เสี่ยวเชี่ยนพูดกับคนลึกลับที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ส่วนผู้ชายที่ถูกฉิวฉิวกับหลิวเหมยข่มไว้ส่ายหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย ปากที่ถูกอุดด้วยผ้าขี้ริ้วส่งเสียงอู้อี้ไม่หยุด
บอส! อย่าไปเชื่อนะ! ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย! ยัยบ้านี่มันกำลังทำให้เราแตกกัน อย่าไปหลงกลนะบอส!
แผนยุยงของเสี่ยวเชี่ยนทำได้สวยงามทีเดียว
“หึหึ ฉันประเมินแกต่ำไปสินะ” ปลายสายแสยะยิ้ม
“ก่อนหน้านี้ที่งานแข่ง ก็แกสินะที่บงการให้น้องชายอาจารย์ที่ปรึกษาสมัยมัธยมปลายของฉันมาเล่นงานฉัน? กล้ามากเนอะ”
อันที่จริงผู้ชายคนนี้ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับเดาเรื่องได้
คดีคราวก่อนยังไม่จบ เพราะน้องชายของอาจารย์หนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว เสี่ยวเชี่ยนกำลังกลุ้มอยู่ว่าจะตามหาตัวคนที่เล่นงานเธอยังไง แต่ตอนนี้ตัวการโผล่ออกมาแล้ว
“แกเล่นงานฉันคืนแล้วไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ไปถามเขาสิ หึหึ แกมันขี้โกหกคิดจะทำอะไรฉันงั้นเหรอ? คนของฉันไม่มีทางหักหลังฉันแน่นอน พวกแกจับเขาได้แล้วไงล่ะ สุดท้ายเขาก็เป็นแค่คนที่ไปคุยกับตระกูลสือเรื่องขอซื้อกิจการ ผิดกฎหมายตรงไหน? แกทำร้ายเขาต่างหากที่ผิดกฎหมาย!”
“ซื้อกิจการ? หึหึ แกคิดว่าฉันกับสืออวี้โง่มากเหรอ? ตอนนี้สถานการณ์ทางบ้านเขาเป็นแบบนั้นเป็นไปได้ไงที่จะมีคนมาซื้อกิจการ? ลูกน้องเฮงซวยที่แกส่งมาในกระเป๋าไม่ได้มีเอกสารค้ำประกันอะไรหรอก นั่นมันกระเป๋าเปล่า แกมันก็แค่อยากหลอกใช้สืออวี้เพื่อเอาสมุดบันทึกของฉัน”
“หึหึ! แกนี่มันฉลาดเหลือเกินนะ! แกเดาได้แล้วไงล่ะ? ลำพังแค่หลักฐานที่พวกแกมีฟ้องฉันไม่ได้หรอก!ตัวเขาเป็นคนทำ แล้วเกี่ยวอะไรกับฉัน? อีกอย่างเขาก็แค่ไปขอซื้อสมุดบันทึก ผิดกฎหมายตรงไหน? หรือสมุดบันทึกของแกมันมีอะไรที่คนอื่นรู้ไม่ได้? ยัยเด็กที่ชอบคิดไปเอง แกไม่มีทางหาฉันเจอหรอก ฮ่าๆๆ!”
สายตัดไป เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตามอง
คนที่อยู่เบื้องหลังนี่พูดถูก เธอถามไม่ได้ความ ถึงผู้ชายคนนี้จะไม่มีฝีมือในการทำงานเท่าไรเลยถูกเธอกับสืออวี้ร่วมมือกันหลอก แต่ปากก็ปิดสนิทมาก ถ้าไม่ใช่คนที่จงรักภักดีจนตาย งั้นก็มีความเป็นไปได้อีกแค่อย่างเดียว
ผู้ชายคนนี้น่าจะมีจุดอ่อนอะไรที่อยู่ในกำมือของคนที่อยู่เบื้องหลัง หากเขาทรยศ ครอบครัวของเขาหรือสิ่งที่เขาแคร์ก็จะถูกเล่นงาน
ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…ประธานเชี่ยนครุ่นคิด เธอมีวิธีทำให้คนผิดยอมรับโทษ คนเป็นไม่มีทางยอมอั้นฉี่จนตายแน่นอน
ตอนคุยโทรศัพท์น้ำเสียงคนบงการไม่ได้ฟังดูสบายๆเท่าไร ในความเป็นจริง ท่าทีที่เขาแสดงให้เสี่ยวเชี่ยนเห็นว่าไม่แคร์ แกล้งทำทั้งนั้น
พอวางสายก็ร้อนใจมาก รีบโทรหามู่ฮวาหลีที่ดูตามมาดูเหตุการณ์จนพอใจแล้วกำลังจะกลับ
“หมอมู่!”
