ยายจาวกล่าวว่าไม่มีเงินทำให้ทุกคนสับสน และเฟิงเฟินไดเป็นคนแรกที่ตอบโต้ “เหลวไหล ! ตระกูลเฟิงจะไม่มีเงินได้อย่างไร ? ”
เฟิงหยูเฮงหัวเราะทันที “ท่านพ่อไม่ใช่ข้าราชการที่ทุจริต ทำไมต้องมีเงิน? ”
“ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีเงินไม่พอค่าปิ่นปักผมของพวกเรา ! เงินทั้งหมดในคลังถูกหมาป่ากินหรือไม่ ? ” นางพูดพร้อมกับจ้องมองเฟิงเฉินหยูว่า “ข้าได้ยินมาว่าพี่ใหญ่ส่งสิ่งของมากมายให้ท่านย่าเมื่อสองสามวันก่อน เราทุกคนอยู่รอดได้ด้วยเบี้ยเลี้ยงรายเดือนที่จัดหาโดยตระกูลเฟิง ทำไมพี่ใหญ่ถึงมีเงินมากกว่าคนอื่น ๆ ?”
เฟิงเฉินหยูรีบอธิบาย “เงินและสิ่งของพวกนั้นข้าได้รับมาจากตระกูลเฉินก่อนหน้านี้ ข้าจึงใช้โอกาสนี้มอบให้ท่านย่า ดังนั้นข้าก็ไม่เหลืออะไรเช่นกัน”
“พอ ! หยุดเถียงกันได้แล้ว ! ” ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกไม่สบายใจ นางจึงรู้สึกแย่มากขึ้นเมื่อได้ยินพวกนางทะเลาะกัน แต่นางก็สับสนด้วย “ไม่มีเงินในคลังได้อย่างไร ? ไม่ใช่ว่าเราพึ่งเก็บค่าเช่ามาก่อนสิ้นปีหรือ ? ”
ยายจาวถอนหายใจและบอกกับฮูหยินผู้เฒ่า “ห้องคลังแจ้งว่าใต้เท้าใช้เงินกับเรือนเทียนเซียงไปทีละนิด เงินทั้งหมดถูกเบิกไป”
“อะไรนะ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมาก “การซื้อสิ่งของสำหรับเรือนเทียนเซียงควรได้รับการดูแลจากบ่าวรับใช้ เหตุใดเขาจึงไปทำเช่นนั้นเอง ? นอกจากนี้แม้ว่าเขาต้องการที่จะซื้อของต่าง ๆ เงินไม่ควรใช้หมด ค่าเช่าที่เก็บมาน่าจะประมาณ 400,000 เหรียญเงิน ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าได้ดูแลเงินทองของคฤหาสน์มาตลอด แม้ว่านางจะมีอาการเจ็บหลังอยู่พักหนึ่งก่อนปีใหม่ นางก็กลับมาดูแลต่อได้ทันที นางอาจโง่กับเรื่องอื่น ๆ แต่นางจะไม่ทำผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องเงินของคฤหาสน์
ยายจาวจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น นางทำได้แค่ตอบกลับฮูหยินผู้เฒ่า “นั่นคือสิ่งที่ห้องคลังแจ้งมาเจ้าค่ะ”
“หืมม ! ” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธ นางกระแทกไม้เท้าของนางบนพื้น นางยืนขึ้น “ข้าจะไปถามเอง”
ฮูหยินผู้เฒ่าจะไปเอง ดังนั้นคนอื่น ๆ ก็ต้องไปด้วยเหมือนกัน พวกเขาตรงไปที่ห้องคลัง เมื่อมาถึงชายผู้ดูแลห้องคลังรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะมา เขาได้นำสมุดบัญชีมารอที่ทางเข้าคลัง
“เงินกองกลางของตระกูลเฟิงได้รับการจัดการโดยท่านฮูหยินผู้เฒ่า ดังนั้นข้าจะต้องแจ้งท่านเมื่อมีคนต้องการเอาเงินจากกองกลาง อย่างไรก็ตามท่านบอกว่าเมื่อท่านใต้เท้าเฟิงมาเบิกไม่จำเป็นต้องแจ้งท่าน” ชายคนนั้นพูดอย่างชัดเจนว่า “ใต้เท้าเฟิงเริ่มมาเบิกเงินเมื่อห้าวันก่อน ครั้งแรก 10,000 เหรียญเงิน, ครั้งที่สอง 50,000 เหรียญเงิน, ครั้งที่สาม 200,000 เหรียญเงิน, ครั้งที่สี่ 200,000 