“คุยกับพี่เขยรู้เรื่องแล้ว?” เสี่ยวเชี่ยนวางชามในมือลงแล้วถามเหมือนไม่ตั้งใจ
“รู้เรื่องแล้วพี่! เรียบร้อย พี่เขยจัดการธุระได้ชัดเจนมาก!” ต้าหลงรู้สึกชื่นชมอวี๋หมิงหลางเป็นอย่างมาก
เด็กโง่ที่น่าสงสาร ถูกอวี๋หมิงหลางขายแล้วยังจะช่วยนับเงินอีก เสี่ยวเชี่ยนหันไปมองน้องชาย ไม่พูดอะไร
เดิมคิดจะช่วยบำบัดจิตใจก่อนสอบให้ต้าหลง แต่เด็กคนนี้ดูเหมือนหลังจากที่ได้คุยกับอวี๋หมิงหลางก็ทำตัวสบายๆมาก ไม่เครียดเลยแม้แต่นิดเดียว ทำตัวเหมือนพร้อมเต็มที่
แค่ชั่วพริบตาก็ถึงวันสอบ
หลังสอบวิชาสุดท้ายเสร็จ เจี่ยซิ่วฟางก็ยืนรอข้างนอกพร้อมเสี่ยวเชี่ยนกับพ่อเลี่ยว แสงแดดแผดเผาต้นหลิ่วจนแห้งกรอบไปหมด นักเรียนที่ออกมาจากสนามสอบมีสีหน้าเหมือนยกภูเขาออกจากอก
เจี่ยซิ่วฟางหน้าเครียดมองหาต้าหลงในหมู่เด็กนักเรียน พอเห็นลูกชายเดินมาด้วยหน้าระรื่นจึงรีบเข้าไปหา
“สอบเป็นไงบ้าง?”
“งั้นๆแหละ บางข้อพี่ฟู่กุ้ยเคยติวให้—เอ๊ะพี่ นี่อะไรอะ?” ต้าหลงมองดอกไม้ที่อยู่ในมือเสี่ยวเชี่ยนด้วยสีหน้าตกใจ
“แสดงความยินดีที่ช่วงสำคัญของชีวิตนายจบไปหนึ่งขั้น ต่อจากนี้ไม่ว่าอนาคตนายจะไปทางไหน ก็จดจำความพยายามในอดีตไว้ให้ดี สิบสองปีที่เรียนมาถึงผลการเรียนจะไม่เอาไหนมาตลอด แต่นายก็ยืนหยัดจนจบได้ ฉันก็เลยอยากแสดงความยินดี หนทางยังอีกยาวไกลค่อยๆเรียนรู้ไป อนาคตมีเส้นทางที่ยาวกว่ารอนายอยู่”
ต้าหลงอึ้งกับท่าทีของเสี่ยวเชี่ยนที่มาอย่างกะทันหันจนเขาอ้าปากค้าง รับดอกไม้มาจากเสี่ยวเชี่ยนอย่างงงๆ แอบซึ้งใจนิดหน่อย
“พี่ทำแบบนี้ไม่ชินเลยอะ แบบนี้มันดีกับผมไปหน่อยหรือเปล่า?”
“อืม ควรดีกับนายหน่อย ยังไงซะอีกสองเดือนให้หลังวันเวลาดีๆของนายก็จะไม่มีแล้ว”
“อะไรนะ?”
ต้าหลงได้ยินไม่ชัด
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มกว้างให้น้องชาย “เปล่า ฉันบอกว่า สอบเสร็จแล้ว นายก็สบายใจได้แล้ว เดี๋ยวฉันจะพานายไปกินเที่ยวเล่น มีเงินเต็มกระเป๋า นายอยากกินอะไร เที่ยวที่ไหน เอาให้เต็มที่เลย”
“โอ๊ะ!”
ความสุขมาแบบไม่ทันตั้งตัว
“พี่ เรื่องเรียนของพี่ไม่มีปัญหาเหรอ? ไม่ต้องกลับไปเหรอ?”
“ไม่เป็นไร ฉันลาแล้ว ช่วงหลายวันนี้นอกจากช่วยบำบัดจิตใจให้แฟนพี่จู้จื่อ งานหลักๆของฉันก็คือพานายไปใช้เงินเที่ยวให้สนุกสนาน ยกเว้นสถานบันเทิงซื้อขายบริการทางเพศอันนั้นไม่ได้ อย่างอื่นแล้วแต่นายเลย”
เพราะว่าต่อไปนายอาจไม่มีช่วงเวลาดีๆไปอีกหลายปี
ต้าหลงซึ้งใจจนน้ำตาคลอ พี่เขาดีสุดๆไปเลย!
