พอกินข้าวเสร็จต้าอีก็ให้ประธานเชี่ยนไปล้างชาม ส่วนเธออยู่คุยเป็นเพื่อนสืออวี้
“ทำไมอยู่ๆก็หนีออกมาล่ะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ อยากเล่าให้ฉันฟังไหม?”
อันที่จริงเวลานี้ต้าอีควรเตรียมตัวไปอยู่บำรุงครรภ์ที่เมืองQแล้ว แต่พอได้ยินจากเสี่ยวเชี่ยนว่าดูเหมือนสืออวี้จะเกิดเรื่องเธอจึงอยู่ต่อ อีกทั้งยังสั่งพี่รองให้รีบกลับไปเลี้ยงลูกด้วย พี่รองก็แอบเซ็ง เขาหึงเสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันจบก็มีสืออวี้โผล่มาอีกแล้ว
แต่ใครใช้ให้สามคนนี้เป็นรูมเมทกันตั้งหลายปีสมัยอยู่ในมหาวิทยาลัยล่ะ ความผูกพันนี้ไม่มีอะไรมาแทนที่ได้
“บอกเธอไปเธอก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ถึงสมองจะมีความคิดที่อยากให้เธอเอ่ยปากขอยืมเงินจากเพื่อนสนิททั้งสอง แต่สืออวี้พยายามกดความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นไว้
เธอไม่อยากคุยเรื่องเงินกับเพื่อนสนิท เพราะมันอาจทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป
ก็เหมือนกับบรรดาคุณลุงคุณอาทั้งหลายที่ปกติเคยดีกับเธอ แต่มาตอนนี้แม้แต่หน้าเธอพวกเขาก็ไม่อยากเจอ
“งั้นเธอก็เล่าให้ประธานเชี่ยนฟังสิ ไม่มีปัญหาไหนที่ประธานเชี่ยนแก้ไม่ได้นะ”
“เขาน่ะเหรอ? ช่างเถอะ ฉันไม่อยากให้เขายืนอยู่บนที่สูงใช้นิ้วสั่งฉัน ในสายตาของเขาคนทั้งโลกไม่มีใครสู้เขาได้ ฉันก็เป็นแค่ลูกน้องของเขาคนนึง เป็นแค่คนโง่ๆไม่รู้อะไร ฉันมันก็เป็นแค่เครื่องมือที่ทำให้คนฉลาดอย่างเขาดูสูงส่งยิ่งกว่าเดิม”
“ฉันเป็นแบบนั้นในสายตาเธอเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว มือยังใส่ถุงมือสำหรับล้างชามอยู่
“แล้วมันไม่ใช่เหรอ? เธอแคร์ฉันจริงๆเหรอ? ถ้าเธอแคร์ฉันแล้วฉันจะโทรหาเธอไม่ติดได้ไง? ฉันติดต่อเธอได้เวลาที่ฉันต้องการไหมล่ะ? เธอเข้าใจความรู้สึกตอนฉันยืนตากฝนอยู่หน้าหมู่บ้านเธอไหมว่ามันแย่แค่ไหน?”
“สืออวี้เธอเป็นอะไรไป? ถ้าประธานเชี่ยนไม่แคร์เธอเขาจะยอมตากฝนขนาดนั้นเหรอ? เธอกำลังล้อเล่นกับพวกเราใช่ไหม? หรือเธอกำลังซ้อมบทละครอยู่?” ต้าอีไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงได้ซับซ้อนขนาดนี้ เพื่อนสนิทเธอพอเจอหน้ากลับพูดจาประชดใส่
ต้าอีอยากให้นี่เป็นเพียงการเล่นพิเรนทร์ของสืออวี้ อีกเดี๋ยวสืออวี้ก็จะกลับเป็นปกติแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็จะถามว่าเธอแสดงเก่งไหม?