“Hi! สบายดีไหมครับ อดีตลูกค้าของผม!”
“หมอมู่ ดูท่าคุณก็เก่งไม่จริงนะ รับเงินผมไปแล้วทำไมถึงทำงานได้แย่แบบนี้?”
“แย่?” มู่ฮวาหลีแสยะยิ้ม “การสะกดจิตของผมเพอร์เฟคไร้ที่ติ”
“เพอร์เฟค?!” เสียงสูงที่ดังลอดมา ฟังดูก็รู้ว่าโมโห
“คนของผมถูกจับแล้ว! การสะกดจิตของคุณมันไม่ได้ผลอะไรเลย! คุณสะกดจิตสืออวี้ไม่สำเร็จ มันยังอยู่ฝั่งเดียวกับเฉินเสี่ยวเชี่ยน!”
ยังแอบคิดว่าครั้งนี้คงจับจุดอ่อนของเฉินเสี่ยวเชี่ยนได้แน่ แต่ใครจะไปคิดว่าจะถูกเล่นงานกลับ?
สะกดจิตบ้าบออะไร มันไม่ได้ผลเลยสักนิด!
“เขาไปอยู่ฝั่งนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม คนของคุณโง่เอง”
“อย่ามาแถ! เห็นๆอยู่ว่าคุณสะกดจิตไม่ได้ผล ตอนนี้คนของผมถูกจับ ต้องทำไง?”
“เงินเข้ากระเป๋าผมแล้วไม่มีการคืนแน่นอน เห็นแก่ที่คุณทำธุรกิจใหญ่กับผม ผมจะบริการหลังการขายอธิบายให้ฟังก็แล้วกัน การสะกดจิตของผมไม่ได้มีปัญหา ผมสะกดจิตสืออวี้สำเร็จแล้ว”
ตอนสืออวี้สลบ เขาฉวยโอกาสตอนสืออวี้อยู่โรงพยาบาลทำการสะกดจิตเข้าไปล้างสมองในจิตใต้สำนึกของเธอ เอาความคิดที่ไม่ใช่ของตัวเธอเองกรอกใส่เข้าไป ดังนั้นสืออวี้ถึงได้มีอาการผิดปกติแสดงออกมา
อย่างเช่นอิจฉาต้าอีกับเสี่ยวเชี่ยน พยายามทำลายมิตรภาพ
นี่ไม่ใช่การกระทำที่สืออวี้รู้ตัว เธอถูกครอบงำ
ในทางทฤษฎี การอิจฉาริษยาระหว่างผู้หญิงด้วยกันเป็นเรื่องปกติที่ย่อมมีกันอยู่แล้ว ขอแค่ในจิตใต้สำนึกของสืออวี้มีความอิจฉาเสี่ยวเชี่ยนเพียงน้อยนิดหรือความไม่ซื่อสัตย์ต่อมิตรภาพ ต่อให้เป็นเพียงเสี้ยวเดียวก็จะถูกนำมาขยายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
แต่ใครใช้ให้ตาแก่นี่ดวงซวยเอง มาเจอกับประธานเชี่ยนผู้เก่งกาจ?
