดร้อย แค่พูดนั่นพูดนี่นิดหน่อยก็ให้คนจ่ายแพงขนาดนั้นแล้ว ไปหาหมอตรวจร่างกายยังได้ยามากิน หมออย่างพวกแกจ่ายยาไม่ได้ด้วยซ้ำ วันๆฉันไปนั่งคุยเป็นเพื่อนคนอื่นฉันยังไม่เห็นเรียกเก็บใครสักบาท”
พูดแดกดันลูกสาวตัวเองเต็มที่ เสี่ยวเชี่ยนโมโหจนแทบอยากปาโทรศัพท์ทิ้ง
เธออุตส่าห์ลำบากเรียนมาตั้งหลายปี ทำไมคำพูดที่หลุดจากปากแม่กลายเป็นคนหน้าเลือดแค่พูดนิดหน่อยก็เก็บเงิน?
อวี๋หมิงหลางรีบเอามือลูบหน้าอกเธอเพื่อให้ใจเย็นๆ มาร์คหน้าอยู่ห้ามโกรธ เดี๋ยวมีริ้วรอยนะ
เสี่ยวเชี่ยนชอบพูดเรื่องความสวยความงามให้เขาฟังบ่อยๆ เขาเลยพอรู้มาบ้าง
“งั้นหนูให้เงินเขาพันนึงให้เขาไปหาหมอโรงพยาบาลไม่ต้องมาหาหนูได้ไหม?”
“แกเป็นเสือเหรอ? คิดว่ามีเงินแล้วแน่มากเหรอ? อยากจะแจกเงินพันนึงก็แจกงั้นสิ? แกก็ไปดูให้เขาหน่อย เราจะให้เงินแบบนี้ไม่ได้ เข้าใจไหม? ในเมื่อฉันรับปากจู้จื่อไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ พี่จู้จื่อของแกเป็นคนซื่อ มาหาแม่ทีหิ้วไก่ หิ้วห่าน แถมยังมีเนื้อแดดเดียวมาให้ด้วย”
จบกัน นี่แม่เธอขายลูกสาวเพื่อห่านกับเนื้อแดดเดียวเหรอเนี่ย
เสี่ยวเชี่ยนตัวแข็งไปชั่วขณะ เสี่ยวเฉียงผู้ไร้ความเมตตาทำท่านกบินบนหัวเธอ แถมปากยังพึมพำ “กา กา~”
ความหมายคือเสี่ยวเชี่ยนในเวลานี้เหมือนฟ้าผ่ากลางหัว
เสี่ยวเชี่ยนฟาดเขาไปหนึ่งทีจนล้มไปด้านข้าง
“หนูไม่มีทางเลือกแล้วใช่มะ?”
“ใช่ รีบกลับมานะ จำไว้ล่ะ พอเข้าบ้านมาต้องยิ้มให้กว้างๆแล้วตะโกนเรียกพี่จู้จื่อ พี่สะใภ้มาแล้วเหรอคะ จำไว้นะ ต้องยิ้ม อย่าให้เขาคิดว่าพอพวกเรามีเงินแล้วทำตัวหยิ่ง”
เพื่อกำชับลูกสาวเรื่องนี้ เจี่ยซิ่วฟางถึงกับไม่กล้าโทรคุยในบ้าน ออกไปโทรหาลูกสาวข้างนอก
ยิ่งรวยก็ยิ่งต้องระวังเรื่องนี้ ถึงญาติจะมาจากบ้านเกิด แต่ถ้าไม่คุยกันไว้ก่อน พอกลับไปก็อาจเอาไปโพนทะนาได้ แล้วแบบนั้นจะทำอย่างไร? เจี่ยซิ่วฟางกลัวเสียหน้ามาก เธอไม่อยากให้คนเอาไปวิจารณ์ได้
“รู้แล้ว…” เสี่ยวเชี่ยนตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง
พอวางสาย นึกถึงเรื่องที่แม่เอาเธอไปแลกกับเนื้อแดดเดียวเนื้อห่านมาก็รู้สึกหมดแรงไม่อยากกลับบ้านขึ้นมาทันที
“เมียจ๋า ไม่เป็นไรนะ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวผมอยู่กับคุณเอง…โอ๊ย” เสี่ยวเฉียงกำลังจะปลอบเธอ แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับตีที่หน้าอกเขา เขามีทำปากบ่นขมุบขมิบ
“มันต้องเจอตบพิฆาต”
“ตีผมทำไมอ้ะ”
ไม่พูดไม่จาใช้ความรุนแรงในครอบครัวเฉย
“พาลไง แล้วนายจะให้ฉันไปตีแม่เหรอ? อีกที” อันที่จริงเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้ออกแรงมาก เธอฟาดไปอีกที อวี๋หมิงหลางเองก็ให้ความร่วมมือ ทำเป็นล้มลงไปด้านหลังพิงกับกำแพง ทำท่าเหมือนเจ็บปวด
“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย~”
“นายจะร้องโหยหวนเพื่อ” เสี่ยวเชี่ยนหน้าแดงกับเสียงร้องของเขา ไอ้คนหน้าด้าน…
“ผมจะแสดงเป็นคนเจ็บหลังจากโดนตีไง โอ๊ย~ ที่รักจ๋า~ ไม่ต้องสงสารผม กระทืบผมมาได้เลยจ้ะ”
เสี่ยวเชี่ยนถีบเขาจริงๆ มาร์คหน้าหลุดใส่หน้าเขา
อยู่กับตาบ้านี่มาร์คหน้าไม่ได้เลยจริงๆ ขำจนหลุดหมด แล้วจะไม่ให้มีริ้วรอยได้เหรอ
“สกปรกไหมเนี่ย เอาของดำแบบนี้มาตกใส่ผม โอ๊ย บนเสื้อก็เลอะ” เสี่ยวเฉียงรังเกียจมาก อะไรวะเนี่ย
“นี่เป็นมาร์คหน้าสครับ กระปุกละพันเลยนะ ซื้อมาจากเมืองนอก อีกอย่างนายตาบอดสีหรือไง? นี่ใช่สีดำเหรอ? นี่มันสีเทา”
“คุณจ่ายเงินหนึ่งพัน…เพื่อซื้อไอ้โคลนดำบ้าๆนี่เหรอ?” อวี๋หมิงหลางช็อค
เขาซื้อเครื่องเกมถูกเธอเอาไปฟ้องแม่ยาย แล้วทีเธอซื้อโคลนกระปุกละพันล่ะ?