เหรียญเงินเช่นกัน เมื่อรวม 4 ครั้งเข้าด้วยกัน ไม่เพียงแต่ค่าเช่าตอนสิ้นปีหมดลง แม้แต่เงินที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้ก็ถูกนำมาใช้ ตอนนี้เหลือ 120 เหรียญเงิน ไม่เพียงพอสำหรับปิ่นปักผม 4 อันขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถือสมุดบัญชีในมือของนาง และใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ “460,000 เหรียญเงิน 460,000 ! ข้าต้องไปดูสิ่งที่เขาซื้อให้กับนั…องค์หญิง ! ” ตอนแรกนางต้องการเรียกว่านังแพศยา แต่นางไม่สามารถทำได้เพราะตัวตนที่แท้จริงของคังยี่ แต่ทุกคนก็เห็นชัดว่าตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่งที่คังอี้ร้องขอให้นางนั้นไม่มีประโยชน์ เมื่อพูดถึงความมั่งคั่ง ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่จดจำว่าตระกูลของนางเป็นใคร
ทุกคนเดินไปที่เรือนเทียนเซียงกับนาง
ที่ลานหน้าเรือนเทียนเซียง บ่าวรับใช้ต่างยุ่งมาก หญิงสาวคนหนึ่งถือสิ่งของขณะที่พูดว่า “ท่านใต้เท้าดีต่อองค์หญิงคังอี้มาก ไม่ว่าข้าจะมองอย่างไรสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะดีกว่าของที่อยู่ในเรือนจินหยูใช่หรือไม่ ? ”
ยายคนหนึ่งตอบนางว่า “แน่นอน พวกมันดูดีกว่าเรือนจินหยู ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่ซื้อในภายหลัง แต่สิ่งที่ใต้เท้าเฟิงพบในห้องเก็บของนั้นทุกสิ่งที่ได้รับรางวัลจากพระราชวังในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เฉินซื่อไม่เคยใช้มันเลย”
“ทุกอย่างในห้องเก็บของถูกนำมาที่นี่” ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงโกรธ และบ่าวรับใช้ทุกคนในเรือนก็สั่นด้วยความตกใจ ทุกคนหันกลับมามองและพบว่าฮูหยินผู้เฒ่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ และเจ้าของเรือนแต่ละเรือนของตระกูลเฟิง ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องมองยายและถามด้วยความโกรธ “เจ้าพูดว่าอย่างไร ? ของทุกอย่างในห้องเก็บของซึ่งได้รับรางวัลจากฮ่องเต้ถูกนำมาที่นี่ทั้งหมดหรือ ? ”
ยายตอบกลับอย่างรวดเร็ว “มีเพียงบางอย่างเจ้าค่ะ”
“นอกเหนือจากสิ่งที่ได้รับจากฮ่องเต้ มีอะไรอีกบ้างที่นำมาที่นี่ ? ”
“มีเพียงของที่ท่านใต้เท้าสั่งซื้อเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้าค่ะ” ยายชี้ไปที่ห้องนอน “บ่าวรับใช้ทำตามที่ท่านใต้เท้าเฟิงสั่ง และนำพวกมันทั้งหมดเข้ามาเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดอะไรอีกแล้วเดินเข้าไปในห้อง ด้านหลังของนาง ฮันชิพูดอย่างอิจฉา “ท่านใต้เท้าคงชอบองค์หญิงใหญ่มาก นี่คือการใช้ความมั่งคั่งของคฤหาสน์ทั้งหมดเพื่อสร้างรอยยิ้มที่สวยงาม ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินคำเหล่านี้ ความจริงก็ชัดเจนยิ่งขึ้น นางไม่มีที่ระบายความโกรธที่นางมี เมื่อเห็นบ่าวรับใช้เช็ดเก้าอี้ นางยกเท้าขึ้นแล้วถีบบ่าวรับใช้ทันที
