“หรือเขาอยากจะบอกคุณว่า มู่ฮวาหลีใกล้จะซวยแล้ว หรือไม่ก็มู่ฮวาหลีกำลังซวยอยู่?” อวี๋หมิงหลางพยายามวิเคราะห์ เขารู้ว่าแมวหลีฮวาตัวนี้ทำให้เมียเขาหงุดหงิดใจมากขนาดไหน มีครั้งหนึ่งเสี่ยวเชี่ยนนอนละเมออยากจะฉีกเนื้อมู่ฮวาหลีให้เป็นชิ้นๆ
ไม่เพียงเท่านั้น เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่รู้ตัวว่า ตอนนี้ตัวเองพาลไปถึงแมวในชีวิตจริง เวลาที่เธอเลี้ยงแมวจรจัด พอเธอเห็นแมวหลีฮวาก็แทบจะไม่แยแส เอาเนื้อปลาโยนให้แมวตัวอื่น ส่วนหัวก็โยนให้แมวหลีฮวากิน
เสี่ยวเฉียงมองเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตา รายละเอียดต่างๆสามารถสะท้อนอารมณ์ภายในใจของคนๆหนึ่งออกมาได้ดีที่สุด
ทันใดนั้นดวงตาของเสี่ยวเชี่ยนก็เป็นประกาย เธอเข้าใจแล้ว
“เสี่ยวเฉียง เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ…?!”
“มู่ฮวาหลีซวย?”
“ไม่ใช่ประโยคนี้! มู่ฮวาหลีกลัวหมาต่างหาก! ฮ่าๆๆ! ทางที่ดีหมอนี่อย่าเข้ามาในอาณาเขตของฉันจะดีกว่า ถ้าเข้ามาฉันจะปล่อยหมาไปกัด!”
ใช่ ภาพวาดที่แสนไร้เดียงสาภาพนี้มันหมายความแบบนี้นี่แหละ! ถึงแม้เสี่ยวเชี่ยนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเข้าใจได้ยังไง แต่พอมองภาพนี้ก็รู้สึกคุ้นเคย รู้สึกว่าภาพนี้เป็นเรื่องของมู่ฮวาหลีกลัวหมา!
พออวี๋หมิงหลางได้ยินเธอพูดเรื่องหมา ก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาทันที “เมียจ๋า ชอบหมาไหม? เลี้ยงหมาปลดประจำการสักตัวไหม?”
“ไม่เอา! บ้านเรานอกจากฉัน นาย รวมถึงลูกเราในอนาคต ห้ามมีสัตว์ที่มีขนชนิดใดๆอีกทั้งสิ้น!” ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะกำลังดีใจก็ยังไม่ลืมหลักการของตัวเอง
“อ่อ…” อวี๋หมิงหลางไม่พูดอะไรอีก
“มู่ฮวาหลีตัวดี ฉันได้รู้จุดอ่อนของนายแล้ว วะฮะฮ่า~” เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะอย่างสะใจ
“ก็แค่ได้รู้ว่าเขากลัวหมาไม่ใช่เหรอ ต้องดีใจขนาดนี้เลย?” เสี่ยวเฉียงไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวเชี่ยนถึงได้สะใจขนาดนี้
“นายจะไปเข้าใจอะไร! ในวงการของฉันห้ามให้คนอื่นรู้จุดอ่อนของตัวเองเป็นอันขาด อย่างเช่น ฉันห้ามให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำติดการล้างมือ ไม่อย่างนั้นผู้ป่วยอาจใช้เรื่องนี้ทำฉันเสียสมาธิได้ในระหว่างการรักษา แบบนั้นไม่เท่ากับฉันทำลายชื่อเสียงตัวเองเหรอ? หลักการเดียวกัน!”
เสี่ยวเชี่ยนเหมือนได้เห็นภาพแมวหลีฮวาถูกหมาที่เธอปล่อยไปเห่าใส่ สะใจจริงๆ!
“เอาล่ะเมียจ๋า เรายังไม่รู้เลยว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน ตอนนี้ต้องไปกินข้าวแล้ว พี่ใหญ่รอพวกเราอยู่นะ”
“ใช่ กินข้าว รีบกินข้าว กินเสร็จฉันจะได้ทำงาน! ที่รักจ๊ะ จองตั๋วไปเมืองxอีกห้าวันหลังจากนี้ให้หนึ่งใบหน่อยสิ!”
“ไปที่นั่นทำไม?”