“สีเทา” เสี่ยวเชี่ยนจริงจังกับการแก้คำมาก ยอมไม่ได้กับการพูดสีเพี้ยน
“เลิกสนว่ามันจะสีอะไร นี่มันโคลนไม่ใช่เหรอ?” อวี๋หมิงหลางเอามือจิ้มๆ โคลนจริงด้วย สัมผัสนี้มัน โคลนเหมือนที่เขาเคยนอนคลุกตอนทำภารกิจเลยไม่ใช่เหรอ? ดีกว่าหน่อยก็แค่สีดูสะอาดกว่า
อยากเล่นของพวกนี้ง่ายนิดเดียว ให้เขาพาเสี่ยวเชี่ยนไปคลุกได้ทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ แถมยังฟรี
“นายจะเข้าใจอะไร ส่วนประกอบที่อยู่ในนี้มันช่วยทำความสะอาดผิวได้ สิวเสี้ยนเอย สิ่งสกปรกเอย เว้นไม่กี่วันก็ต้องทำครั้งหนึ่ง…นายอยากทำความสะอาดรูขุมขนด้วยมะ?”
“ผม ปล่อยผมเล่นเกมไปดีกว่า เมียจ๋า เมียพูดถูกแล้ว ผมมันไม่เข้าใจอะไร มาๆๆ เดี๋ยวพี่สอนเล่นเกมให้ไหม”
อืม ไม่แปลกใจ แล้วเสี่ยวเฉียงก็โดนกระทำรุนแรงอีกรอบ สมน้ำหน้า
วิธีจัดการผู้ชายที่โหดร้ายที่สุดก็คือการเอาโคลนชนิดล้างยากมาพอกหน้าเขา แล้วก็ไม่ให้อุปกรณ์ที่ใช้ล้างโดยเฉพาะ อวี๋หมิงหลางยืนขัดถูหน้าจนหนังแถบถลอกก็ยังล้างไม่ออก
เสี่ยวเชี่ยนยืนมองอยู่ตรงประตูห้องน้ำ แสร้งทำเป็นพูดอย่างสงสาร
“ไอ๊หยา พี่ชาย เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำชอบล้างหน้าเหรอ? นี่ล้างมาตั้งสามนาทีแล้วนะยังล้างอยู่อีเหรอ?”
อวี๋หมิงหลางเงยหน้าอย่างเซ็งๆ เดิมคิดจะมองค้อนเธอเสียหน่อย แต่สบู่กลับเข้าตา ทำให้มองเห็นแย่กว่าเดิม
“พอได้แล้ว รีบเอาของที่ใช้ล้างไอ้นี่ออกมาเร็วๆ”
“ล้าลาลา พี่ชาย ล้างต่อไปเลยจ้ะ ล้างให้ออก ล้างให้ออก~” เอ๋ ร้องเป็นเพลงได้เฉย
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเหมือนตัวเองมีพรสวรรค์ขึ้นมาทันที เธอเป็นทุกอย่างเลยนะเนี่ย
“ท้าทายผมใช่มะ? คืนนี้ไม่อยากนอน?” เสี่ยวเฉียงคิดใช้เรื่องบนเตียงขู่เธอตามเคย
แต่ตอนนี้ประธานเชี่ยนคิดหาวิธีเล่นงานเขาได้แล้ว ไม่กลัวหรอก
“เอาสิ นายเก่งนักก็ห้ามนอน ถ้านายหลับนะฉันจะเอามาร์คนี่ทาหน้านาย ไม่ใช่แค่ที่หน้านะ ยังทาที่…”
เธอมองลงไปข้างล่างอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหยุดตรงอวัยวะสำคัญ
อวี๋หมิงหลางรีบหนีบขาแน่นทันที แล้วถามอย่างระแวง “คิดจะทำอะไรน่ะ”
“โอ๊ะ ของที่เอาเข้าปากจะไม่ให้ระวังเรื่องความสะอาดได้ยังไง?” เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้าพลางพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
เอาเข้าปาก…
อวี๋หมิงหลางอดไม่ได้ที่จะคิดลามก
แต่ประโยคถัดมาของเธอก็ดับความคิดลามกของเขาเสียสนิท
“เคยอ่านหนังสือเล่มนี้มะ?” เสี่ยวเชี่ยนพูดชื่อหนังสือประวัติศาสตร์ที่สะท้อนเรื่องสมัยราชวงศ์หมิง
“เคยอ่าน ตอนวิชาประวัติศาสตร์เรียนถึงเรื่องนั้นผมก็เลยอ่านดู เมียจ๋า คุณต้องการจะสื่ออะไร?”
อวี๋หมิงหลางคิดไม่ออกว่าหนังสือเล่มนั้นเกี่ยวอะไรกับตอนนี้
แต่เมียของเขากลับทำสีหน้าพิลึก