ตอนที่ 721 ความรักอยู่ในอากาศ
ในอดีตชวนเทียนหมิงไม่เคยคิดว่าความรักมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง ก่อนที่เขาจะพบเฟิงหยูเฮง เขาไม่เคยชอบผู้หญิง ไม่ว่าพวกนางจะเป็นหญิงวัยกลางคนหรือหญิงสาวที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาไม่เคยชายตามองพวกนาง นอกจากพระชายาหยุนหรือองครักษ์หญิงเช่นหวงซวนและวังซวน เขาเกลียดที่ไม่สามารถทําร้ายคนเหล่านั้นและเตะพวกเขาไปไกลๆ
แต่ตั้งแต่เขาพบเฟิงหยูเฮง มันก็เหมือนกับว่าเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าเขาจะยังคงรังเกียจผู้หญิง แต่มันก็แตกต่างกับผู้หญิงคนนี้ เขาชอบเฟิงหยูเฮง ความรู้สึกนี้เติมเต็มจิตใจเขา เขาชอบนางมากจนเขาเกลียดที่เขาไม่สามารถเก็บนางคนนี้ไว้ข้าง ๆ ตลอดเวลา ในขณะที่เขาไม่ต้องการแยกจากกันแม้แต่น้อย
ฉากที่สวยงามนี้ทําให้โลกสูญเสีย แม้แต่เสือขาวตัวน้อยบนพื้นก็หันกลับมามอง สัตว์ในป่าก็หยุดร้อง ลมก็หยุดพัด ราวกับว่าทุกอย่างกําลังเปิดทางแก่พวกเขา
ในท้ายที่สุดมันคือเฟิงหยูเฮงที่มีเหตุผลมากกว่า หลังจากช่วงเวลานี้นางจ้องที่ชวนเทียนหมิง และกล่าวว่า “เจ้าโชคดีมาก”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า “แน่นอน เจ้าคือชายาของข้า ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะเป็นของข้า” เขาหันหลังให้และกอดนางจากด้านหลัง พวกเขายืนอยู่บนยอดเขา ตรงหน้าของพวกเขาเป็นหน้าผาที่สูงชันมาก “เจ้ากลัวหรือไม่ ? ”
เฟิงหยูเฮงส่ายหน้า “ข้าไม่กลัวเพราะข้ารู้ว่าแม้ว่าข้าจะตกลงไป เจ้าก็จะช่วยข้าได้อย่างแน่นอน นั้นเป็นสาเหตุที่ข้าไม่กลัว”
เสือขาวตัวน้อยที่เท้าของพวกเขาขยับออกไปเล็กน้อย และใช้การกระทําเพื่อบอกทั้งสอง เจ้าสองคนอาจไม่กลัว แต่ข้ากลัว !
ชวนเทียนหมิงกอดนางแน่น แล้ววางคางบนหัวของนาง กลิ่นของเส้นผมของนางทําให้เขารู้สึกว่าทุกสิ่งในโลกได้รับการเติมเต็ม
“ไม่ว่าเราจะมาจากที่ไหน อายุ 14 ปียังไม่ถือว่าเป็นผู้ใหญ่” เฟิงหยูเฮงไม่รู้ว่าสิ่งนี้มาจากไหน ในขณะที่นางเริ่มพูดคุยกับชวนเทียนหมิงเกี่ยวกับกฎของชีวิตในอดีตของนาง “เจ้ารู้หรือไม่ ? การอายุแต่งงานเมื่ออายุ 15 เป็นบางสิ่งบางอย่างจากสมัยโบราณ ในโลกสมัยใหม่ บางคนอาจจะแต่งงานหลังจากอายุ 18 ปี และผู้หญิงเต็มใจที่จะแต่งงานในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ เท่านั้น หากผู้ชายแต่งงานกับเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือฝ่าฝืนจะถูกจัดการโดยกฎหมาย”
ชวนเทียนหมิงพบว่าสิ่งนี้น่าสนใจที่จะฟัง เขาไม่ได้สนใจกฎหมายที่นางพูดถึง เขาอยากรู้มากขึ้นเกี่ยวกับการพูดของสมัยโบราณและยุคปัจจุบัน และเขาอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “สําหรับเจ้าแล้ว สิ่งที่ทันสมัยและโบราณคืออะไร ? ปัจจุบัน ? แล้วเมื่อไหร่หรือยุคสมัยใหม่ ในอนาคตหรือ ? เจ้าจะรู้เกี่ยวกับอนาคตได้อย่างไร ?”