เจี่ยซิ่วฟางเองก็ซึ้งใจ เห็นลูกชายกับลูกสาวรักกันดีแบบนี้รู้สึกตัวเองทำบุญมาดีจริงๆ
วันต่อๆมาเสี่ยวเชี่ยนก็ทำได้อย่างที่รับปากไว้
พาต้าหลงไปกินร้านอาหารดังๆในเมือง กินจนต้าหลงน้ำหนักขึ้น ร้านเกมสวนสนุกก็ไปหมด ร้องคาราโอเกะ เที่ยวกินเหล้ากับเพื่อนก็ไม่มีปัญหา!
อยากได้เงินให้เงิน อยากกินพาไปกิน ดูแลดีสุดๆ
คะแนนโดยประมาณของต้าหลงคือ350 อาจเพราะไม่มีแรงกดดัน ไม่มีภาระทางจิตใจ คะแนนจึงดีกว่าตอนจำลองการสอบเยอะ เจี่ยซิ่วฟางยังคงมีความหวังเล็กๆน้อยๆ ถ้าคะแนนออกมาดีกว่านี้อีกหน่อยไม่แน่อาจเข้ามหาวิทยาลัยระดับล่างๆได้
เสี่ยวเชี่ยนกลับดูนิ่งมาก ปลอบแม่ว่าอย่าไปสนอะไรมาก ช่วงเวลาไม่กี่วันนี้ที่เธอบำบัดจิตใจให้พี่สะใภ้ก็ถึงช่วงโค้งสุดท้ายพอดี
เหมือนกับที่เสี่ยวเชี่ยนวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ต้องกำจัดผลกระทบจากการขาดความรักของพ่อในวัยเด็กให้ได้ก่อน ปล่อยให้พี่สะใภ้ได้เห็นจุดที่น่ารักของเด็ก จากนั้นค่อยคิดหาวิธีแบบอ้อมๆให้จู้จื่อช่วยเลี้ยงลูก
ในความเป็นจริงการครองคู่ของสามีภรรยาล้วนต้องใช้เทคนิคด้วยกันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเรื่องการเลี้ยงลูก งานลำบากแบบนี้ผู้ชายไม่อยากทำ ถ้าเวลานี้ผู้หญิงใช้อารมณ์ยกเรื่องศีลธรรมมาอ้างกดดันสามี เอะอะก็ร้องไห้คร่ำครวญถึงความลำบากตอนคลอดลูก ยกเหตุผลมาอ้างสารพัด
ระบบการถ่ายทอดทางภาษาของผู้ชายไม่ได้เก่งเท่าผู้หญิง พอเถียงสู้ไม่ได้ก็จะใส่อารมณ์
ผลลัพธ์สุดท้ายคือตัวผู้ชายรำคาญ เคสที่เบาหน่อยก็เงียบไปไม่เถียงอะไรต่อ ผู้ชายหน้าไม่อายก็จะยกข้ออ้างตัวเองทำงานเหนื่อยแล้วไม่จำเป็นต้องมานั่งเลี้ยงลูกอีกอะไรแบบนี้สารพัด และที่หนักกว่าก็คือ โกรธจัดจนลงไม้ลงมือ เพราะหาเหตุผลมาสู้ผู้หญิงไม่ได้ก็จะใช้กำลังได้ง่าย
ดังนั้นช่วงเวลาแบบนี้ต้องจัดการแบบอ้อมๆ
เสี่ยวเชี่ยนบอกพี่สะใภ้หลังจากกลับไปแล้วอย่าไปทะเลาะกับจู้จื่อ หลบเลี่ยงการปะทะกันซึ่งๆหน้า รวมถึงอย่าเพิ่งพูดเรื่องพาลูกไปผ่าตัดหรือมีลูกคนที่สอง เลือกเวลาที่ลูกกำลังน่ารักเลี้ยงง่ายไปให้จู้จื่ออุ้ม คิดหาวิธีให้เขาอยู่กับลูกมากขึ้น
ช่วงแรกห้ามให้จู้จื่อเลี้ยงตอนที่ลูกกำลังงอแงหนัก เด็กเล็กครึ่งหนึ่งเป็นเทวดาอีกครึ่งเป็นซาตาน เลือกเอาตอนที่เขาเป็นเทวดาส่งให้จู้จื่อ ตอนแรกๆไม่ต้องให้อยู่ด้วยกันนานมาก ค่อยๆเพิ่มเวลาในตอนหลัง ว่างๆก็ให้ลูกชมพ่อ สอนลูกร้องเพลงที่ยกย่องพ่อ พยายามหลอกล่อเพื่อเพิ่มความรู้สึกรับผิดชอบให้จู้จื่อ
ขนาดผู้หญิงยังยอมรับความลำบากในการเลี้ยงลูกในทันทีไม่ได้ ผู้ชายเองก็ไม่ได้เข้าถึงบทบาทความเป็นพ่อได้ง่ายๆเช่นกัน ต้องให้ผู้ชายได้อยู่กับลูกบ่อยๆ ให้เขารู้สึกได้ถึงความน่ารักของเด็ก วิธีผิดๆก็คือคนเป็นแม่ยกเหตุผลสารพัดขึ้นมาพูด บอกว่าคนเป็นพ่อควรอย่างนั้นอย่างนี้
