ก่อนนี้หน้านี้หวางไห่ฉวินเคยอยากให้เสี่ยวเชี่ยนช่วยออกใบรับรองแพทย์ให้ลูกชายที่เป็นเกย์ของเขา ซึ่งก็เท่ากับว่าอยากให้เสี่ยวเชี่ยนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในเรื่องที่พวกเขาจะไปหลอกผู้หญิงให้มาแต่งงานด้วย หลังจากถูกเสี่ยวเชี่ยนปฏิเสธเขาก็เก็บความแค้นไว้ในใจ บวกกับช่วงนี้ธุรกิจถูกพี่ใหญ่กับครอบครัวฝ่ายหญิงขัดขวางอยู่บ่อยครั้ง หมาที่จนตรอกก็ย่อมทำทุกวิถีทางเลยไปจ้างมู่ฮวาหลี หวังจะให้มาสะกดจิตสืออวี้แล้วทำให้เสี่ยวเชี่ยนพบเจอกับความเลวร้าย
แต่นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวเชี่ยนจะดวงดี เมื่อเผชิญกับเทคนิคที่ตัวเองไม่รู้จัก เธอได้ใช้ทั้งดวงและเซ้นส์ของตัวเองปราบคู่ต่อสู้จนเสมอกันได้ หวางไห่ฉวินกลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
คนที่รู้สึกผิดในใจมากที่สุดกับเรื่องนี้ก็คือพี่ใหญ่
“ถ้าตอนนั้นพี่ไม่ใจร้อนอยากร่วมธุรกิจกับตระกูลหวาง เคสนี้ก็คงไม่ต้องให้เสี่ยวเชี่ยนรับ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่รับ ก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในภายหลัง โชคดีที่ปัญหาของตระกูลสือแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้นพี่คงรู้สึกผิดกับเสี่ยวเชี่ยนและสืออวี้มาก”
เสี่ยวเชี่ยนส่ายมือ “เรื่องนี้ไม่โทษพี่หรอกค่ะ คนเลวแบบนี้เลี้ยงลูกให้มาหลอกคนอื่นแต่งงานได้ ถ้าวิเคราะห์จากตรรกะก็สมเหตุสมผลอยู่ พี่ใหญ่ก็คงไม่คิดว่าคนๆนี้จะหน้าไม่อายได้ขนาดนี้”
ถ้าไม่เคยเจอเหตุการณ์นั้นมาก่อน ใครจะไปคิดว่าคนพวกนั้นจะจิตใจโหดร้ายได้ขนาดนี้?
เรื่องบางอย่างพอผ่านไปแล้วมองย้อนกลับไปดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ตอนที่ประสบเหตุการณ์นั้นกลับรู้สึกหนักหนาเอาการ เสี่ยวเชี่ยนกับพี่ใหญ่ต่างเป็นคนฉลาดทั้งคู่ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่มองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ถ้าเก่งขนาดนั้นก็ไม่ใช่คนแล้ว นั่นมันเทพ
“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ถ้าพวกเราไม่ทำอะไรเลยคนอื่นจะไม่มองว่าตระกูลอวี๋รังแกง่ายเหรอ? เสี่ยวเชี่ยนเรื่องนี้เธอก็อย่าโกรธเลยนะ ช่วงหลายวันมานี้พี่ไปไล่บี้แย่งโปรเจ็คต์ของพวกนั้นมา หวางไห่ฉวินหัวหมุนจนไม่มีเวลาสนใจใครแล้ว”
ตอนแรกเสี่ยวเชี่ยนบอกพี่ใหญ่อย่าเพิ่งลงมือ แต่มีเหรอที่พี่ใหญ่จะฟังเธอ
ถึงขนาดมาเล่นงานคนในครอบครัวเขาถึงที่ แบบนี้มันไม่ได้แค้นแค่เสี่ยวเชี่ยนคนเดียวแล้ว ยกระดับถึงทั้งครอบครัว พี่ใหญ่ไม่มีทางอ่อนข้อให้แน่นอน ครั้งนี้ที่เขามาก็เพื่อมาคุยกับเสี่ยวเชี่ยนโดยเฉพาะ
“พี่ใหญ่คะ ที่หนูมาครั้งนี้เพราะอยากคุยกับพี่เรื่องนี้เหมือนกัน ได้เวลาลงมือกับคนพวกนั้นแล้วนะคะ ยิ่งแรงยิ่งดี”
“เอ๋? เมื่อวานซืนเธอยังบอกพี่ว่าอย่าเพิ่งลงมือเลยนะ” พี่ใหญ่รู้สึกงง
เดิมทีเขาก็อยากเชื่อฟังที่เสี่ยวเชี่ยนบอกว่าอย่าเพิ่งลงมือ แต่จากสถานการณ์ในตอนนี้ ถ้าไม่เล่นงานกำราบตระกูลหวางเสียบ้าง ไปลงมือภายหลังต้นทุนก็จะสูงแล้ว วงการธุรกิจก็เหมือนสนามรบ โอกาสมาถ้าไม่คว้าไว้ก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว
“เพราะว่าตอนนี้หนู ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วค่ะ”
วรรคหลังเสี่ยวเชี่ยนกัดฟันพูด
“เมียแกเล่นไรเหรอ?” พี่ใหญ่ไม่เข้าใจปริศนาคำใบ้ของเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเฉียงที่นั่งฟังมาตลอดตบบ่าพี่ชายตัวเอง “พี่ใหญ่ พี่เตรียมเก็บซากคนแซ่หวางนั่นได้เลย เมียผมจะตามไปเล่นงานถึงรังมันแน่”
“หา?” พี่ใหญ่ยังไม่เข้าใจ เขาอึ้งไปสักพักแล้วถามอย่างงงๆ
“งั้นให้พี่ส่งบอดี้การ์ดไปช่วยสักหน่อยไหม?”