ลมพัดมาปะทะกับใบหน้าของเฟิงหยูเฮง นางยิ้มและกว่าวว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าเดา เจ้าจะไม่เชื่ออย่างแน่นอน”
ชวนเทียนหมิงพยักหน้า “ใช่”
“แต่ถ้าข้าพูดบางอย่างผิดปกติมากขึ้น เจ้าก็จะเชื่อมันจะน้อยลง ซวนเทียนหมิงไม่ต้องรีบ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะบอกทุกอย่างกับเจ้า ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะไม่กลัวในเวลานั้น และไม่คิดว่าข้าเป็นสัตว์ประหลาด”
คนที่อยู่ข้างหลังนางหัวเราะ “มิติของเจ้านั่นข้าเห็นแล้ว มีอะไรที่น่ากลัวไปกว่านี้อีกหรือ ?” หลังจากคิดไปเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าท่านปู่ของเจ้าก็คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ใช่หรือไม่ ?”
“ใช่ ท่านปูคุ้นเคยกับมัน” เฟิงหยูเฮงบอกเขาว่า “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ข้ายังคิดไม่ออกว่า ข้าควรจะบอกเจ้ายังไง รวมถึงมิตินั้นด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งผิดปกติบางอย่างที่ข้าไม่ได้คิด แต่มัน เป็นแค่เรื่องของเวลา ไม่ต้องกังวล” ตั้งแต่กระสุนปืนปรากฏขึ้นในมิติของนาง เมื่อนางพบพื้นที่เพิ่มใต้พื้นกระดาน นางได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา นางได้ตรวจสอบมิติทั้งหมดแล้ว และมีอาวุธที่นางไม่ได้วางไว้ในนั้น แต่ถูกนํามาด้วย นางไม่รู้ว่าทําไมหรือเมื่อมันเริ่มที่พื้นที่พิเศษปรากฏ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับมิติเป็นเรื่องใหญ่ นางจะต้องทําการตรวจสอบอีกครั้ง
แน่นอนชวนเทียนหมิงไม่รีบร้อน เขาเพียงแน่วแน่ที่จะสํารวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับชายาคนนี้ “เจ้าพูดถูก มันเป็นเพียงเรื่องของเวลา ไม่ช้าก็เร็วข้าจะสามารถเข้าสู่โลกของเจ้าและไปดูได้”
นางยิ้ม “ข้าอยากกลับไปดูอีกครั้ง” หันกลับมามองนางจากชีวิตที่ผ่านมาของนาง ทําไมนางถึงเสียชีวิต ? ใครเป็นคนวางระเบิดครั้งนั้นบนเฮลิคอปเตอร์ ?