“แก้แค้น! แค้นนี้ต้องชำระ ในเมื่อฉันรู้เทคนิคการสะกดจิตแบบแทรกซึมแล้ว งั้นก็ต้องไปตามหาตาแก่หวางไห่ฉวินที่สั่งให้แมวหลีฮวามาหลอกสืออวี้ แล้วก็ตามหาเจ้าหมอนั่นด้วย ทางที่ดีหนีให้ตลอดรอดฝั่ง ไม่อย่างนั้นถ้าฉันเจอฉันจะส่งนายไปกัดไม่ปล่อยแน่!”
เพอร์เฟค!
อวี๋หมิงหลางยิ้มตาหยีพลางฟังเธอ เมียของเขานี่ยังคงสวยเสมอเวลาจ้องเล่นงานคนอื่น ช่วงหลายวันนี้ที่เธอร้อนใจเขาก็ร้อนใจตาม ดูท่าหนังสือหนังแกะเล่มนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้เธอได้ไม่น้อย เมียของเขาคงได้ความรู้ใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว
ไม่สิ เดี๋ยวนะ!
อวี๋หมิงหลางรู้สึกเหมือนมีบางอย่างแปลกๆ เขาลองนึกย้อนคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน—-
“เมียจ๋า! พูดให้ชัดเจนนะ! ทำไมแมวหลีฮวามาแล้วต้องให้ผมไปกัดเขาด้วยล่ะ? นี่ อย่าเพิ่งไปนะ กลับมาก่อน มาพูดให้รู้เรื่อง!”
นี่ไม่เท่ากับหาว่าเขาเป็นหมาเหรอ?!
…
“น่าแปลกจริง พี่ไม่กินอาหารกวางตุ้งไม่ใช่เหรอ?”
ภายในร้านอาหาร อวี๋หมิงหลางถามพี่ใหญ่
พี่ใหญ่ดูผอมลงไปมาก พุงพลุ้ยๆใกล้จะหายไปแล้ว ได้ยินว่าพี่สะใภ้ใหญ่คอยจับตาดูให้เขาลดความอ้วน ดูดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
“ตอนไปคุยงานนอกสถานที่เคยกินร้านนี้ พอเห็นมาเปิดสาขาที่นี่ก็เลยอยากเลี้ยงเสี่ยวเชี่ยน” พี่ใหญ่ไม่ชอบกินอาหารรสจืดเลยแม้แต่น้อย ก็แค่ผ่านมาแล้วเห็นร้านนี้เลยอยากให้น้องชายกับน้องสะใภ้ได้ลองชิม
ร้านอาหารกวางตุ้งชั้นดีที่เปิดใหม่ร้านนี้เป็นสาขาย่อย เป็นร้านที่อยู่ในระดับค่อนข้างหรูหรา
“ไม่ชินรสชาติอาหารงั้นก็กินพวกซุปสิ” อวี๋หมิงหลางเห็นพี่ใหญ่ดูผอมลงก็รู้สึกไม่ค่อยชิน จึ๊ๆ จะกลายเป็นหนุ่มหล่อแล้วเหรอเนี่ย?
“ไม่ต้อง! พวกนายกินกันเถอะ ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกซุปของทางใต้เลยจริงๆ น้ำใสจ๋องแจ๋ง ตักเนื้อออกไปก็ไม่มีรสชาติแล้ว ต้มไก่ทั้งตัวตั้งหลายชั่วโมงไม่กินเนื้อกินแต่น้ำซุป สิ้นเปลืองจริงๆ” พี่ใหญ่ไม่ชอบกินอาหารกวางตุ้ง ซุปยิ่งแล้วใหญ่ คนทางเหนือกินซุปของคนทางใต้รู้สึกเหมือนกินน้ำล้างหม้อ
“ช่วงนี้น้ำหนักพี่ลงมากเกินไปแล้วนะ ถึงเวลาที่ต้องบำรุงดื่มซุปหน่อย พี่ใหญ่พี่ได้ตรวจสุขภาพบ้างหรือเปล่า ผอมลงไปมากขนาดนี้ไม่มีโรคอะไรเลยเหรอ?” อวี๋หมิงหลางเป็นห่วงพี่ชาย แต่ก็ปากดีไปหน่อย
“เพิ่งตรวจไป ไม่มีปัญหาอะไรเลย พี่สะใภ้ใหญ่ของพวกนายจับตาดูฉันอยู่ทุกวัน แถมยังจัดหาเทรนเนอร์ให้ฉันด้วย แล้วจะไม่ผอมได้ไง? แถมยังเป็นเทรนเนอร์ผู้หญิง…ฉันล่ะไม่เข้าใจว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกนายคิดอะไรอยู่!”
“มันก็แสดงว่าพี่สะใภ้ใหญ่เชื่อใจพี่อย่างเต็มที่ไงล่ะ ฮ่าๆ หาเทรนเนอร์ผู้หญิงให้พี่ไม่พอใจเหรอ?” เสี่ยวเฉียงสะใจเสมอเวลาที่เห็นพี่น้องของตัวเองกลุ้มใจ
“พอใจบ้าบออะไรเล่า! เคยบอกไว้นานแล้วว่าอย่าหาพวกผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาอยู่ใกล้ฉัน แต่พี่สะใภ้ใหญ่บอกว่านี่เป็นญาติเขา ให้ฉันช่วยดูแลหน่อย แถมยังบอกว่าสาวน้อยคนนั้นโตกว่าลูกชายฉันแค่ไม่กี่ปี เธอเป็นห่วงมาก เสี่ยวเชี่ยน ช่วยวิเคราะห์หน่อยสิว่าพี่สะใภ้ใหญ่มาอารมณ์ไหน? ผู้หญิงคนอื่นมีแต่ระแวงกลัวสามีจะไปมีผู้หญิงใหม่ แต่นี่พี่สะใภ้พวกเธอกลับยัดเยียดให้พี่!”
พี่ใหญ่ฟ้อง
“นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพี่สะใภ้ใหญ่เชื่อใจพี่มากไงล่ะคะ แต่ถ้าเป็นหนูนะ หนูไม่มีทางหาผู้หญิงมายัดเยียดให้เสี่ยวเฉียงแน่นอน ญาติกันก็ไม่ได้ หนูไว้ใจคนอื่น แล้วคนอื่นจะเห็นแก่ความไว้ใจที่หนูมีให้เหรอ? โดยเฉพาะผู้ชายที่โปรไฟล์ดีแบบพวกพี่ มันมักจะมีผู้หญิงที่คิดรวยทางลัดเข้ามาเสมอ อายุไม่ใช่เหตุผลที่เป็นตัวชี้วัดศีลธรรม แต่งตัวสวยหน่อย แสร้งทำเป็นมาคุยเรื่องนอกเหนือจากเรื่องงานกับพี่ ถ้าพี่เผลอหลวมตัวไปแล้วพี่สะใภ้ใหญ่รู้เข้า ผู้หญิงคนนั้นก็จะอ้างว่าตัวเองอายุยังน้อยไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้” เสี่ยวเชี่ยนจบการอธิบายแต่เพียงเท่านี้
พี่ใหญ่ครุ่นคิด คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนได้สะกิดใจเขา
กลับไปหาเรื่องจับผิดเทรนเนอร์คนนั้นแล้วไล่ออกดีกว่า เสี่ยวเชี่ยนพูดมีเหตุผล ผู้หญิงคนนั้นชวนคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานเยอะพอควร ก่อนหน้านี้เขาแค่รู้สึกว่าเทรนเนอร์คนนั้นอายุยังน้อย คงไม่ถนัดอ่านสีหน้าคน พอฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนี้เขาก็รู้สึกว่ายิ่งต้องเพิ่มความระวัง
“พี่ใหญ่ พี่อายุขนาดนี้แล้วนะ คงไม่ไปมีเล็กมีน้อยลับหลังพี่สะใภ้ใหญ่หรอกใช่ไหม?” เสี่ยวเฉียงพูดเชิงติดตลก
พี่ใหญ่ทำหน้าเซ็ง “พูดอะไรของนายน่ะ?”
“พี่ใหญ่ไม่ชอบกินซุปงั้นก็ไม่ต้องฝืน อันที่จริงคนใต้กินซุปของคนทางเหนือก็รู้สึกสะอิดสะเอียน มันก็แค่คนเหนือคนใต้กินรสชาติต่างกัน บางคนก็ชอบกินแต่รสนี้ ชอบมาหลายปี จะให้ลองสิ่งใหม่ก็ขี้เกียจ”
คำพูดนี้ลงตัวทั้งสองฝ่าย
หลังจากที่บรรลุวัตถุประสงค์ในการแจ้งเตือนพี่ใหญ่ให้ระวังตัวแล้ว เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
พี่ใหญ่อายุห่างกับอวี๋หมิงหลางหลายปี ค่อนข้างโอ๋น้องชาย ไม่ว่าน้องชายจะไปได้ดิบได้ดีแค่ไหนก็ยังรู้สึกว่าน้องยังเป็นเด็กอยู่ดี
เรื่องที่คุยระหว่างกินข้าวก็ยังคงเป็นเรื่องเกี่ยวกับไห่ฉวินกรุ๊ป
“พี่นึกไม่ถึงเลยจริงๆว่าหวางไห่ฉวินจะพุ่งเป้ามาที่เสี่ยวเชี่ยน แถมยังทำเรื่องแบบนี้” พี่ใหญ่พูดอย่างไม่สบอารมณ์