แล้วประธานเชี่ยนก็จะเอาหมอนข้างไล่ฟาด ยิ้มไปด่าไป ว่างมากนักเหรอ
อยากให้เป็นอย่างนั้นจัง
แต่ประธานเชี่ยนที่สีหน้าไร้ความรู้สึกในเวลานี้กำลังถลึงตามองสืออวี้ประหนึ่งกินดินระเบิดเข้าไป บรรยากาศระหว่างสองคนนี้กำลังมาคุ
“เธอ! แล้วก็เธอ! อย่ามาแสร้งทำเป็นคนดีหน่อยเลย!” สืออวี้ชี้ต้าอี “เธอเห็นฉันกับประธานเชี่ยนทะเลาะกันเธอดีใจมากใช่ไหมล่ะ? ถ้าฉันไม่อยู่ตรงนี้พวกเธอสองคนอยากจะทำอะไรก็ได้ เวลาที่พวกเธอกินเที่ยวกันอย่างสนุกสนานเคยคิดถึงฉันบ้างไหม?”
“ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ พวกเราคิดถึงเธอมาก ประธานเชี่ยนบอกว่า—” ต้าอีรีบอธิบาย
“เขาบอกอะไรเธอก็เชื่อหมด! ในสายตาของเขาพวกเราสองคนก็เป็นแค่หมาสองตัวที่เขาเลี้ยงไว้!”
“พอได้แล้ว!” ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็ทนฟังต่อไปไม่ไหว เธอเดินเข้าไปหาสืออวี้ “ถอนคำพูดของเธอเมื่อกี้กลับไปเลยนะ!”
“ฉันไม่ถอน! ฉันพูดความจริงเธอร้อนตัวเหรอ?”
“เผียะ!” เสี่ยวเชี่ยนตบไปหนึ่งที สืออวี้เอามือจับหน้าตัวเองข้างที่ถูกตบ สายตากลับเหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เอ๊ะ…เมื่อกี้เธอพูดอะไรไป?
ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่เหมือนถูกเปิดย้อนในสมองของสืออวี้อีกรอบ เธออยากจะตบหน้าตัวเองหลายๆครั้งจริงๆ! นี่เธอเป็นอะไรกันแน่!!!
“พวกเธอสองคนเลิกทะเลาะกันเถอะ คุยกันดีๆ ค่อยๆพูด…” ต้าอีเห็นสองคนนี้เริ่มใช้กำลังก็รีบเข้าไปห้าม แค่พอเธอพรวดพราดเข้าไปก็หน้ามืดล้มลงไปกองกับพื้น รู้สึกเหมือนภาพตัด…
เสี่ยวเชี่ยนมือไวรับต้าอีได้ทัน สืออวี้ที่ถูกตบไปก็ได้สติแล้ว เธออยากจะช่วยแต่ถูกเสี่ยวเชี่ยนปัดออก
“หลบไป!”
เสี่ยวเชี่ยนพยุงต้าอีไปนั่งที่โซฟา พอต้าอีหายหน้ามืดลืมตาขึ้นมาประโยคแรกที่พูดคือ
“พวกเธออย่าทะเลาะกันเลย…”
ตอนนี้ต้าอีกำลังตั้งท้อง สุขภาพไม่เหมือนเมื่อก่อน การที่เธอเครียดจนสลบไปแบบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเพื่อนทั้งสองคนสำคัญกับเธอแค่ไหน
“เธอพักก่อน ส่วนเธอ เข้าไปรอในห้องเลย!” เสี่ยวเชี่ยนชี้หน้าสืออวี้ สืออวี้อยากร้องไห้ เธอเสียใจกับคำพูดเมื่อครู่มาก
ถึงเธอเองจะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นออกไป แต่หลังจากที่ประธานเชี่ยนตบหน้าเธอแล้ว เธอก็ได้สติมากขึ้น ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด คำพูดบั่นทอนจิตใจที่เธอพูดไปเมื่อครู่มันฝังอยู่ในสมองของเธอ เธออยากตบตัวเองเสียหลายๆที
“ฉันไปดีกว่า…” สืออวี้พยายามขยับตัวไปทางประตูด้วยความยากลำบาก เธออยากหาที่ที่ไม่มีคนแล้วร้องไห้ เธอเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเมื่อครู่ถึงได้พูดจาแบบนั้นกับประธานเชี่ยนและก็ต้าอี นั่นมันไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิด
คล้ายกับว่ามีอะไรสิงร่าง วินาทีนั้นเธอควบคุมตัวเองไม่ได้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสี่ยวเชี่ยนสั่ง แล้วชี้ไปที่ห้อง
“เข้าไปในห้อง ห้ามหนีไปไหน! เข้าไปสงบสติอารมณ์ก่อน รอเธอใจเย็นกว่านี้แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องของเธอกัน”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของสืออวี้ ตอนนี้เธอไม่ได้โกรธสืออวี้ แต่เป็นห่วงว่าสภาพจิตใจของเพื่อนอาจจะผิดปกติ ในสถานการณ์แบบนี้เธอไม่สามารถปล่อยสืออวี้ออกไปตามลำพังได้
“ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่” สืออวี้ไม่อยากพูดจาแบบนั้นอีกแล้วจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นอีกเธอคงอยากฆ่าตัวเองให้ตาย
“คำพูดของจอมเผด็จการอย่างฉันใช้กับเธอไม่ได้ผลเหรอ?”
