เสี่ยวเฉียงถามเธอด้วยสายตา ไม่รู้ว่าเธอดึงเขาไว้ทำไม?
เสี่ยวเชี่ยนโอบคอเขาให้โน้มลงมาเอาหน้าแนบกับหน้าเธอ “เดี๋ยวกลับไปฉันจะชดเชยให้นายอย่างดี”
ชดเชย!
สายตาของเสี่ยวเฉียงเป็นประกายทันที
แบบนี้มันได้!
ลูกบอลโยคะอะไรแบบนั้น!!
เห็นเขาเดินออกไปอย่างสดชื่นกระปรี้กระเปร่าเสี่ยวเชี่ยนก็ส่ายหน้า จากนั้นก็นอนลงพร้อมรอยยิ้ม
เวลานี้เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากทำเรื่องอย่างว่า แต่เนื่องจากรับปากเธอไว้ว่าจะไปหลอก อ้อไม่สิ ไปเกลี้ยกล่อมต้าหลง ดังนั้นจึงต้องสะกดใจไว้แล้วไปทำงานใหญ่ ซึ่งทำให้เธอพอใจมาก
บางครั้งการรู้จักแยกแยะ ให้เกียรติเธอทุกอย่าง สามีแบบนี้มีเหตุผลอะไรที่เธอจะไม่เอาใจ?
เฉินจื่อหลงซุกตัวอยู่ในผ้าห่มจริงๆ ถึงเวลานี้เขาควรนอนได้แล้ว แต่เขากลับนอนไม่หลับ เปิดไฟฉายอ่านการ์ตูน แถมในมือยังกำลูกท้อแทะไปพลางๆ
ทันใดนั้นผ้าห่มก็ถูกดึงออก เขาตกใจรีบนอนทับการ์ตูนไว้ เกือบสำลักลูกท้อ
“แม่! ไม่เคาะประตูอีกแล้วนะ!”
“พี่เอง” อวี๋หมิงหลางตบบ่าต้าหลง
ต้าหลงพอเห็นเป็นพี่เขยก็โล่งอก เขาลุกขึ้นมานั่งพลางเอามือตบหน้าอกตัวเอง
“พี่เขย ตกใจหมดเลย!”
“พี่เคาะประตูแล้วเราไม่ได้ยินเอง”
ต้าหลงเอาที่อุดหูออก “พี่ว่าอะไรนะ?”
“ออกไปกินเนื้อย่างเสียบไม้กันดีไหม? พี่เลี้ยงเอง”
“พอพี่พูดผมก็หิวเลย…” ต้าหลงลูบท้องที่ร้องจ๊อกๆ
โตเป็นหนุ่มแล้วเป็นวัยที่กำลังกินเก่ง
“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ขับรถพาไป พวกเรากินเบียร์ได้ด้วยนะ”
“แม่ไม่ให้ผมไปหรอก ตามคุมผมแจเลย!” เขารู้สึกว่านักเรียนที่เตรียมตัวสอบเหมือนนักโทษยังไงก็ไม่รู้ ต้าหลงพูดเสียงเบากลัวแม่ได้ยิน
“ไม่เป็นไรหรอก พี่เป็นคนพาออกไป แม่ไม่มีทางรู้”
เจี่ยซิ่วฟางได้ยินเสียงเปิดประตูก็รีบลุกขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ได้ยินเสียงอวี๋หมิงหลางพูด “แม่ครับ! เสี่ยวเชี่ยนอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ เดี๋ยวผมออกไปซื้อแม่นอนเถอะครับ”
“เดี๋ยวแม่ต้มบะหมี่ให้ อย่าไปกินอาหารขยะพวกนั้นบ่อยๆเลย” เจี่ยซิ่วฟางพูด
“ไม่ต้องหรอกครับ! ถ้าเขาไม่ได้กินจะนอนไม่หลับ แม่นอนพักเถอะครับ”
“ตามใจลูกคนนี้จนเคยตัวนี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว? ไม่ได้ ฉันจะต้องไปว่าหน่อย หมิงหลางก็ดีเกินไป ลูกคนนี้ชอบเอาแต่ใจ ไม่ได้เรื่อง—”
“เอาน่าคุณ รีบนอนเถอะ เรื่องของเด็กๆก็ปล่อยพวกเขาจัดการกันไป” พ่อเลี่ยวรั้งเธอไว้ เจี่ยซิ่วฟางบ่นอีกสองสามคำแล้วก็ล้มตัวนอนหลับไป แถมยังกรนเสียด้วย
พ่อเลี่ยวค่อยๆห่มผ้าให้เจี่ยซิ่วฟางแล้วลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง พอมองลงไปข้างล่างก็เห็นอวี๋หมิงหลางพาต้าหลงเดินไปทางที่รถจอดอยู่
พ่อเลี่ยวครุ่นคิดสักพักแล้วยิ้มออกมา
หมิงหลางจะเริ่มลงมือกับต้าหลงแล้วสินะ?