บ่าวรับใช้ไม่มีเวลาป้องกันตัวและล้มลงกับพื้นด้วยเสียง “อ่า” เมื่อเงยหน้าขึ้นนางเห็นฮูหยินผู้เฒ่าก็คุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว
แต่หัวใจของฮูหยินผู้เฒ่าจะพึงพอใจกับการเตะเพียงครั้งเดียวได้อย่างไร โดยเฉพาะหลังจากเข้ามาในห้องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากดูห้องที่เต็มไปด้วยทองคำและหยก หัวใจของนางเหมือนมีคนเอามีดมากรีด
เงินนี้มีค่าใช้จ่าย ! นี่เคยเป็นเงินในคลังของคฤหาสน์เฟิง ! เงินนั้นเป็นสิ่งที่นางไม่เต็มใจที่จะใช้ และนางก็ไม่เต็มใจที่จะใช้มันสำหรับเด็ก ๆ อย่างไรก็ตามนางไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงจินหยวนจะใช้มันเพื่อตกแต่งห้องของคังอี้ สิ่งนี้จะช่วยให้นางรู้สึกสบายใจได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเลือดในร่างกายของนางเดือด นางหายใจลึก ๆ แล้วยกมือขึ้นเพื่อทุบสิ่งต่าง ๆ ยายจาวรีบหยุดนางอย่างรวดเร็ว “อย่าทำแบบนี้เลยเจ้าค่ะ ! ทุกสิ่งเหล่านี้มีราคาแพงมากเจ้าค่ะ ! ”
อันชิยังเห็นด้วยโดยกล่าวว่า “ใช่เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าท่านพี่ซื้อสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง ดูเหมือนว่าท่านพี่จะชอบสิ่งเหล่านี้ หากพวกมันถูกทำลาย ข้ากลัวว่าท่านพี่จะโกรธเจ้าค่ะ”
“เขาไม่คิดว่าข้าจะโกรธบ้างหรือ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าไม่มีอะไรที่นางจะทำลายได้ ดังนั้นนางจึงไม่มีที่ระบาย นางหน้ามืดและเกือบเป็นลม
โชคดีที่ยายจาวอยู่ข้างนางและช่วยพยุงนางพานางไปนั่งบนเก้าอี้ ในขณะที่ลูบหลัง นางหันไปจ้องมองเฟิงหยูเฮง อาการของฮูหยินผู้เฒ่ามีความคล้ายคลึงกับความดันโลหิตสูง แต่ยาที่คุณหนูรองให้เมื่อปีที่แล้วได้ใช้ไปหมดแล้ว
ยายจาวมองไปที่เฟิงหยูเฮงเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เฟิงหยูเฮงไม่ได้ขยับเลย นางมองราวกับว่านางไม่เข้าใจว่าสายตาของยายจาวหมายถึงอะไร แล้วยายจาวก็จำท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าที่มีต่อคุณหนูรองในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงไม่ได้ถาม
ในเวลานี้เฟิงเฉินหยูไตร่ตรองอย่างรวดเร็วและเริ่มที่จะถามบ่าวรับใช้ของเรือนเทียนเซียงว่า “เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าท่านพ่อมีความคิดที่จะซื้อสิ่งเหล่านี้ หรือองค์หญิงคังอี้ร้องขอท่านพ่อ”
หญิงสาวมองหน้ากัน แต่ทุกคนส่ายหัวเพื่อแสดงว่าพวกเขาไม่รู้ กลับเป็นยายที่คิดจากนั้นพูดว่า “ใต้เท้าเฟิงซื้อของแล้วนำกลับมา ดูเหมือนว่าท่านใต้เท้าบอกว่าคังอี้จะมีความสุขที่ได้เห็นอย่างแน่นอน มันฟังดูเหมือนว่าเขาต้องการที่จะทำให้องค์หญิงคังอี้ประทับใจเจ้าค่ะ”
