เมื่อต้องเผชิญกับการโจมตีของเสี่ยวเชี่ยนอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่อวี๋หมิงหลางก็ไม่กล้าไประบายความอัดอั้นกับเสี่ยวเชี่ยน ครั้นแล้วจึงเบนเข็มไปเล่นงานผู้ชมอย่างสุ่ยเซียน
“ไม่เป็นไร ไม้ของจูขี้บ่นก็ได้มาตรฐานแถมยังแข็งด้วย เล่นกอล์ฟแต่ละทีต้องซื้อประกันเลยนะ!” ถ้าพูดถึงเรื่องกัดคน เสี่ยวเฉียงไม่เคยแพ้ใคร
“ทำไมต้องซื้อประกันด้วยล่ะ?” ไป๋จิ่นถามฉิวฉิวที่จบด้านพละมา
ไม่ได้เห็นเลยว่าตอนนี้คนที่หน้าแดงคือสุ่ยเซียน
ฉิวฉิวเองก็ใสซื่อเกินไป หรือจะเรียกได้ว่าไม่คิดอะไรมาก เขาไม่สังเกตเห็นแม้แต่นิดเดียวว่าบรรยากาศแปลกไป ช่วยเสริมความรู้ให้อีกต่างหาก
“ความเสี่ยงของกีฬากอล์ฟเป็นความเสี่ยงที่สนุกมาก ถึงแม้ประกันส่วนใหญ่จะเอาไว้ใช้ยามที่ซวยเกิดอุบัติเหตุ แต่มีแค่ความเสี่ยงของกีฬากอล์ฟเท่านั้นที่เป็นเรื่องดี ซึ่งมันเรียกว่า—”
“เสี่ยงที่จะได้..โฮลอินวัน!”
เสี่ยวเชี่ยนที่ถือน้ำผลไม้เดินกลับมาได้ทำให้คำพูดที่ดูธรรมดาแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง มีการเว้นจังหวะและเน้นเสียงอย่างลงตัว
คนที่ฟังเข้าใจต่างรู้สึกอาย คนที่ไม่เข้าใจก็ยังคงมีสีหน้าซื่อๆ
“โฮลอินวันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องซื้อประกันด้วยล่ะ?” ไป๋จิ่นไม่เข้าใจจริงๆ จูขี้บ่นได้ลากเมียตัวเองที่หน้าแดงก่ำเดินหนี อยู่ไม่ได้แล้วตรงนี้
กลับไปต้องสั่งสอนกันหน่อย จะยั่วโมโหใครก็ได้แต่ห้ามไปยั่วโมโหเสี่ยวเฉียง หมอนี่อยู่กับเสี่ยวเชี่ยนทำตัวเป็นหมาซื่อสัตย์ แต่กลับชอบแยกเขี้ยวใส่คนอื่น มันกัดคนได้!
อีกทั้งผัวเมียคู่นี้ยังมีลักษณะเด่น เห็นเสี่ยวเชี่ยนเปลี่ยนวิธีรังแกเสี่ยวเฉียง แต่นั่นก็เป็นหนึ่งในวิธีแสดงความรักของเสี่ยวเชี่ยน แต่ถ้าหากใครกล้าเอาเสี่ยวเฉียงไปล้อเล่นเธอก็จะไม่ปล่อยไว้ เธอไม่มีทางอ่อนข้อให้
สุ่ยเซียนที่น่าสงสาร เธอก็แค่สะใจนิดหน่อยเอง กลับถูกสองคนนี้รวมหัวกันเก็บเธอเสียแล้ว
“ธรรมเนียมสากล ทำโฮลอินวันได้เป็นเรื่องที่น่าฉลอง ถ้าใครทำได้ก็ต้องเลี้ยงเหล้าทุกคน เธอจะเข้าใจว่ามันเป็นวิธีการแสดงความถ่อมตัวของคนที่ประสบความสำเร็จก็ได้ หรือจะเข้าใจว่าเป็นวิธีเพิ่มยอดขายเหล้าก็ได้ เอาเป็นว่า มันควรค่าแก่การฉลอง—โดยเฉพาะจูขี้บ่นของพวกเรา ประสบการณ์ไม่เยอะแต่กลับทำโฮลอินวันได้ จึ๊ๆ คงต้องเป็นเจ้าภาพแล้ว”
สุ่ยเซียนที่เดินออกไปแล้วถึงกับสะดุด จูขี้บ่นรีบพยุงเธอ คนอื่นไม่เข้าใจคำพูดของเสี่ยวเชี่ยน แต่สองคนนี้เข้าใจ
สุ่ยเซียนมาครั้งนี้ เสี่ยวเชี่ยนแค่เห็นก็รู้แล้วว่าผิดปกติ
ชุดเดรสตุ๊กตาที่ใส่มา ทำไมดูแล้วเหมือนที่ต้าอีใส่ตอนนี้เลย?