“ประธานเชี่ยน…”
“เข้าไป!”
สืออวี้ไม่พูดอะไรอีก เดินเข้าห้องปิดประตูนอนลงบนเตียง เธอรู้สึกหนักหัวมาก หลับตาสักพักก็ผล็อยหลับไป
ในสมองที่ว่างเปล่าคล้ายกับมีคำพูดเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา เธอมันเป็นคนนอก คนนอก คน…
“ทำไมสืออวี้ดูแปลกๆแบบนั้น?” ต้าอีนอนเอนบนโซฟาสักพักก็ดีขึ้น เสี่ยวเชี่ยนรินน้ำอุ่นให้เธอแล้วนั่งข้างเธอพลางครุ่นคิด
“ฉันให้พี่ใหญ่ไปสืบแล้ว”
สืออวี้อยู่กับเธอและต้าอีมาสี่ปี เรียกได้ว่าพวกเธอสามคนตัวแทบจะติดกัน เสี่ยวเชี่ยนจึงรู้จักนิสัยของสืออวี้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สืออวี้ก็ไม่น่าพูดจาแบบนั้นใส่เธอ
เสี่ยวเชี่ยนคิดทบทวน เธอคงยังไม่ถึงกับมองเพื่อนที่นอนร่วมห้องกันมาตั้งหลายปีไม่ออก นิสัยของสืออวี้เธอรู้ดีกว่าใคร
แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนกันแน่…
ตามสัญชาตญาณของเสี่ยวเชี่ยนเธอคิดว่าสภาพจิตใจอาจผิดปกติไปหลังจากที่เกิดเรื่องรุนแรงอย่างกะทันหัน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน อาการของสืออวี้ในเวลานี้ก็ดูไม่เข้ากันทั้งนั้น
พี่ใหญ่กำลังตามสืบให้อยู่ ต้าอีมองประตูที่ปิดสนิท แล้วมองประธานเชี่ยนที่ทำท่าคิดหนัก เธออยากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไว้
“เธอกลับไปก่อนเถอะ อารมณ์สืออวี้แปรปรวน ฉันกลัวจะส่งผลไม่ดีกับเธอ”
ตอนนี้ต้าอีอยู่ในช่วงแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ สถานการณ์ไม่ปกติ อารมณ์ไม่มั่นคงอาจเกิดเรื่องขึ้นได้ง่าย เสี่ยวเชี่ยนไม่อยากเห็นต้าอีเป็นลมไปแบบเมื่อกี้อีก
“แต่พวกเธอสองคน…ฉันไม่วางใจนะ!” ต้าอีนึกถึงเหตุการณ์ตึงเครียดเมื่อครู่แล้วก็ปวดใจ
มิตรภาพที่มีมาหลายปี สถานการณ์เมื่อครู่สร้างความสะเทือนใจมาก ต้าอีจึงกลัวว่าประธานเชี่ยนที่ไม่ยอมคนกับสืออวี้ที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ๆนิสัยก็เปลี่ยนไปจะทะเลาะกันขึ้นมา มันเป็นสิ่งที่เธอไม่อยากเห็น