เสี่ยวเชี่ยนที่ภายนอกวางมาดเป็นคนใจเย็นมาตลอด พอเจอเรื่องของคนในบ้านก็ควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เสี่ยวเฉียงรู้ว่าเธอเป็นห่วงคนในครอบครัว ถ้าเธอไม่แคร์เฉินจื่อหลงเลยสักนิดก็คงไม่โกรธขนาดนี้
“ปกติต้าหลงอยู่แต่ในโรงเรียน ไม่ค่อยได้เจอสังคมภายนอก พอมีคนพูดเรื่องข้างนอกให้ฟังเขาก็ย่อมเชื่อเป็นธรรมดา แต่ว่าตามตรงแล้วนิสัยของต้าหลงก็ไม่ได้เกเรอะไร ไม่ได้ยินที่เขาบอกเหรอว่าอยากรีบทำงานจะได้ตอบแทนแม่?”
“หึหึ…อยากตอบแทนแม่ไม่ไปแบกอิฐแบกปูนล่ะ? ไม่ไปปูเสื่อนั่งขายของล่ะ? ไปขายก๋วยเตี๋ยวหมาล่าขายแป้งทอดก็ได้นี่ ทุกอาชีพล้วนมีเกียรติ ขอแค่หาเงินเลี้ยงดูตัวเองได้จะมีอะไรไม่ดี? คิดแต่จะใช้ทางลัด ทำเรื่องที่อยากได้เงินง่ายๆโดยไม่ต้องเปลืองแรง แบบนี้มันน่ารังเกียจ!”
เฉินจื่อหลงในชาตินี้ไม่ได้ถูกฉวีเสวี่ยหลอก ภายใต้การดูแลอย่างเข้มงวดของเสี่ยวเชี่ยนเขาได้อยู่ห่างจากเพื่อนที่เกเร ถือว่าควบคุมพฤติกรรมได้ แต่คำพูดของเขาในวันนี้ทำให้เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงน้องชายที่ไม่เอาไหนเมื่อชาติก่อน
น่ารังเกียจ
“ทุกคนล้วนใช้ความพยายามของตัวเองต่อสู้ แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวชุบมือเปิบ? นายดูท่าทางระริกระรี้ของต้าหลง อายุแค่นี้ก็คิดจะใช้เส้นสายดำรงชีวิตแล้ว แบบนี้มันไหวเหรอ?”
“อย่าว่าแต่เด็กตัวเท่านี้เลย ข้างนอกมีผู้ใหญ่ตั้งเท่าไรที่คิดจะใช้เส้นสาย? คุณไม่เห็นจะต้องโมโหขนาดนี้เลย”
“อวี๋หมิงหลาง!” เสี่ยวเชี่ยนตะโกนใส่ “ความคิดนี้ของนายมันอันตรายมากรู้ไหม?! นายท่องหลักการของทหารมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
พลาธิการเข้าสิงร่าง
“ผมไม่ได้บอกว่าผมคิดแบบนั้น ก็แค่ช่วยคุณวิเคราะห์ตามความเป็นจริง ดูคุณสิ บอกว่าไม่ชอบน้องชายคนนี้ แต่ท่าทางที่แสดงออกตอนนี้มันคืออะไร?”
เห็นชัดๆว่ายิ่งรักมากก็ยิ่งโมโห!
“ใครจะไปชอบคนนิสัยแบบนั้นได้? สมองไม่ดีแถมยังไม่ขยัน วันๆรู้จักแต่กินกับนอนแล้วก็ทำตัวโง่!”
“ได้ คุณไม่เป็นห่วงเขา งั้นคนที่มีความคิดแบบนี้มีตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมคุณถึงไม่ยอมปล่อยเขาเรื่องนี้?”
“พูดมาก! ถ้าฉันปล่อยให้น้องชายทำอะไรตามใจจนสุดท้ายซวยมาถึงฉันจะทำไง?”