แบบนี้ก็หมดห่วง อันที่จริงช่วงนี้เขาก็อยากหาโอกาสคุยกับต้าหลงอยู่พอดี เพียงแต่เป็นพ่อเลี้ยงไปพูดเรื่องแบบนี้ผลที่ได้อาจไม่ดีเท่าคนเป็นพี่เขยพูด
อวี๋หมิงหลางเงยหน้าเห็นพ่อเลี่ยวยืนมองอยู่ที่หน้าต่าง เขาทำไม้ทำมือให้ แปลความได้ว่า ไปดื่มด้วยกันไหม?
พ่อเลี่ยวส่ายหน้าแล้วชี้ไปในห้อง
เมียดุอ่า
อีกอย่าง พอเด็กสองคนนี้ออกไปแล้ว ถ้าเขาไม่เป็นหูเป็นตาให้ เกิดแม่เสี่ยวเชี่ยนตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่าต้าหลงหนีออกไปแล้ว ในบ้านต้องเกิดสงครามแน่นอน
พ่อเลี่ยวโบกมือให้เสี่ยวเฉียงเพื่อบอกว่าไปเถอะ จากนั้นก็กลับไปนอนที่เตียง
ฤดูร้อนในเมืองเล็กๆติดชายทะเล ลมเย็นพัดโชยมา ร้านขายเนื้อย่างเสียบไม้ริมทางที่เปิดจนถึงเช้ามืดส่งกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล มีคนนั่งดื่มเบียร์กินเนื้อย่างพูดคุยกันอยู่ที่ร้านประปราย
กินเนื้อย่างเสียบไม้จะนั่งกินอยู่ในห้องไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะสัมผัสได้ไม่ถึงบรรยากาศของฤดูร้อน ต้องนั่งกินข้างนอกรับลมเย็นๆยามดึก
“พี่เขย สั่งอะไรก็ได้ใช่ไหม?” ต้าหลงรับเอาเมนูมา
“แน่นอน”
“พี่ผมไม่ให้เงินพี่ไม่ใช่เหรอ?” แม้แต่ต้าหลงยังรู้ว่าพี่เขยน่าสงสารมาก ใช้ชีวิตแบบที่เงินเดือนก็ไม่ได้ใช้
“จะเป็นไปได้ไง? พี่เราเป็นเผด็จการเหรอ? เขาดีจะตาย”
ให้เงินในจำนวนที่พอใช้กับเขาทุกเดือน เขาไม่มีอะไรต้องซื้อ เมียซื้อให้หมดแล้ว แม้แต่เครื่องเกมกับการ์ตูนที่เขาชอบก็ซื้อให้ แค่นี้เสี่ยวเฉียงก็รู้สึกพอแล้ว
ต้าหลงมีเหรอจะเข้าใจความสุขของอวี๋หมิงหลางผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เขามองว่าพี่เขยเป็นคนที่น่าสงสาร จึงเลือกสั่งแต่ของถูกๆ เป็นอวี๋หมิงหลางซะเองที่ทนดูต่อไปไม่ไหว เอาเมนูมาสั่งเองแถมสั่งเบียร์มาหนึ่งแก้ว
พอเบียร์มาเสิร์ฟอวี๋หมิงหลางก็เลื่อนแก้วเบียร์ให้ต้าหลง ส่วนตัวเองดื่มน้ำเปล่า
“พี่เขยไม่ดื่มเหรอ?” ต้าหลงจำได้ว่าพี่เขยดื่มยังไงก็ไม่เมา
“พี่รับปากพี่สาวเราไว้ ขับรถห้ามดื่มเหล้า ลูกผู้ชายพูดได้ก็ต้องทำให้ได้ด้วย”
พอเห็นต้าหลงมองมาด้วยสายตาสงสาร อวี๋หมิงหลางจึงตบบ่าเขา “อีกหน่อยเราก็จะรู้เองแหละ มีเมียดีมันสำคัญต่ออนาคตขนาดไหน แน่นอนว่านายก็โชคดีเหมือนกันที่ได้พี่สาวที่คอยเป็นห่วงแบบนี้”
“ใช่ไหมล่ะ! พี่สาวผมดีที่สุดเลย” ต้าหลงนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวเชี่ยนพูดไว้ เขาคิดในใจ หรือพี่เขยชวนเขาออกมาเพื่อคุยเรื่องงาน?