แน่นอนว่าชุดแบบนี้ก็มีชื่ออย่างเป็นทางการของมัน เรียกว่าชุดกันคลื่นรังสีสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ถึงสรรพคุณของมันจะยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ยุคสมัยนี้ยังไม่มีคนใส่มันเท่าไร แต่ถ้าหากใส่แล้วก็หมายความว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งครรภ์อยู่
“ใช่ไหมล่ะ ทำโฮลอินวัน นึกถึงเมื่อก่อนตอนอยู่ค่ายเดียวกัน หมอนั่นประสบการณ์เรื่องความรักน้อยที่สุด แต่กลับได้เป็นพ่อคนก่อนใคร” เสี่ยวเฉียงมองข้ามเรื่องที่เมื่อวานบอกว่าตัวเองยังบริสุทธิ์ เขาพูดด้วยความเคืองใจเล็กๆ
“พอ! ฉันล่ะยอมแพ้พวกนายสองคนจริงๆ ฉันเลี้ยงเหล้าเองพอใจยัง?” จูขี้บ่นกลัวสองคนนี้พูดต่อแล้วเมียเขาจะอับอายยิ่งกว่าเดิม จึงรีบยกสองมือยอมแพ้ ทำท่ายอมจำนน
เสี่ยวเชี่ยนกับเสี่ยวเฉียงแปะมือให้กับความสำเร็จ ฆ่าแกะได้แล้ว~
“พ่อหนุ่ม พยายามเข้านะ หันไปทางท้องน้อยๆนั่น สักวันต้องได้โฮลอินวัน!” เสี่ยวเฉียงตบบ่าฟู่กุ้ย ฟู่กุ้ยยังคงต้องนั่งอยู่บนรถเข็น อันที่จริงเขาบอกว่าตัวเองยืนได้แล้ว แต่เพื่อร่วมงานแต่งในวันมะรืนจึงจงใจพักรักษาตัวนั่งรถเข็นไปก่อน
หลิวเหมยที่กำลังตีกอล์ฟถึงกับมือสั่นเกือบเหวี่ยงไม้หลุดไปด้วย ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว คุณพระช่วย คนพวกนี้ร้ายกาจมาก!
เหล่าคนที่ไม่ใสซื่อเข้าไปนั่งดื่มเหล้าขูดรีดเงินในกระเป๋าของจูขี้บ่นที่ด้านในแล้ว ไป๋จิ่นที่อยู่ด้านนอกยังคงใสซื่อไม่เข้าใจ
“ตกลงมันเรื่องอะไรกัน…” ไป๋จิ่นยังคงงงอยู่
ฉิวฉิวที่พอจะเข้าใจขึ้นมาแล้วเขารู้สึกอายมาก กลัวว่าไป๋จิ่นจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ลิลลี่ ผมว่าท่าหวดคุณยังไม่ค่อยถูกนะ มา เดี๋ยวผมทำให้ดู ต้องทำแบบนี้…”
อวี๋หมิงหลางนั่งดื่มเหล้าพลางคุยกับจูขี้บ่น เสี่ยวเชี่ยนกับสุ่ยเซียนไม่สนใจเรื่องใช้กำลังที่พวกผู้ชายคุยกันแม้แต่นิดเดียว พวกเธอถือน้ำผลไม้ไปนั่งไกลๆมองฉิวฉิวสอนไป๋จิ่นเล่นกอล์ฟ ตอนแรกฉิวฉิวก็ทำให้ดูแล้วไป๋จิ่นทำตาม สักพักกลายเป็นฉิวฉิวเริ่มจับเอวไป๋จิ่น จากมุมของเสี่ยวเชี่ยนมองไปเหมือนฉิวฉิวกำลังโอบไป๋จิ่นอยู่
ฉิวฉิวที่อยู่ในชุดกีฬาสีขาวดูเข้ากันกับไป๋จิ่นที่อยู่ในชุดสีชมพู ไม่ว่าจะส่วนสูงหรือความรู้สึกดูเข้ากันไปหมด ทักษะด้านกีฬาของไป๋จิ่นแย่มาก หวดไปตั้งหลายครั้งก็ยังทำไม่ได้ ฉิวฉิวสอนเธออย่างอดทน—หรือฉวยโอกาสกันแน่นะ?