ตอนที่ประธานเชี่ยนบำบัดจิตใจให้สืออวี้ ต่อให้ไม่รู้ว่าสืออวี้ถูกสะกดจิต แต่เธอกลับใช้สัญชาตญาณตัวเองเลือกใช้วิธีรักษาได้ตรงพอดี จึงดึงสืออวี้กลับมาได้
บวกกับสืออวี้เดิมก็เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์อยู่แล้ว ดังนั้นวิธีนี้ย่อมไม่ได้ผล
“ภายใต้การสะกดจิตล้างสมองของผม สามารถทำให้จิตใต้สำนึกมีพลังมากถึงสามหมื่นเท่าในการต่อสู้กับจิตรู้สำนึก แต่ผมก็เคยบอกคุณไปแล้วนะว่า การล้างสมองจิตใต้สำนึกย่อมสู้ความรู้สึกนึกคิดเดิมที่มีอยู่ในจิตใต้สำนึกไม่ได้ เห็นได้ชัดแล้วว่าในจิตใต้สำนึกของสืออวี้ เพื่อนสำคัญกว่าทุกสิ่ง คนแบบนี้พบเจอได้น้อยมาก เพราะถึงอย่างไรการอิจฉาริษยาและความรู้สึกในแง่ลบก็เป็นสัญชาตญาณที่มีอยู่ในตัวทุกคนอยู่แล้ว มากน้อยแตกต่างกันไป แต่คุณก็ซวยเหลือเกิน ดันไปเจอกับผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนเข้า”
ฮวาหลีรู้สึกพอใจในการเรียบเรียงคำพูดของตัวเองมาก ผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยน จึ๊ๆ คำๆนี้ใช้บรรยายพวกคนที่อยู่รอบตัวเสี่ยวเชี่ยนได้ดี ดูคนพวกนั้นที่รุมทำร้ายสิ แบบนี้ไม่เรียกผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนได้เหรอ?
จะวงการไหนก็เหมือนกัน สิ่งที่คนสร้างจะไปสู้ธรรมชาติสร้างได้อย่างไร?
“ตระกูลสือเป็นแบบนั้นแล้ว สืออวี้ยังมีอารมณ์คิดเรื่องพวกนี้อีกเหรอ? คุณหนูแห่งตระกูลสือทำไมไร้เดียงสาได้ขนาดนี้?” ในสายตาของคนบงการ ไม่มีอะไรสู้ผลประโยชน์ของครอบครัวได้ เขาเองก็จินตนาการไม่ออกว่าเด็กที่โตมาในตระกูลร่ำรวยจะมีมิตรภาพด้วย
“จิตใจแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าทุกคนมีความคิดเหมือนกัน แล้วจะมีหมอประสาทแบบผมไปทำไม? คุณไปซื้อหวยเถอะ เรื่องที่มีโอกาสเจอได้ยากแบบนี้คุณยังได้เจอเลย รับรองรวยแน่!”
รวยกับผีสิ เขาจะกระอักเลือดอยู่แล้ว!
คนบงการยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่แผนการที่ตัวเองคิดมาอย่างรอบคอบจะถูกมิตรภาพที่ ‘ไร้เดียงสา’ของเด็กผู้หญิงไม่กี่คนทำลายลงได้ แต่มู่ฮวาหลีก็ไม่ให้โอกาสเขาได้พูดอีก ตัดสายทิ้งทันที เขาหยิบกล้องส่องทางไกลมองเข้าไปในร้านกาแฟ ผู้เลื่อมใสในลัทธิเชี่ยนยังคงสอบสวนผู้ชายคนนั้นอยู่ ดูเหมือนจะเค้นเอาความให้ได้
เขามองดูเหตุการณ์ถึงตรงนี้ ดูเหมือนจะหมดเรื่องแล้ว แต่มู่ฮวาหลีก็ยังไม่อยากยอมลงจากเวทีการแสดงเท่าไร เขาสงสัยมากว่าเสี่ยวเชี่ยนทำลายการสะกดจิตที่สมบูรณ์แบบของเขาได้ยังไง
ครั้นแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนกำลังมองหลิวเหมยเอาไม้ปัดขนไก่แหย่ผู้ชายคนนั้นให้จั๊กจี้ ฉิวฉิวถอดรองเท้ากับถุงเท้าของผู้ชายคนนั้นออกแล้วใช้ขนไก่ปัดใต้เท้า ผู้ชายคนนั้นหัวเราะด้วยความทรมานขั้นสุด แต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้เพราะถูกมัดไว้แน่นหนา ทำได้แค่ยอมรับการทรมานอันโหดร้าย
“จะยอมไหม? ไม่ยอมได้โดนหนักกว่านี้แน่!” หลิวเหมยถาม
“ฮัลโหล?” เสี่ยวเชี่ยนรับสายเบอร์แปลก
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มนวลของผู้ชายลอดมาตามสาย
“คุณคือ?”
“ผมเป็นนักสะกดจิต คือแบบนี้นะครับ ตอนที่คุณสืออวี้เพื่อนของคุณอยู่โรงพยาบาลผมเคยสะกดจิตแบบเบาๆให้เขา”