ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไปคงเถียงกลับ จากนั้นสามีภรรยาก็จะเริ่มทะเลาะกันขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเฉียงไม่ใช่ผู้ชายทั่วไป เขาเดินเข้านั่งข้างเสี่ยวเชี่ยน
แก๊งค์ไพ่หยุดเล่นพร้อมเงี่ยหูฟังโดยไม่ได้นัดหมาย หลิวเหมยแอบขโมยไพ่ด้วย…
ต่างรอชมว่าสุภาพบุรุษอย่างอวี๋เสี่ยวเฉียงจะรับมือกับเมียที่พาลโดยไร้สาเหตุอย่างไร
“ถูกต้อง ผมกลับมาช้า เมื่อวานผมยังหึงโดยไม่ดูสถานการณ์ด้วย เมียจ๋าผมผิดไปแล้ว หักเงินค่าขนมผมก็ได้ ผมไม่ดีเอง มื้อเย็นผมเลี้ยงเอง กลับมาผมก็จะถูพื้น เสื้อผ้าคุณผมก็จะซักให้ โอเคไหมจ๊ะ?”
แย่งเอาบทพูดของเสี่ยวเชี่ยนไปหมด ทำให้เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้จะพูดอะไร สุดยอด! เสี่ยวเฉียงแอบยกนิ้วโป้งให้ตัวเอง
ป้าบ!
เหมือนมีบางอย่างกระแทกกับโต๊ะ ฉิวฉิวฟุบหน้าลงบนโต๊ะ กุมท้องด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
“โอ่ย! พี่ชาย แบบนี้ไม่ได้นะ พวกเรานั่งกันอยู่ตรงนี้ อย่างน้อยๆก็ต้องรักษาภาพลักษณ์กันหน่อยสิ!”
ก็นึกว่าจะมีทีเด็ดอะไร เข้าไปยอมรับผิดง่ายๆแบบนี้หมายความว่าไง? ยอมแพ้ยกธงขาวยอมเสียทุกอย่าง แทบจะถวายชีวิต เป็นถึงลูกผู้ชายที่แสนองอาจ แสดงออกว่ากลัวเมียต่อหน้าคนเยอะแยะแบบนี้ได้ยังไง!
“เมียฉันอารมณ์ไม่ดี ภาพลักษณ์กินได้เหรอ? ไม่เป็นไร เมียจ๋าว่ามาเลยอะไรที่จะทำให้เมียหายหงุดหงิดได้ ถ้ายังไม่หายเดี๋ยวผมจะอัดเจ้าพวกนี้ระบายอารมณ์ให้เอง ไม่มีปัญหา!”
“แย่ละ พี่ชายฉัน” หลิวเหมยร้องออกมา จะเอาใจเมียก็เอาใจไปสิ ทำไมต้องลากคนอื่นไปซวยด้วย! คนรักเมียหนอคนรักเมีย ไม่เคยเจอใครเป็นขนาดนี้เลยจริงๆ!
“ฉันดูออกแล้ว ในสายตาของเขาคนอื่นแย่หมดยกเว้นประธานเชี่ยนคนเดียว!” สมกับเป็นนักข่าว คำวิจารณ์ของไป๋จิ่นมีระดับทีเดียว
“เอาล่ะ พวกนายเล่นรับส่งมุกกันแบบนี้เห็นฉันเป็นอะไร? ฉันเป็นผู้หญิงที่ไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอไง?” ไฟโกรธในใจของเสี่ยวเชี่ยนเบาบางลงไปบ้างแล้ว เธอโบกมือ “ไปเตรียมตัวออกไปกินข้าวกันได้แล้ว”
ทุกคนรู้สึกนับถือเสี่ยวเฉียงขึ้นมาทันที ที่แท้การแกล้งโง่ของนายเสี่ยวเฉียงไม่ได้โง่เลยสักนิด นี่มันฉลาดชัดๆ พอออกโรงก็สยบเสี่ยวเชี่ยนที่อารมณ์เสียมาตลอดบ่ายได้ เทพ!