อย่างไรเสียทางนั้นก็ดูมีความสุขกันมาก เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองอย่างอารมณ์ดี บรรยากาศในสนามกอล์ฟทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้มาก ไม่ว่าในใจจะมีเรื่องกลุ้มมากขนาดไหน พอมานั่งในที่ที่มีแต่สีเขียวรอบตัวแบบนี้ สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปก็ทำให้สดชื่นขึ้นมาทันที ยิ่งไปกว่านั้นเธอกำลังจะเป็นเจ้าสาวด้วย ยิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากกว่าเดิม
นั่งมองอยู่สักพักเธอก็หันไปหาสุ่ยเซียนที่อยู่ข้างๆแล้วชี้ไปที่ท้องของสุ่ยเซียน “กี่เดือนแล้ว?”
“ยังไม่ถึงเดือนเลย ร่างกายฉันแสดงอาการออกมาไว มีวันหนึ่งฉันมึนหัวเต๋อซีเลยพาฉันไปตรวจเลือด นึกไม่ถึงว่าจะมีน้อง ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากรีบใส่ของแบบนี้หรอก ฉันว่ามันดูเว่อร์ไปหน่อย” สุ่ยเซียนชี้ไปที่ชุดกันคลื่นรังสีของตัวเอง มันทำให้เธอร้อนมาก
“ถอดออกเถอะ ที่นี่ไม่มีแหล่งปล่อยคลื่นรังสีเสียหน่อย เธอใส่ไว้มันจะเป็นตัวกั้นไม่ให้เธอได้รับแสงแดดด้วย แสงแดดในปริมาณที่เหมาะสมมีประโยชน์กับคนท้องนะ เวลาปกติเธอก็แค่หลีกเลี่ยงไม่ไปอยู่ในที่ที่มีคลื่นรังสีแรงๆ ของพวกนี้มันก็แค่ทำให้สบายใจเท่านั้นแหละ”
สุ่ยเซียนได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดแบบนั้นก็สบายใจขึ้น ถอดชุดกันคลื่นรังสีชวนอึดอัดนี่ออก ร้อนมาก โทษจูขี้บ่นเลยที่เอาใจใส่เกินไป
ทางด้านจูขี้บ่นที่กำลังคุยเรื่องใหญ่ระดับประเทศกับอวี๋หมิงหลาง พอเงยหน้าเห็นสุ่ยเซียนถอดชุดกันคลื่นรังสีออกก็ลุกขึ้นจะเดินไปหาแต่ถูกอวี๋หมิงหลางดึงตัวไว้
“เมียฉันบอกแล้วว่าใส่ของแบบนั้นไปข้างนอกมันดูโง่ไป”
ถึงจะกำลังคุยกับเพื่อนอยู่ แต่สายตาของอวี๋หมิงหลางก็ไม่ได้ละจากเมียตัวเองเลย
จูขี้บ่นรู้ว่าอวี๋หมิงหลางรู้ภาษารูปปาก แต่ก็ยังมองเขาด้วยความสงสัย “เมียนายน่ะเหรอจะว่าเมียฉันโง่? นายพูดเพิ่มเองมากกว่ามั้ง?”
แม้แต่จูขี้บ่นยังรู้ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่จิกกัดคนแต่ไม่หยาบ ถนัดเล่นเชิงจิตวิทยามากกว่า สไตล์แบบนี้มันอวี๋หมิงหลางชัดๆ
“ก็ความหมายประมาณนั้นแหละน่า ดูนายระมัดระวังมากเลยนะ” ยังไม่ถึงเดือนก็ให้สุ่ยเซียนใส่ชุดเกราะแล้ว ทำอย่างกับว่าพร้อมจะคลอดทุกเมื่อ
พูดถึงเรื่องนี้ จูขี้บ่นที่ดูใจเย็นมาตลอดอดไม่ได้ที่จะแสดงความดีใจและภูมิใจ
“โฮลอินวันแบบนี้ไม่ให้ระวังได้เหรอ? เมียฉันตั้งท้องครั้งแรกก็ต้องระวังกันหน่อยสิวะ ถึงนายกับเสี่ยวเชี่ยนกำลังจะแต่งงานกัน แต่ลูกของพวกนายเด็กกว่าลูกฉันอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อไปฉันจะบอกลูกฉันให้ดูแลน้องให้ดี ไม่รังแกน้องก็แล้วกันนะ”
ชัดจะได้ใจเกินไปแล้ว!
เสี่ยวเฉียงมองเหล้าในแก้ว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเสียเปรียบจึงเรียกพนักงานมา “เหล้าฝรั่งยี่ห้อไหนแพงที่สุดเอามาสองขวด! ลงบัญชีหมอนี่ไว้!”
จูขี้บ่นรีบห้ามเขาไว้แล้วยิ้มให้ “ผิดไปแล้วว่ะเพื่อน ฉันไม่อวดดีแล้วพอใจยัง!”