เมื่อซวนเทียนหมิงจากไป เขาได้เตรียมการเล็กน้อย เขามีขวดสุราที่เขาเอามาด้วย ทั้งสองบนพื้นดินและเฟิงหยูเฮงดึงเสือขาวตัวน้อยมากอด รับขวดสุราจากชวนเทียนหมิง ทั้งสองเริ่มดื่ม เมื่อพวกเขาดื่มมากขึ้นคําพูดก็เริ่มมากขึ้น ชวนเทียนหมิงพูดบางสิ่งที่เขาอยากจะพูดเสมอ “ ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ค่อยความสุขมาก”
เฟิงหยูเฮงถือขวดสุราไว้สักพักแล้วก็หยุด นางยังคงดื่มแล้วส่งมันกลับไปที่ชวนเทียนหมิง โดยกล่าวพร้อมกับยิ้มขมขืน “สิ่งใดที่จําเป็นที่จะต้องมีความสุข ? เจ้ารู้หรือไม่ มีหลายครั้งที่ข้าไม่ต้องการดูแลญาติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด พวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้ข้า และพวกเขายืนยันที่จะทําให้ข้าโกรธ มีกี่ครั้งที่ข้าต้องการยกมือของข้าขึ้นมาและตบพวกเขาสองสามครั้ง แต่ข้ายังคงใจอ่อนใน นาทีสุดท้าย ข้าจัดการเชิงเฉินหยูและเฟิงจินหยวนได้เพราะสมัยก่อนเฟิงจินหยวนเพราะความเกลียดชังเช่นกัน แต่เหยาชื่อ นางคือแม่ของข้า ถ้าข้า… ข้ากลัวว่าข้าจะกระตุ้นความโกรธของสวรรค์ใช่หรือไม่ ? ”
“เหยาซื้อบอกว่าเจ้าไม่ใช่บุตรสาวของนาง แต่อาเฮง นอกจากเหยาชื่อไม่มีใครในโลกนี้ที่จะบอกว่าเจ้าไม่ใช่ ในท้ายที่สุด… เจ้าก็ยังเป็นเจ้า”
นางเงยหน้าขึ้นมองเขา และพวกเขาสบตา หลังจากนั้นไม่นานนางก็ถามว่า “ถ้าข้าบอกว่าข้าไม่ใช่ เจ้าจะทําอะไร ?”
ชวนเทียนหมิงหัวเราะ “ไม่ว่าเจ้าจะเป็นหรือไม่ มันไม่เกี่ยวข้องกับข้า คนที่ข้าต้องการไม่ใช่บุตรสาวคนที่สองของตระกูลเฟิง ข้าไม่ต้องการบุตรสาวของเหยาชื่อ คนที่ข้าต้องการคือเจ้า นั่นคือทั้งหมด”
รอยยิ้มของนางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และดวงตาของนางก็เปล่งประกาย มันถูกผลักลงอย่างรวดเร็วมาก “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ทําเหมือนว่าข้าไม่ใช่ ! ท่านแม่ของข้าไม่ยอมรับข้า ดังนั้นข้าจะให้คําอธิบายอะไรอีก แต่… ซวนเทียนหมิง แม้ว่าข้าจะบอกว่าเจ้าจะไม่เข้าใจ ข้าไม่ใช่เฟิงหยูเฮง แต่ข้าเป็นบุตรสาวของนาง นางไม่เข้าใจ เจ้าไม่เข้าใจ ในโลกนี้มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าใจ แต่ถ้าข้าเข้าใจ ใครจะเชื่อล่ะ ?”
นางดื่มมากเกินไปและพูดสิ่งต่าง ๆ เป็นจํานวนมากอย่างงุนงง ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับความเศร้าโศกที่เหยาชื่อได้สร้าง ในตอนท้ายนางก็หลับไป ซวนเทียนหมิงดึงนางกลับมาสู่อ้อมกอดของเขา แต่ไม่รีบพานางกลับมา เขาอุ้มนางแบบนี้ขณะที่มองไปที่หน้าผา มองออกไปไกลพวกเขาดูเหมือนคู่รักที่ฉลาด และจะได้รับความชื่นชมมาก
เมื่อเฟิงหยูเฮงตื่นขึ้นมาก็ถึงรุ่งเช้าอีกวันแล้ว นางเพิ่งรู้สึกว่านางถูกกอดแน่น ๆ และผ้าห่มหนา ๆ ก็คลุมไว้ นางถูกกอดแน่นมาก นางปวดหัวเล็กน้อย แม้กระนั้นนางก็ยังไม่พอที่จะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน ดังนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นและเห็นชายที่กอดนางไว้ตลอดเวลา
เขาไม่ได้นอนทั้งคืน แต่เขาดูเหมือนจะไม่เหนื่อย มีน้ําค้างเล็กน้อยที่ปรากฏบนขนตาของเขา และมันก็เป็นภาพที่น่าพอใจมาก
เฟิงหยูเฮงหัวเราะ “ดูงดงาม”
อย่างไรก็ตามซวนเทียนหมิงกล่าวว่า “ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้ว ถ้าเจ้าไม่ตื่น ข้าเป็นห่วงว่าเจ้าจะแข็งตายแล้ว” ในขณะที่เขาพูดเขาดึงนางขึ้นมาจากพื้น ในขณะที่ช่วยนางจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบ เขาถามว่า “เจ้ารู้สึกไม่สบายหรือไม่ ? เจ้าหนาวไหม ?”