เฟิงเฉินหยูได้ยินสิ่งนี้และพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าในทันที “มันเป็นความต้องการของท่านพ่อ ไม่ใช่องค์หญิงคังอี้ที่ตั้งใจจะทำลายคฤหาสน์ของเราเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่ออกหน้าแทนองค์หญิงคังอี้งั้นหรือเจ้าคะ ? ” เฟิงเฟินไดสบตานาง “ข้าสงสัยว่านางสัญญาอะไรไว้กับท่าน ? ”
เฟิงเฉินหยูขมวดคิ้ว และพูดว่า “น้องสี่ เจ้าอายุ 11 ปีแล้ว ในวัยนี้เจ้าควรมีเหตุผล องค์หญิงใหญ่ไม่ได้สัญญาอะไรกับข้าเลย นางจะเป็นฮูหยินใหญ่แล้ว น้องสาวของเราจะเห็นสง่าราศีมากขึ้น ในอนาคตเราจะมีฮูหยินใหญ่ที่ช่วยยกระดับเรา ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจตรรกะนี้ ! ”
ครั้งล่าสุดที่เฟิงเฟินไดเข้าใจ แต่ความเข้าใจนั้นเป็นเพียงความเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่านางจะไม่รู้สึกเสียใจ ในตอนแรกนางวางแผนไว้ว่าฮันชิจะใช้ลูกในท้องเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่งนั้น แต่น่าเสียดายที่จู่ ๆ องค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวก็ปรากฏตัวออกมาขจัดความเป็นไปได้และความปรารถนาของนางให้เป็นจริงขึ้นมา นางจะรู้สึกดีกับองค์หญิงคังอี้ได้อย่างไร
“หืม” นางมองเฟิงเฉินหยูอย่างว่างเปล่า “พี่ใหญ่นั้นมีความสุขุมมาก เมื่อถึงเวลาสำหรับวันเกิดของท่านในปีนี้ อายุของท่านก็ออกเรือนได้แล้ว แต่มันยังอีกหลายปีกว่าข้าจะออกเรือนได้ น้องสาวไม่ได้มีความสามารถในการคิดล่วงหน้า ข้าแค่คิดถึงปิ่นปักผมที่ท่านย่าสัญญาไว้แต่ทำไม่ได้อีกต่อไป และข้าก็ไม่มีความสุข”
“ถูกต้องแล้ว ! ” ฮันชิถอนหายใจด้วย “บุตรสาวของเขาเองไม่สามารถเปรียบเทียบกับบุตรสาวของคนนอกได้ เขาไม่ได้ซื้อโคมไฟมาฝาก และตอนนี้แม้แต่เงินที่จะใช้ในการทำปิ่นปักผมก็ถูกนำมาใช้ทั้งหมด ตอนนี้ขนาดองค์หญิงใหญ่ยังไม่ได้เข้ามาในคฤหาสน์ เมื่อนางเข้ามาในคฤหาสน์ เราจะถูกบังคับให้มีชีวิตอย่างไร ! ” นางพูดอย่างนี้ในขณะที่มือลูบท้องของนางเอง “สิ่งอื่น ๆ เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ท้องของอนุผู้นี้กำลังจะใหญ่ขึ้นทุกวัน ค่าใช้จ่ายสำหรับชีวิตประจำวันก็เพิ่มขึ้น ด้วยเงินที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยในคลังของคฤหาสน์ มันไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายรายวัน ยาบำรุงชนิดใดที่จะสามารถซื้อได้”
เฟิงเฟินไดพยักหน้าแล้วพูดว่า “ใช่ นี่ไม่ใช่ของท่านแม่ที่จะกิน แต่สำหรับเด็กที่อยู่ในท้องของท่านแม่ที่จะกิน”
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมเข้าใจเหตุผลนี้เป็นธรรมดา สำหรับคนที่กำลังตั้งครรภ์ การทานยาบำรุงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าใครจะได้รับน้อยกว่าใคร ฮันชิก็ไม่สามารถได้รับน้อยลงได้ ดังนั้นนางจึงรีบพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าข้าจะต้องใช้เงินของข้าเอง ข้าจะไม่ให้หลานชายของข้าอดอาหาร”