น้องสะใภ้เขาชอบใช้ความรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร หรือโกรธคนพวกนั้นจนขาดสติไปแล้ว ถึงอยากจะใช้กำลังทำลาย?
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มให้เล็กน้อย
“หนูไม่เคยล้างแค้นด้วยการใช้กำลังค่ะ และก็ไม่ทำผิดกฎหมายด้วย บอดี้การ์ดจะมีก็ได้ แต่ไม่ได้เอามาทำร้ายใคร ให้พวกเขาไปช่วยทำอย่างอื่น!”
ท่าทางวางมาดเท่ห์แบบนี้เอาคะแนนเต็มไปเลย พี่ใหญ่มองด้วยความเลื่อมใส
“อืม ดูท่าหนังสือเล่มนั้นจะให้พลังที่ไร้ขีดจำกัดกับคุณมา” คำพูดของเสี่ยวเฉียงประโยคนี้ได้ทำลายมาดเท่ห์ของเสี่ยวเชี่ยน เธอถลึงตามองเขาด้วยความโมโห
ไอ้บ้าเสี่ยวเฉียง พูดความจริงทำแป๊ะไรเล่า!
เสี่ยวเฉียงยักไหล่ สามีมีไว้ทำไม?
ยามเมียอารมณ์ไม่ดีก็เป็นเครื่องผลิตเสียงหัวเราะให้ ยามเมียได้ใจมากเกินไปก็มีหน้าที่ฉุดอารมณ์เมียลงมาหน่อย
เป็นสามีที่ดีอย่างไม่ต้องมีคำบรรยาย!
ถึงเสี่ยวเฉียงจะหักหน้าเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนได้วิธีสะกดจิตแบบแทรกซึมมาจากตำราลับของชีอวี่เซวียน แต่กลับเหมือนเป็นการเตือนเสี่ยวเชี่ยนไปในตัว ทันใดนั้นเสี่ยวเชี่ยนก็นึกได้ว่า ถ้าเธอบุ่มบ่ามไปแบบนั้นแล้วเกิดเทคนิคนี้ใช้ไม่ได้ผลล่ะจะทำไง?
“ฉันควรจะหาคนมาทดลองก่อนแล้วค่อยไปมากกว่า…”
ถึงหลังจากอ่านตำราแล้วจะรู้สึกว่าหลักการมีความเป็นไปได้ มองมุมไหนก็สมเหตุสมผล แต่ก็ควรจะทดลองก่อนถึงจะเป็นการดีที่สุด ครั้นแล้วดวงตาของเสี่ยวเชี่ยนก็กวาดมองไปรอบๆ ตอนแรกก็มองเสี่ยวเฉียง ในใจขึ้นเครื่องหมายกากบาท
ไม่ได้ อวี๋หมิงหลางเป็นมนุษย์ประหลาด ร่างกายเขาต่อต้านการสะกดจิต ไม่มีทางเป็นโรคจิตเวชได้ง่ายๆ อยากจะสะกดจิตเขาก็ไม่ง่ายเช่นกัน
ครั้นแล้วเสี่ยวเชี่ยนจึงหันไปมองพี่ใหญ่ด้วยสายตาแบบมีเลศนัย
พี่ใหญ่ยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนมองเขาเป็นหนูทดลองไปเรียบร้อยแล้ว พอเห็นสายตาของเสี่ยวเชี่ยนเขายังทำท่าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“เสี่ยวเชี่ยน ช่วงหลายวันมานี้พี่นอนไม่ค่อยหลับเลย เธอมีพวกน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยเรื่องการนอนใช่ไหม จัดมาให้พี่หน่อยสิ”
เสี่ยวเชี่ยนดันแว่นตา เสี่ยวเฉียงที่กำลังเคี้ยวเนื้อซี่โครงอยู่ข้างๆถึงกับหยุดชะงัก คำพูดของเมียเขาเมื่อครู่ก็คืออยากหาคนมาทดลองทักษะใหม่ของเธอ พี่ใหญ่นี่ก็ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย มาพูดแบบนี้ในเวลานี้ไม่เท่ากับนอนรอบนเขียงแล้วเหรอ?