เฟิงหยูเฮงส่ายหัว “ข้าไม่หนาว เจ้ากอดข้าฉันแน่น ข้าจะหนาวได้อย่างไร”
แต่เขาก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดี “ไม่ว่าอากาศจะดีแค่ไหนอากาศก็ยังเย็น กลางฤดูใบไม้ร่วงไม่เหมือนฤดูร้อน จุดสูงสุดนี้ก็สูงมาก ขณะที่เจ้านอนหลับ ข้าไม่กล้าแม้แต่จะพาเจ้าลงจากภูเขา” ขณะ ที่เขาพูดเขาชี้ไปที่เสือขาวตัวน้อยที่กําลังหลับอยู่ “ดูเจ้านั่นสิ ข้าไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด”
เฟิงหยูเฮงยิ้มและอุ้มเสือขาวตัวน้อยขึ้นมา เมื่อเสือขาวตื่นขึ้นมันก็หาวแล้วมองไปที่ชวนเทียนหมิง มันไม่มีความสุขเลย มันขยับเข้าไปใกล้เฟิงหยูเฮงมากขึ้น
“มันคงจะหนาว” เฟิงหยูเฮงกล่าวขณะที่ลูบหลังเสือขาวตัวน้อย “แต่ด้วยขนเสื้อหนา เช่นนี้มันจะรู้สึกหนาวจริงหรือ ? มันเป็นเด็กที่นิสัยเสียจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่านางสบายดี ชวนเทียนหมิงไม่ได้อยู่ที่นี่ต่อไป นําม้ามา เขาพาชายาของเขาลงมาจากภูเขา อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงเอื้อมมือไปที่แขนของนางแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นนําถุงขนาดใหญ่ออกมา “เมื่อเจ้ากลับไป ให้ของในถุงนี้ต้มกับน้ําอุ่นครึ่งถ้วย มันจะป้องกันการเป็นไข้”
ซวนเทียนหมิงไม่เข้าใจ “มีไข้หรือ ?”
“เป็นสิ่งที่เจ้าจะเรียกว่าหนาว” นางอธิบาย “ยานี้มีการใช้ป้องกัน เจ้าได้สัมผัสกับความหนาวเป็นเวลาหนึ่งคืน มันจะดีที่สุดถ้าเจ้าไม่เป็นหวัด”
ซวนเทียนหมิงพยักหน้า และไม่ได้ถามอะไรอีก เขาแค่เตือนนางว่า “อย่าลืมว่าเจ้าสัญญากับเสด็จแม่ว่าเจ้าจะให้พบท่านปู่ของเจ้า ข้ากลัวว่านางจะจํามันและหมดความอดทนก่อนที่จะสร้างปัญหาอีกครั้ง”
การพูดถึงพระชายาหยุนที่จะสร้างปัญหา เฟิงหยูเฮงได้ประสบกับมันเป็นการส่วนตัว ดังนั้น นางจึงรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ลืม ข้าจะไม่ลืม ข้าจะให้พวกเขาพบกันในช่วงงานเลี้ยงของเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง แต่เจ้าก็รู้ว่าเกิดเรื่องของหลู่เหยา ในท้ายที่สุดนั่นคือลูกสะใภ้ของตระกูลเหยา การพูดของตระกูลเหยานั้นอยู่ท่ามกลางงานศพ มันไม่เหมาะสมที่จะไปเยี่ยมฮองเฮาหรือพระชายาหยุน”
ชวนเทียนหมิงรู้สึกว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผล และกล่าวว่า “รออีกหน่อย ในไม่ช้าข้าจะต้องเข้าไปในพระราชวัง และจะนําเรื่องนี้ไปบอกเสด็จแม่ นั่นจะป้องกันไม่ให้นางคิดว่าเราลืม”
หลังจากทั้งสองกลับเมืองหลวง ชวนเทียนหมิงส่งเฟิงหยูเฮงที่หน้าคฤหาสน์ขององค์หญิงแล้ว เข้าไปในพระราชวัง
เฟิงหยูเฮงยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ และดูเขาจากไป จากนั้นนางหันหลังกลับ และเตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่คฤหาสน์ แต่เมื่อนางหันหลังกลับมีทหารยามคนหนึ่งเดินมา และบอกกับนางอย่างเงียบ ๆ ว่า “องค์หญิง ดูนั่นขอรับ !”