คำพูดพวกนี้ขนาดผู้หญิงยังไม่อยากฟัง แล้วนับประสาอะไรที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะต่อต้าน ยิ่งพูดแบบนั้นเขาจะยิ่งรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก
เรื่องมีลูกคนที่สองเสี่ยวเชี่ยนเสนอความคิดว่าไม่ปฏิเสธแต่กลับยังไม่ให้มี คือให้ยืดเวลาออกไปก่อน รอเรื่องการเงินพร้อมกับจู้จื่อมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ หลังจากที่พี่สะใภ้ชินกับบทบาทแม่แล้วค่อยปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อนาคตคนเราเปลี่ยนไปทุกวัน ยังไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้
หลังจากการรักษาหลายครั้งผ่านไป พี่สะใภ้ดูมีความมั่นใจเรื่องลูกกับอนาคตอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนบอกว่าการที่ช่วงแรกเธอไม่ชอบเด็กเป็นท่าทีที่ปกติมาก เธอกลับพบว่าอันที่จริงเธอก็รักลูกมาก ส่วนเรื่องค่าผ่าตัดของลูก ยังไม่ทันที่เสี่ยวเชี่ยนจะหาวิธีให้ เจี่ยซิ่วฟางก็ชิงลงมือก่อนแล้ว
พรุ่งนี้จู้จื่อกลับ เจี่ยซิ่วฟางเข้าไปปรึกษาเรื่องนี้ในห้องเสี่ยวเชี่ยน
“เชี่ยนเอ๋อ จู้จื่อมาหาพวกเราทั้งที เราจะปล่อยให้เขากลับบ้านมือเปล่าคงไม่เหมาะ เขาเอาของมาให้เราตั้งเยอะแยะ แม่เลยคิดว่าลูกเขาจะผ่าตัดแต่ไม่มีเงินใช่ไหมล่ะ ไม่งั้นแม่ออกให้ก่อนดีไหม?”
เจี่ยซิ่วฟางค้าเศษวัสดุก่อสร้างเก่าได้เงินมาไม่น้อย อีกทั้งยังมีบ้านในเมืองที่ปล่อยเช่า เงินค่าผ่าตัดแค่นี้เล็กน้อย
เสี่ยวเชี่ยนไม่แปลกใจกับความเป็นแม่พระของแม่ตัวเอง เดาไว้ก่อนแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
“ถ้าครั้งนี้แม่ให้ยืม ต่อไปถ้ามีญาติคนอื่นมาขอยืมถึงบ้านบ้างแม่จะทำไง?”
เรื่องนี้คล้ายทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก พอคนหนึ่งได้ประโยชน์ คนอื่นๆก็จะเฮกันมา ให้ยืมแล้วไม่ได้คืน ไม่ให้ยืมก็ถูกหาว่าใจดำไม่มีความเมตตา โดยเฉพาะคนขี้ใจอ่อนอย่างแม่เธอที่หลงเชื่อเรื่องพวกนี้ได้ง่ายๆ
โชคดีที่เสี่ยวเชี่ยนรู้อยู่แล้วว่าแม่ตัวเองเป็นพวกขี้สงสาร จึงพูดเตือนสร้างภูมิคุ้มกันเอาไว้ก่อน สองแม่ลูกเคยสัญญากันไว้ ถ้าเจี่ยซิ่วฟางจะใช้เงินจำนวนมากให้มาปรึกษาเธอก่อน นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ใช้เฉพาะกับเจี่ยซิ่วฟางที่มีนิสัยชอบพึ่งพาคนอื่น ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนจำเป็นต้องยุ่งเรื่องนี้ ขัดขวางการทำตัวเป็นแม่พระของแม่เธอพร้อมทั้งจัดการจู้จื่อให้ทำตัวให้ดี!