“งั้นก็ดีเลยค่ะ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จไปที่บ้านพวกเรานะคะ หนูจะทำให้พี่รู้สึกผ่อนคลายก่อน จากนั้นพี่ค่อยเอาน้ำมันหอมระเหยกลับไป” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มหวานให้พี่ใหญ่
“งั้นก็รบกวนเธอด้วยนะ!”
“ไม่รบกวนเลยค่ะ ไม่เลยสักนิดเดียว” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มหวานให้มากกว่าเดิม
อวี๋หมิงหลางทนดูไม่ได้ เมินหน้าหนี
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง พี่ใหญ่ก็ออกจากบ้านเสี่ยวเชี่ยนด้วยความรู้สึกสบายตัว เขาฮัมเพลงนั่งอยู่บนรถตัวเอง นั่งไปได้ครึ่งทางผ่านร้านอาหารกวางตุ้งร้านนั้น ในสมองของเขาเหมือนมีเสียงบางอย่างดังขึ้น จึงบอกให้คนขับหยุดรถ
“ต้าหลิวหยุดก่อน”
ผ่านไปอีกสองชั่วโมงพี่ใหญ่กลับถึงบ้าน พี่สะใภ้ใหญ่เห็นเขาหิ้วกล่องอาหารมาเยอะแยะจึงเปิดดู มีแต่ซุป?
“ทำไมซื้อซุปกลับมาเยอะแยะขนาดนี้ล่ะคะ?”
วันนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นผิดทาง?
พี่ใหญ่ยังคงชินกับรสชาติซุปที่มีรสเข้มแบบคนทางเหนือ ซุปแบบทางใต้เขากินแล้วไม่ชอบที่มันมีรสชาติจืดๆ แต่วันนี้เขากลับซื้อแต่ซุปที่ตัวเองเกลียดมา
“ไม่ชอบกิน…แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าผมต้องกินมันไปอีกสองสามวัน”
พี่สะใภ้รู้สึกขำ “เอาสิ คิดเสียว่าล้างไส้ก็แล้วกัน คุณควรจะปรับนิสัยการกินได้แล้ว ม่านม่านโทรมาบอกฉันว่า ช่วงนี้คุณออกกำลังได้ดีทีเดียว ถ้าเป็นแบบนี้อีกสักสองสามเดือนน้ำหนักก็จะกลับมาเป็นปกติแล้ว”
“เขาโทรหาคุณด้วย?” พี่ใหญ่หน้านิ่ว
ม่านม่านก็คือเทรนเนอร์ที่พี่สะใภ้ใหญ่แนะนำให้เขา
“ใช่ค่ะ เขารายงานเรื่องคุณในช่วงนี้อย่างละเอียดเลยล่ะ”
พี่ใหญ่มองภรรยาตัวเองที่ทำตัวสบายๆแล้วก็แอบลอบถอนหายใจ
เสี่ยวเชี่ยนพูดถูก เขาต้องรีบเปลี่ยนเทรนเนอร์ เพื่อป้องกันเรื่องร้ายที่อาจเกิดขึ้น
หลังจากวันนี้ไปพี่ใหญ่ก็กินซุปจืดๆติดกันสามวัน
จนกระทั่งวันที่สาม อยู่ๆพี่ใหญ่ก็เริ่มสะอิดสะเอียนซุป นับจากนั้นเขาก็ไม่กินมันอีก น้ำหนักลดลงไปหลายโล พี่สะใภ้ใหญ่ดีใจมาก สุขภาพดีขึ้นเป็นกอง
มีแค่เสี่ยวเฉียงที่รู้ความจริง พี่ใหญ่ที่น่าสงสารถูกเมียเขาเอาเป็นหนูทดลองไปแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนตั้งเวลาไว้ให้พี่ใหญ่สามวัน พอถึงวันที่สามเธอก็โทรหาพี่สะใภ้ใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าช่วงสามวันที่ผ่านมาพี่ใหญ่ได้กินซุปหรือเปล่า และก็เพื่อยืนยันว่าวิชาของเธอนั้นได้ผล ประธานเชี่ยนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจถึงได้นั่งเครื่องบินไปยังเมืองที่เป็นที่ตั้งของไห่ฉวินกรุ๊ป
ทำอะไรกับใครไว้ช้าเร็วก็ย่อมได้รับผลกรรม การที่ยังไม่ได้รับผลก็เพราะยังไม่ถึงเวลา เสี่ยวเชี่ยนถือคลิปวิดีโอที่ให้ไป๋จิ่นอัดไว้ก่อนหน้านี้พลางยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