ช่วงเวลานี้ภายในประเทศได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น สื่อสำนักใหญ่ๆต่างรายงานข่าวเรื่องที่หวางไห่ฉวินประธานไห่ฉวินกรุ๊ปได้เปิดเผยความผิดต่างๆของตัวเองหลังเมา
เรื่องเกิดขึ้นได้อย่างไรไม่มีใครรู้ มีการคาดเดากันไปต่างๆนานาจากสังคมภายนอก มีคนบอกว่าหวางไห่ฉวินไปล่วงเกินใครเข้าถึงได้โดนเอาคืน แต่คนที่รู้เรื่องราวภายในกลับบอกว่าจดหมายที่มอบให้ทีมพิสูจน์หลักฐานก็คือจดหมายที่ทำให้หวางไห่ฉวินพ่ายแพ้ เป็นลายมือของหวางไห่ฉวินเอง แถมยังประทับรอยนิ้วมือ
ดังนั้นข่าวลือที่น่าเชื่อที่สุดตอนนี้ก็คือหวางไห่ฉวินถูกคนทำของใส่ ทำให้เขาต้องเขียนจดหมายสารภาพผิดชนิดที่ตัวเองดิ้นไม่หลุด
คดีอยู่ในช่วงสืบสวน หากคิดจะดิ้นหลุดคงไม่มีโอกาสแล้ว ในจดหมายฉบับนั้นไม่เพียงแต่จะเขียนเรื่องความผิดของเขาอย่างละเอียดแล้ว แม้แต่หลักฐานที่เจ้าหน้าที่การเงินของเขาเก็บไว้เขาก็ได้เขียนลงไปด้วย หลักฐานชัดแจ้งขนาดนี้ เขาก็ย่อมปฏิเสธเรื่องชั่วต่างๆที่ตัวเองเคยทำไม่ได้
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเรื่องแรกที่คนเป็นเจ้านายจะทำก็คือรีบจัดการซ่อนตัวเจ้าหน้าที่การเงินของตัวเอง แต่ปัญหาใหญ่ของหวางไห่ฉวินก็คือ เขาไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นคนเขียนจดหมายนั่น ตอนที่ทางการมาจับตัวเขายังไม่รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรผิด จึงไม่มีเวลาย้ายคนของตัวเองไปที่อื่น
สรุปคือ ตระกูลใหญ่ก็ได้ล้มลงไปแบบนี้ ล้มไปแบบงงๆ ผู้คนต่างไม่เข้าใจ ถ้าไม่ได้ถูกทำของใส่ก็คงผีเข้า
หลังจากที่สุ่ยเซียนรู้เรื่องนี้ก็รีบโทรหาเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนแค่ตอบกลับไปอย่างใจเย็นประโยคเดียว
“คนที่ทำเรื่องชั่วไว้เยอะช้าเร็วก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
ถึงสุ่ยเซียนจะไม่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนทำอะไรลงไป แต่ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่เสี่ยวเชี่ยนพูดว่าต้องถูกสวรรค์ลงโทษก็จะมีคนต้องซวย การที่ประธานเชี่ยนพูดว่าช้าเร็วก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษก็เหมือนกับเป็นการประกาศสงคราม
ดังนั้นสุ่ยเซียนจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับเสี่ยวเชี่ยน เป็นตายเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ยอมรับ สุ่ยเซียนและคนอื่นๆก็ไม่ถามอะไรอีก
แม้แต่พี่ใหญ่ก็ไม่รุ้ว่าเสี่ยวเชี่ยนใช้วิธีไหนทำให้หวางไห่ฉวินเขียนจดหมายสารภาพผิดได้ แต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือเสี่ยวเชี่ยนทำได้แล้ว ซึ่งพี่ใหญ่เองก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ไม่น้อย
เสี่ยวเชี่ยนไม่แคร์เรื่องพวกนี้ เธอได้แก้แค้นแล้ว ตอบแทนมิตรภาพที่สืออวี้มีให้ เธอสะใจก็พอแล้ว ส่วนหวางไห่ฉวินจะต้องติดคุกกี่ปีนั้น เสี่ยวเชี่ยนไม่สนใจ เมื่อเทียบกับเรื่องที่หวางไห่ฉวินจ้างคนมาล้างสมองสืออวี้ การแก้แค้นของเธอถือว่าได้เอาคืนอย่างสาสมแบบไม่ต้องเหนื่อยมาก เธอก็แค่สะกดจิตให้หวางไห่ฉวินสารภาพความเลวที่ตัวเองเคยก่อ ทุกอย่างมันเป็นความจริงอยู่แล้ว