คนอย่างน้องชายเธอ ความคิดไร้เดียงสาเกินไป ถ้าไม่ระวังก็จะถูกคนอื่นหลอกได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน คนที่อยู่ในเมืองล้วนพูดจาแฝงความนัยอะไรก็ไม่รู้สารพัด ต้าหลงอยู่ไม่ได้หรอก
“ยังจะบอกอีกเหรอว่าคุณไม่เป็นห่วงน้อง? ถ้าคุณไม่อยากเห็นเขาได้ดีจริงๆก็ทำตามที่เขาบอกสิ ไปของานง่ายๆจากพี่ใหญ่ให้เขา ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
เสี่ยวเฉียงแฉเมียตัวเองอย่างไร้ความเมตตา
สำหรับคนอื่นอาจเป็นเรื่องที่สบายๆ แต่ในสายตาเสี่ยวเชี่ยนมันไม่ใช่ เห็นเธอเอาแต่ด่าน้องชายแบบนี้ แต่ก็ห้ามใครมาด่าน้องเธอเป็นอันขาด พูดตามตรงก็คือ เธอไม่อยากให้น้องชายตัวเองเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ใช้ชีวิตแบบไร้สาระไปตลอด
เสี่ยวเชี่ยนมองอวี๋หมิงหลางเงียบๆ โวะ ตกหลุมพรางเขาเข้าแล้ว!
“นายหลบไป! ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย กลับบ้านไป!”
“โอ๊ะ! เมียจ๋า คุณพาลโกรธผมด้วยเหรอ?”
นี่มันพาลสมบูรณ์แบบ เถียงสู้เขาไม่ได้ก็เริ่มทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง ผู้หญิงนี่นะ มีชื่อว่าเจ้าคิดเจ้าแค้น!
“ฉันพาลแล้วจะทำไม ต้าหลงกำลังจะสอบอยู่แล้วนายยังจะให้ยืมการ์ตูน พวกนายมันสมคบคิดกัน!”
“ต่อให้เขาไม่อ่านการ์ตูนคะแนนก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอก เรื่องนี้พวกเราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เรื่องที่เป็นเหมือนแผลทิ่มแทงใจของเสี่ยวเชี่ยนตลอดชาติก็คือน้องชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ อวี๋หมิงหลางจับจุดได้ พูดเสียจนเธอเถียงไม่ออก
“สุดท้ายแล้ว คนที่ชื่อจู้จื่อนี่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เอาความคิดใช้ทางลัดกรอกใส่หัวต้าหลง เฮงซวย!”
“เขาไม่ใช่คนดีแน่นอน แต่ประเด็นคือเมียจ๋า ตอนนี้คุณไม่ยอมเผชิญหน้ากับความจริง น้องชายเราเชื่อคนง่ายเกินไป คุณจัดการกับคนชื่อจู้จื่อได้ พรุ่งนี้ก็อาจจะมีปิ่งจื่อ มะรืนมีฉิวจื่อ พูดอะไรส่งเดชนิดหน่อยต้าหลงก็เชื่ออยู่แล้ว คุณจะจัดการกับคนที่มีความคิดไม่เหมือนพวกเราได้หมดเหรอ? ใช่ คุณทำได้ แต่ผมสงสารคุณนี่ ผมไม่อยากให้เมียผมต้องเหนื่อย”
“วันๆมีแต่เรื่องปวดหัว ฉันไม่น่ากลับมาเลย เห็นหน้าน้องชายแล้วฉันก็โมโห”
เสี่ยวเชี่ยนพูดเหมือนบ่นออกมาเฉยๆ เสี่ยวเฉียงจึงไม่คิดจริงจัง
เขารู้ว่าเธอมีครอบครัวอยู่ในใจ ระหว่างทางกลับมาเอาแต่ชมโรตีไข่ของบ้านเกิดไม่ขาดปาก แล้วนับประสาอะไรกับน้องชายที่โตด้วยกันมา
นี่แหละความคิดถึงบ้านเกิด