มิน่าประธานเชี่ยนถึงไม่เลือกใครมาเลือกเขา แสดงว่าเขาย่อมมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น
“อันที่จริงพี่ฉันต่างหากที่เป็นจิตแพทย์ที่เก่งที่สุด รักษาโรคหัวใจของพี่สะใภ้โดยเฉพาะ!” หลิวเหมยพูดตามความเป็นจริง
ไม่มีใครกล้านั่งรถประธานเชี่ยน ประธานเชี่ยนปั้นหน้าบึ้งมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ไม่มีใครเก่งเท่าอวี๋หมิงหลางที่สามารถเอาประธานเชี่ยนที่กำลังโมโหอยู่หมัด ดังนั้นอีกสามคนจึงไปรถสืออวี้ เสี่ยวเชี่ยนไปกับเสี่ยวเฉียง
“เมียจ๋า คุณจับคนมาจัดการได้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังดูหงุดหงิดอยู่ล่ะ?” อวี๋หมิงได้ฟังข่าวจากพี่ใหญ่ตั้งแต่อยู่ที่ทำงานแล้ว ครั้งนี้เมียเขาทำได้เจ๋งมาก
บนรถไม่มีคนอื่น ในที่สุดเสี่ยวเฉียงก็เก็บสีหน้าทะเล้นแล้วถามอย่างจริงจัง
เสี่ยวเฉียงรู้สึกเสียดายที่ตัวเองไม่ได้ดูภาพสด มันต้องสนุกมากแน่ๆ
แต่เมื่อได้ฟังเรื่องนี้เขาก็ทั้งรู้สึกเหนือความคาดหมายไปหน่อยและก็รู้สึกไม่ได้น่าแปลกใจอะไร เหนือความคาดหมายที่เมียของเขากับสืออวี้จะร่วมมือกันใช้วิธีนี้ ถึงเมื่อวานเขาจะพอเดาได้บ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกมาในรูปแบบนี้ ส่วนที่ว่าไม่แปลกใจคือ เขามั่นใจในสติปัญญาของเสี่ยวเชี่ยน เธอเป็นผู้หญิงที่ใจเย็น แผนสูง ร้ายกาจที่สุดตั้งแต่เขาเคยเจอมา
เสี่ยวเฉียงคิดไว้ว่าเรื่องแก้แค้นต่อจากนี้ไว้เป็นหน้าที่พี่ใหญ่ก็พอ อย่างไรเสียคนบงการคนนั้นก็คิดแค้นครอบครัวฝ่ายหญิงอยู่แล้ว ถ้าพี่ใหญ่เข้าไปสมทบอีกช้าเร็วก็จัดการได้
ปัญหาก็เรียบร้อยแล้ว ทำไมเมียเขายังหงุดหงิดอยู่ล่ะ?
“ดูออกด้วยเหรอว่าฉันโมโห?”
“คนบ้ายังดูออกเลย ดูตัวเองสิ หน้าบึ้งขนาดนี้แขกหนีกันไปหมดแล้ว” เสี่ยวเฉียงจงใจทำตัวทะเล้นตอนอยู่ในบ้าน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่แคร์
เมียเขาถือเป็นจุดศูนย์กลางของแก๊งค์ แค่สภาพอารมณ์เธอเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คนรอบตัวก็จะระมัดระวังกันเต็มที่
“ฉันไม่ได้โมโหพวกนาย ฉันก็แค่—” เสี่ยวเชี่ยนถอนหายใจ ทันใดนั้นก็หันไปถามเขาอย่างจริงจัง “เสี่ยวเฉียง นายคิดว่าฉันเป็นไง?”
“เก่งจะตาย สวย ฉลาด อึด” เสี่ยวเฉียงตอบ
เสี่ยวเชี่ยนมุมปากกระตุก “ฉันจริงจังอยู่นะ นายอย่าเพิ่งมาเล่นตอนนี้ได้ไหม?”
อึดบ้าบออะไร!
“ก็เป็นอย่างที่บอกไง มีประโยคไหนบ้างที่เล่น? เมียผมทำงานทั้งเก่งทั้งอึด ไม่อย่างนั้นจะมีคนมารอคิวให้รักษายาวเหยียดเหรอ? จึ๊ๆ สาวน้อยดูทำหน้าเข้า คงไม่ได้คิดไปทางอื่นหรอกนะ?”
“ไปไกลๆเลย!” เสี่ยวเชี่ยนคิดไปทางอื่นจริงๆ
“อ่อ คุณไม่ได้คิดไปทางอื่น ผมพูดจริงนะ เมียผมไม่ใช่แค่ทำงานอึด เรื่องอื่นก็อึดด้วย!”