“หืม ? ” เฟิงหยูเฮงรู้สึกนงงเล็กน้อยแล้วหันหน้าไปตามนิ้ว จากนั้นนางก็พบว่ามีก้อนอะไรแปลก ๆ ขดตัวอยู่ใกล้กับทางเข้า “นั่นคืออะไร ? ” นางไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ และยังมีแอลกอฮอล์อยู่ในเลือดของนาง ชั่วครู่หนึ่งนางไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนเกินไป
ทหารยามบอกนางว่า “คนขอรับ”
“คนหรือ ? เป็นขอทานหรือไม่ ? ” นางก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกําลังจะถามบุคคลนั้นว่าพวกเขามีปัญหาหรือไม่ หรือเขาไร้ที่อยู่อาศัย ทําไมเขาต้องขดตัวต่ออยู่หน้าคฤหาสน์ขององค์หญิงจีอัน
แต่ทหารรักษาการณ์บอกกับนางว่า “ไม่ใช่ขอทาน แต่เป็นนายท่านเฟิงขอรับ”
เฟิงหยูเฮงพูดไม่ออก เฟิงจินหยวน ? เกิดอะไรขึ้นถึงทําให้เขาวิ่งมาที่นี่และแสร้งทําเป็นคนน่า สงสาร “ถ้าไม่ใช่ขอทาน ให้เขาอยู่ที่นั่น ! ” หลังจากพูดจบนางจึงเดินเข้ามาในคฤหาสน์
อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนตื่นขึ้นในเวลานี้ มองขึ้นไป เขาเห็นเฟิงหยูเฮงและตะโกนเรียกทันที “อาเฮง! เจ้าต้องช่วยข้า! อาเฮง เจ้าต้องช่วยสนับสนุนข้า!” เฟิงจินหยวนร้องไห้ขณะคลานไปที่เท้าของเฟิงหยูเฮงอย่างรวดเร็ว การกระทําของเขายิ่งแย่ไปกว่าคนขอทาน มันทําให้ผู้คนที่เดินบนถนนมองไปในทิศทางของพวกเขา
เฟิงหยูเฮงโกรธมาก “เฟิงจินหยวน เจ้ากําลังทําอะไร ? ลุกขึ้น !”
“ข้าจะไม่ทํา !” เชิงจินหยวนมีความแน่วแน่อย่างมากในการปฏิเสธ “ถ้าเจ้าปฏิเสธที่จะช่วยข้า ข้าจะไม่ลุก !”
นางทําอะไรไม่ถูก “ข้าไม่สามารถรักษาอาการปวยนั้นได้ อย่าหวังเลย”
ไม่ใช่ ! มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น !” เฟิงจินหยวนเอื้อมมือไปกอดขา “ข้าไม่ได้ขอให้เจ้ารักษาอาการป่วยของข้า ข้าแค่ ข้าแค่ไม่มีที่ไป หากเจ้าทิ้งข้าไป ข้าจะถูกทิ้งไว้บนถนน”