ไม่ทำชั่วไว้ก็ไม่ต้องกลัวตาย ทำธุรกิจใสสะอาดแบบพี่ใหญ่ ต่อให้ถูกสะกดจิตเป็นหมื่นครั้งก็เค้นไม่ได้ความอะไร หวางไห่ฉวินทำตัวเองทั้งนั้นถึงได้เป็นแบบนี้
เสี่ยวเชี่ยนกลับมาได้ไม่กี่วันก็ปิดเทอมแล้ว อวี๋หมิงหลางเองก็ลางานเพื่อไปแต่งงาน ทั้งสองคนขับรถกลับบ้านเกิด ครั้งนี้จะได้แต่งงานกันจริงๆแล้ว
ฉิวฉิวกับไป๋จิ่นก็ติดรถไปด้วย ทั้งสองคนอยากไปร่วมงานแต่งของประธานเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนมีบ้านอยู่ในเมืองQหลายที่ เรื่องหาที่พักให้เพื่อนจึงไม่ใช่เรื่องยาก พอดีเลยเสี่ยวเชี่ยนจะได้ให้สองคนนี้มาเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาวด้วย เธอไม่ได้อยากชวนพวกญาติๆของเธอเท่าไร
ญาติของเฉินหลินก็มีแค่อาสี่ที่ยังติดต่อกันอยู่ นอกนั้นก็ไม่ค่อยได้ยุ่งกันแล้ว ต่อให้ตอนนี้คนพวกนั้นอยากเข้ามาประจบเสี่ยวเชี่ยน แต่เสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ให้โอกาส เธอไม่อยากเห็นหน้าคนพวกนั้นในวันมงคล
ส่วนทางด้านญาติฝ่ายแม่ เนื่องจากทะเลาะกันเรื่องบ้านที่ถูกเวนคืนทำให้มีปัญหากับลุงรอง ครอบครัวลุงใหญ่ก็มีมาหาแม่เธอบ้าง ซึ่งก็เพราะเห็นน้องสาวตัวเองได้ดิบได้ดีก็เลยอยากมาตีสนิท แต่ด้วยความที่เสี่ยวเชี่ยนล้างสมองแม่ตัวเองไว้แล้ว เจี่ยซิ่วฟางจึงไม่ได้ยุ่งกับพี่ชายมาก ก็แค่รักษาสัมพันธ์เหมือนญาติทั่วไป
ดังนั้นญาติทางฝ่ายเจ้าสาวจึงมีแค่อาสี่กับลุงใหญ่ที่ได้รับเชิญ ซึ่งเรื่องนี้แม่อวี๋ยังเคยเรียกเสี่ยวเชี่ยนไปคุย เสี่ยวเชี่ยนยืนยันหนักแน่นว่าไม่เชิญก็คือไม่เชิญ
ทางด้านพ่อเลี่ยวก็มีหลายคนที่มาได้ บวกกับเพื่อนเสี่ยวเชี่ยน แค่นี้ก็พอแล้ว
คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่มีทางหลุดเข้าไปในงานแต่งเธอได้
คนตระกูลเฉินชาตินี้ไม่ได้ล่วงเกินเธอก็ถือว่าต่างคนต่างอยู่ แต่เมื่อชาติก่อนตอนที่เธอตกอับพวกเขารู้เรื่องแล้วก็ยังไม่ช่วย เธอไม่เคยลืมเรื่องนี้ ชาตินี้เธอมีชีวิตที่ดีแล้วจะให้คนพวกนั้นมาอาศัยใบบุญได้อย่างไร?
เมื่อไปถึงเมืองQอวี๋หมิงหลางพาไป๋จิ่นกับฉิวฉิวไปส่งที่บ้านขนาดสองห้องนอนที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตของเสี่ยวเชี่ยนก่อน สองคนนี้ยังมีสถานะเป็นเพื่อนกัน บ้านหลังนี้ก่อนหน้านี้เสี่ยวเชี่ยนให้คนเช่า ต่อมาเธอจะแต่งงานจึงได้เอาคืนเพื่อไว้ใช้รับรองแขกของเธอ
หลังจัดการเรื่องที่พักให้ไป๋จิ่นกับฉิวฉิวเรียบร้อยแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็ขึ้นรถรออวี๋หมิงหลางไปส่งเธอที่บ้านแม่ อวี๋หมิงหลางไม่รีบร้อนสตาร์ทรถ แต่หันหน้ามาทางเธอทำท่าเหมือนมีเรื่องจะพูด
เสี่ยวเชี่ยนคิดว่าเขาจะพูดเรื่องฉิวฉิวกับไป๋จิ่นจึงชิงตอบก่อน
“ช่วงนี้ดูเหมือนไป๋จิ่นกับฉิวฉิวจะติดต่อกันถี่ เห็นไปเดินเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ถึงจะยังไม่ข้ามผ่านเส้นบางๆที่กั้นไว้ แต่ฉันว่าก็อีกไม่นานหรอก”
ครั้งนี้จัดให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน กว่าจะเสร็จงานแต่งของเสี่ยวเชี่ยนก็อีกอาทิตย์กว่า ไม่แน่สองคนนี้อาจได้ตกลงปลงใจคบกันเสียที เสี่ยวเชี่ยนเองก็รอดูอยู่
“ลูกเชี่ยน ที่ผมอยากพูดกับคุณไม่ใช่เรื่องนี้”
“ไม่ใช่เรื่องนี้?” เสี่ยวเชี่ยนอึ้ง ไม่ใช่เรื่องนี้แล้วจะมีเรื่องไหนอีก?