เฟิงหยูเฮงมองฮูหยินผู้เฒ่าแล้วมองไปที่เครื่องเรือนในห้อง ในใจของนางนางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ แน่นอนว่าเฟิงจินหยวนนั้นดีจริง ๆ! นางเพิ่งจัดให้คนพูดคำสองสามคำเกี่ยวกับองค์หญิงคังอี้ที่ชอบทองคำและหยก รวมถึงของเก่า นางไม่เคยคิดเลยว่าบิดาคนนี้จะตั้งใจทำอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วเขาจะผลาญห้องคลังของคฤหาสน์เฟิงเพื่อเพิ่มความสวยงามของเขา
“แน่นอนว่าเรือนเทียนเซียงนั้นสมเหมือนชื่อของมัน” นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “เนื่องจากไม่มีเงินอยู่ในคลัง ในฐานะบุตรสาว เราต้องทำสิ่งที่จะทำให้ท่านพ่อมีความสุข”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าก็ยิ่งถูกกระตุ้นขึ้น บรรพบุรุษของครอบครัวอื่นทำอย่างดีที่สุดเพื่อทำให้บุตรมีความสุข แต่ในครอบครัวนี้บุตรทำให้บิดามีความสุข เหตุผลแบบนี้คืออะไร ?
เฟิงเฟินไดพูดเบา ๆ “พี่รองใจดีจริง ๆ ”
เฟิงหยูเฮงมองไปที่นางแล้วถามว่า “แล้วเราจะทำอะไรได้ ? ท่านพ่อเป็นผู้นำของครอบครัวด้วย สิ่งที่อยู่ในคฤหาสน์นี้ไม่ได้มาจากการทำงานหนักของท่านพ่อหรอกหรือ ตอนนี้ท่านพ่อจะได้แต่งงานกับฮูหยินใหญ่ ท่านพ่อกำลังใช้จ่ายเงินที่เขาได้รับ มีอะไรผิดหรือ ? ”
เฟิงเฟินไดพูดไม่ออกและฮูหยินผู้เฒ่าก็คิดตาม แต่ยิ่งนางคิดความโกรธแค้นของนางก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ทั้งครอบครัวและอาชีพมีความเจริญรุ่งเรืองซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของเฟิงจินหยวน แต่นางเป็นคนให้กำเนิดเขา ! ทำไมนางไม่เคยเห็นว่าเขาเป็นคนกตัญญูกับนางในฐานะบุตรชายเลย ?
ความโกรธของฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่มขึ้นอีกครั้งและนางก็เริ่มหอบ ในขณะที่นางมองไปรอบ ๆ เพื่อพยายามหาสิ่งที่ระบายความโกรธและแสดงความรู้สึกของนาง
ในเวลานี้มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับม้วนกระดาษในมือของนาง
ฮูหยินผู้เฒ่าถามด้วยความโกรธว่า “นั่นอะไร ? ”
บ่าวรับใช้หนุ่มตอบว่า “ภาพวาดที่ท่านใต้เท้าให้บ่าวรับใช้คนนี้ไปเอามาขอรับ”
ความโกรธของฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด ! โดยไม่พูดอะไรอีก นางดึงม้วนกระดาษแล้วฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยไม่แม้แต่จะมอง
เนื่องจากของตกแต่งที่เป็นหยกมีราคาแพงและไม่สามารถถูกทุบได้ นางจึงฉีกภาพวาดเพื่อระบายความโกรธของนาง
อย่างไรก็ตามหลังจากภาพวาดนั้นถูกฉีกออกไปพร้อมกับความตกใจบนใบหน้าของบ่าวรับใช้ เฮ่อจงนำคนแก่คนหนึ่งเข้าไปหาฮูหยินผู้เฒ่า จากนั้นนางก็ได้ยินว่าเฮ่อจงพูดว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ใต้เท้าเฟิงซื้อภาพวาดที่ร้านสมบัติที่ยอดเยี่ยม และแจ้งให้เจ้าของร้านมาเก็บเงินที่คฤหาสน์ขอรับ”
TN: เรือนเทียนเซียงเป็นสำนวนหมายถึงหญิงสาวที่งดงาม