“พวกเราลองมองปัญหาตามความเป็นจริงนะ เด็กอย่างต้าหลงมีบางเรื่องที่โตช้าก็จริง แต่ตัวตนของเขาก็ยังคงคิดปกป้องคุณกับแม่ ก็ไม่เสียทีที่คุณแคร์เขาขนาดนี้ เขาในตอนนี้แต่ไหนแต่ไรไม่เคยได้รู้จักโลกภายนอก จิตใจของเขาบริสุทธิ์เกินไป พูดง่ายๆหน่อยก็คือ ต้าหลงไม่เคยเจอตัวตนที่หลากหลายรูปแบบของคนในสังคม และเขาก็ไม่ได้เป็นคนฉลาดที่ทันคนแบบคุณ จึงไม่แปลกที่เขาจะแยกแยะดูคนไม่เป็น เด็กที่วัยเดียวกับเขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น เมียผมนี่มองได้ถึงแก่นแท้จริงๆ เป็นคนส่วนน้อยเลยนะ”
จริงหรือหลอก ใช่หรือไม่ใช่ ถ้าไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเองก็ยากที่จะทำให้เด็กนักเรียนที่เคยใช้ชีวิตแต่ในโรงเรียนได้รู้จักโลกอย่างแท้จริง
บางครั้งเสี่ยวเฉียงก็คิดนะว่า ตอนนั้นที่เขามีรักแรกพบกับเสี่ยวเชี่ยน แต่กลับไม่กล้าลงมือจีบเพียงเพราะอายุห่างกันถึงหกปี ลังเลอยู่นานกว่าจะได้ลงมือ
เดิมคิดว่าห่างกันหกปีจะมีช่องว่างระหว่างกันเยอะ อาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่ไม่คิดเลยว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ไม่เพียงแต่จะไม่มีอุปสรรค แถมยังแค่มองตาก็รู้ใจกันด้วย ความรู้ใจกันแบบนี้ทำให้อวี๋หมิงหลางประหลาดใจมาก และก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ลงมือไว
“ลูกคนอื่นฉันไปยุ่งไม่ได้ แล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย แต่ในเมื่อเฉินจื่อหลงกล้าพูดกับฉันขนาดนี้ ฉันจะปล่อยไว้ก็ไม่ได้”
เป็นตายเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ยอมรับว่าเป็นห่วงน้องชาย
เธอไม่อยากให้ตัวเองเป็นแบบเมื่อชาติก่อน ต้องมาคอยตามเช็ดตามล้างเรื่องไม่ดีของน้องชาย เธอบังคับให้น้องเรียนมอปลายเพื่อเพิ่มประวัติการศึกษา อีกทั้งยังให้น้องชายตัดขาดจากเพื่อนไม่ดี แต่พฤติกรรมเมื่อครู่ของต้าหลงกลับทำให้เสี่ยวเชี่ยนแอบผิดหวัง คล้ายกับว่าได้ย้อนกลับไปสมัยก่อนปลดแอก ความพยายามทั้งหมดล้วนสูญเปล่า
“ใช่ พวกเราจะปล่อยไว้ก็ไม่ได้ หาสภาพแวดล้อมดีๆช่วยหล่อหลอมเขา ความคิดของเขาก็จะค่อยๆเปลี่ยนไป สภาพแวดล้อมมีอิทธิพลต่อคนๆหนึ่งมากจริงๆ อีกอย่าง เรื่องนี้คุณเคยวางแผนไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าเสี่ยวเฉียงพูดเรื่องอะไร เธอเคยคิดจะให้น้องชายเข้าไปฝึกทหาร
เฉินจื่อหลงไม่อยากเรียนหนังสือแล้วจริงๆ แทบไม่เคยมีเรื่องเรียนอยู่ในสมอง ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะอยากให้อย่างน้อยๆน้องชายได้จบปริญญาตรี แต่หลายปีมานี้ขนาดดอกเตอร์เลี่ยวฟู่กุ้ยติวตัวต่อตัวยังไม่ได้ผล เห็นทีเรื่องเรียนคงเข็นไม่ไหวแล้วจริงๆ
“นายดูต้าหลงนิสัยแบบนั้น ไม่อยากทำงานที่ลงแรงมาก แล้วให้เข้าไปฝึกทหารนายคิดว่าจะไหวเหรอ? กลับไปบังคับให้เข้าไปเป็นทหาร เดี๋ยวก็จะมีข่าวหนีทหารตามมา บ้านฉันยังไม่อยากขายหน้าเรื่องนี้นะ”
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่า ถึงบ้านอวี๋หมิงหลางจะเป็นทหารกันทั้งครอบครัว แต่ก็ไม่มีทางผ่อนปรนให้น้องชายของเธอแน่ ต้องว่าไปตามระเบียบ ไม่มีกรณียกเว้นเป็นพิเศษแน่นอน