สีหน้าของเสี่ยวเฉียงดูจริงจังเชียว
“พวกเราจะแต่งงานกันแล้ว คุณแน่ใจเหรอ…ว่าจะไม่บอกเขา?” อวี๋หมิงหลางคิดเรื่องนี้มาตลอดทาง จนสุดท้ายก็ยอมเสี่ยงตายพูดออกมา
“ใคร?”
“พ่อคุณ”
“พ่อฉัน? ฉันมีของแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน?” เสี่ยวเชี่ยนพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางยกโทษให้เขา ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ ตามธรรมเนียมของบ้านคุณอาจไม่เชิญเขามาร่วมงานแต่งก็ได้ แต่ทางที่ดีไปบอกเขาหน่อยดีกว่า ได้ยินว่าถ้าไม่บอก จะถูกญาติๆแขวะเอาได้”
เสี่ยวเฉียงถูกวานให้มาพูดอีกที คำพูดพวกนี้ไม่ใช่ความต้องการของเขา เขาเองก็มีลางสังหรณ์ว่าถ้าพูดออกไปเสี่ยวเชี่ยนอาจไม่พอใจ
แต่ต่อให้เธอจะไม่พอใจเขาก็ต้องเสี่ยงตายพูดออกไป
เพราะนี่เป็นเรื่องที่แม่ยายวานให้เขาทำ
เจี่ยซิ่วฟางไม่กล้าถามลูกตัวเองเพราะกลัวเสี่ยวเชี่ยนโกรธ แต่ไม่ว่าอย่างไร ตามธรรมเนียมของที่นี่แล้ว หากลูกสาวแต่งงานโดยไม่บอกพ่อจะถูกญาติๆรุมประณาม ต่อให้ไม่เชิญเฉินหลินมางาน ไปบอกเขาสักคำก็เป็นสิ่งที่ควรทำ อย่างไรเสียไปบอกเขาว่าอย่ามาก็ยังดี ทั้งหมดนี้ก็เพื่อไม่ให้เสี่ยวเชี่ยนถูกด่า—นี่เป็นความคิดของเจี่ยซิ่วฟาง เสี่ยวเฉียงเป็นแค่กระบอกเสียงที่ถูกบังคับให้มาพูด
ตามคาด พอเขาพูดจบเสี่ยวเชี่ยนก็หน้าบึ้งทันที
“อวี๋หมิงหลาง ถ้านายอยากบอกก็ไปบอกเขาเอง! แล้วคอยดูนะว่าเขาจะตื๊อขอเงินนายหรือเปล่า! เขาเป็นคนยังไงนายยังไม่รู้อีกเหรอ? คนแบบนั้นเกาะใครได้ก็ติดหนึบแกะไม่ออก ช่วงหลายปีมานี้ถ้าฉันไม่คอยหาวิธีห้ามเขาไว้ ไม่แน่คงมาตามตื๊อแม่ฉันไปแล้ว! นี่มันเรื่องของเราไม่ใช่เหรอ? ทำไมฉันต้องไปบอก? ถ้าเขาไม่ทำตัวแบบนั้นมีเหรอที่ฉันจะเป็นแบบนี้?”
พอนึกถึงเรื่องต่างๆในอดีต เสี่ยวเชี่ยนก็ยังทำใจไม่ให้โกรธได้ยาก
ความแค้นในชาติก่อน ความโกรธเกลียดในชาตินี้ มันไม่มีทางลืมได้เลย
โดยเฉพาะเรื่องไร้ศีลธรรมที่เฉินหลินได้ทำในครั้งก่อน ไม่เพียงแต่คิดจะเอาเปรียบเสี่ยวเชี่ยนกับแม่ ยังชี้หน้าหาว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นลูกนอกคอก เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงใบหน้าของเฉินหลินในตอนนั้นแล้วก็โมโห
“เขาบอกว่าฉันเป็นลูกนอกคอกไม่ใช่เหรอ? งั้นก็คิดเสียว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของเขาก็แล้วกัน ฉันเป็นลูกนอกคอก! ฉันจะไม่ไปบอกเขา!”