เนื้อย่างมาเสิร์ฟแล้วส่วนหนึ่ง อวี๋หมิงหลางเลื่อนให้ต้าหลงกินก่อน จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ต้าหลง เราอยากเข้าไปทำงานบริษัทพี่ใหญ่หรือชอบงานที่มั่นคงมากกว่า?”
“อันที่จริงผมแค่อยากหางานใกล้บ้านที่มั่นคง จะได้ดูแลแม่ได้สะดวกด้วย”
“แบบนั้นงานมั่นคงก็มีเยอะแยะ แล้วทำไมจะต้องอยากไปทำที่บริษัทพี่ใหญ่ให้ได้ด้วย?”
“เพราะที่นั่นให้ผลตอบแทนดีหน่อย เด็กจบมอปลายอย่างผมจะไปหางานอะไรได้”
“อยากเป็นทหารไหม? เครื่องแบบของพวกเราเท่ห์มากนะ ดูดีสุดๆ”
พอได้ยินเรื่องเป็นทหารต้าหลงก็ส่ายหน้ารัวๆเหมือนป๋องแป๋ง
“ผมไม่ไปเด็ดขาด ร่างกายอย่างผมขืนไปเป็นได้เหนื่อยตาย อีกอย่าง ค่ายทหารกฎเยอะแยะ ไม่มีอิสระ ออกมาเที่ยวเล่นไม่สะดวก”
นี่ล้วนเป็นความคิดที่ไร้เดียงสาของเด็ก อวี๋หมิงหลางไม่เก็บมาใส่ใจ และไม่โต้เถียงว่าเดี๋ยวนี้ค่ายทหารก็ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนหย่อนใจ มีจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อการพักผ่อนด้วย
เรื่องพวกนี้เก็บไว้ให้ต้าหลงค่อยๆทำความเข้าใจเอง
ครั้นแล้วเสี่ยวเฉียงก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นเป็นตำรวจปฏิบัติการพิเศษหรือตำรวจที่ไปทำคดีใหญ่ล่ะ เราว่าดีหรือเปล่า?”
“ตำรวจปฎิบัติการพิเศษ?! เป็นตำรวจเหรอ?!”
ต้าหลงดวงตาเป็นประกาย ถึงเขาจะไม่รู้ว่าตำรวจปฏิบัติการพิเศษต้องทำอะไรบ้าง แต่เขาเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง แต่ละคนรูปร่างกำยำ ติดอาวุธต่างๆเท่ห์มาก รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่น่าเกรงขาม
ต่อให้ไม่เป็นตำรวจปฏิบัติการพิเศษเป็นตำรวจธรรมดาก็เท่ห์เหมือนกัน!
“แต่เป็นตำรวจมีเงื่อนไขเยอะแยะเลยไม่ใช่เหรอ? ผมเคยได้ยินมาว่าเขาไม่รับคนที่ไม่ได้จบจากโรงเรียนตำรวจ และโรงเรียนนั้นก็สอบเข้ายากมากด้วย”
“ใครบอก? มีหลายคนเลยนะที่ย้ายจากกองทัพไป ต้าหลง ถ้าสอบครั้งนี้ได้ผลไม่เป็นอย่างที่คิด อย่างเช่นเข้าได้แค่โรงเรียนอาชีวะ งั้นไม่สู้พักการเรียนไว้ก่อนแล้วไปเป็นทหารไม่ดีกว่าเหรอ?”
“เป็นทหาร…” ต้าหลงลังเล