“นายก็อึด! อึดกันทั้งบ้านนายเลย!” เสี่ยวเชี่ยนหงุดหงิดมาตลอดช่วงบ่าย สมองเลยตามไม่ทัน พออวี๋หมิงหลางพูดแบบนี้เธอก็คล้อยตามไปด้วย
“คนอื่นๆในบ้านเราเป็นไงผมไม่รู้ แต่ผมน่ะอึดจริง”
“…” เสี่ยวเชี่ยนพูดไม่ออก ทำไมเธอถึงได้หาผู้ชายที่หน้าหนาอันดับหนึ่งในจักรวาลให้ตัวเองนะ?
“หายโมโหยัง?”
เสี่ยวเชี่ยนมองเขาอย่างหมดแรง เกิดความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันทั้งโมโหทั้งขำ
“เอาล่ะ มันเรื่องอะไรกันไหนเล่ามา อย่ามัวแต่เก็บเอาไว้คนเดียว เดิมก็ใกล้ถึงช่วงประจำเดือนจะมาสภาพอารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่ระบายออกมาอีกเดี๋ยวหลอดเลือดระเบิดนะ ฮ่าๆ!”
“ฉันอยากจะถีบนายออกไปจริงๆ” นี่ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่ เสี่ยวเชี่ยนคงใช้ความรุนแรงกับเขาไปแล้ว
“ทำไมอยู่ๆก็เกิดสงสัยในความสามารถของตัวเองล่ะ ไปเจอคนเก่งกว่ามาเหรอ?” เสี่ยวเฉียงจอดรถหน้าร้านอาหาร ยังไม่รีบลงจากรถ แต่หันไปถามเธอ
นี่สิถึงจะเป็นช่วงเวลาสำคัญ
เมียเขาไม่ใช่คนที่หงุดหงิดง่าย ปกติเขาก็ไม่ค่อยเห็นเธอโมโหเท่าไร การที่เธอปั้นหน้าบึ้งขนาดนี้ ก็แสดงว่ามีเรื่องในใจ เมื่อกี้ที่เสี่ยวเชี่ยนถามถึงตัวเอง เสี่ยวเฉียงก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นเรื่องงาน
เขาจงใจพูดเรื่องไร้สาระให้เธอโมโหบ้างขำบ้าง จากนั้นก็ให้เวลาเธอได้ปรับอารมณ์ ไม่ให้เธอเก็บปัญหามาคิดนาน ตอนนี้เขารู้สึกว่าเธอใจเย็นลงมากแล้ว เวลานี้หรอกถึงจะเข้าเรื่องของแท้
“มีคนสะกดจิตสืออวี้ที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันแต่ฉันกลับดูไม่ออก!” ยิ่งเป็นคนฝีมือเก่งๆก็ยิ่งเกิดความรู้สึกในแง่ลบ ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นเจ้ายุทธภพ พอเจอคนตบหน้าเข้าอย่างจังแบบนี้ก็ย่อมโมโหมากเป็นธรรมดา
“สะกดจิตเหรอ?”
“คือเหตุการณ์เป็นแบบนี้..”
เสี่ยวเชี่ยนเล่าเรื่องทั้งหมดให้อวี๋หมิงหลางฟัง
“อวดดีไม่เบา โทรศัพท์ของเขาคุณเก็บมาด้วยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวกลับไปผมเอานิ้วมือไปตรวจสอบ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินผมก็จะลากคอมันมาอัดให้ได้”
มิน่าล่ะเมียเขาถึงได้โมโหเหมือนถูกแมวเหยียบหาง ถูกคนวงการเดียวกันตบหน้าด้วยวิธีแบบนี้นี่เอง เสี่ยวเชี่ยนภูมิใจในตัวเองขนาดนั้นไม่แปลกหรอกที่จะทนไม่ไหว
“อัดเหรอ? ไม่สิ ถ้าฉันเจอหมอนั่นนะ ฉันจะฉีกให้เป็นชิ้นๆเลย”
“มีแรงขนาดนั้นเลย…?” โมโหจนเลอะเลือน?
“ฉันจะใช้วิชาของฉันฉีกร่าง เอาให้แยกเป็นแปดส่วน!”
ประเด็นคือ เธอต้องหาตัวหมอนั่นให้เจอก่อน