10 นาที…
ครึ่งชั่วโมง…
เจ้าหัวโตกระโดดเร่าๆ ด้วยความโกรธ และระหว่างที่มันโกรธสภาพของมันก็อนาถขึ้นเรื่อยๆ…
มันคิดว่าตัวเองวางแผนรอบคอบมากแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะยังมีเรื่องที่มันคาดไม่ถึงอยู่อีก
อย่างเช่น ความสามัคคีของซอมบี้พวกนี้!
ทั้งที่มีซอมบี้ 2 – 3 ตัว แต่พอเริ่มเคลื่อนไหวกลับเหมือนมีซอมบี้เพียงตัวเดียว!
พอมันหันไปสนใจซอมบี้ตัวใดตัวหนึ่งในนั้น การโจมของอีกตัวก็พุ่งมาถึงตัวแล้ว
ไม่มีเวลาพักหายใจ กระทั่งไม่มีโอกาสในการโต้กลับเลยด้วยซ้ำ!
สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ มันไม่มีแม้แต่โอกาสในการแสดงพลังกล่อมประสาทเลยแม้แต่น้อย!
เหล่าพวกเดียวกันที่ระดับต่ำกว่ามัน กลับร่วมมือกันเล่นงานมันอย่างสามัคคี!
ศักยภาพร่างกายของมันเหนือกว่าพวกเดียวกันกลุ่มนี้มาก ดังนั้นพวกเธอจึงหลีกเลี่ยงการต่อสู้ระยะประชิด
ซอมบี้ 2 – 3 ตัวก่อกวนมันอยู่ในระยะใกล้ๆ ส่วนอีกตัวหนึ่งก็ใช้อาวุธของมนุษย์โจมตีมันจากที่ไกลๆ
นี่มันไม่ใช่วิธีการต่อสู้ของซอมบี้ซักนิด! ไหนล่ะความเป็นซอมบี้ของพวกแก!
มันมีความสามารถในการกล่อมประสาท แต่ซอมบี้พวกนี้กลับเล่นงานมันอยู่นอกพื้นที่นั้น!
ก่อนหน้านี้ ตอนที่มันทดสอบพวกหลิงม่อ หลิงม่อได้คำนวณพื้นที่ที่ฤทธิ์กล่อมประสาทมีผลแล้ว
หากเป็นคนทั่วไปอาจยากที่จะคำนวณระยะทางนี้ได้ แต่สำหรับเหล่าซอมบี้ที่สามารถอาศัยสายสัมพันธ์ทางจิตของหลิงม่อมันกลับเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก…
ในด้านความอัปยศที่ได้รับในระหว่างการต่อสู้ เจ้าหัวโตถือว่าน่าอนาถกว่าเจ้าซอมบี้นกมาก
ซอมบี้นกยังสามารถทรมานหุ่นซอมบี้ที่หลิงม่อควบคุมได้ แต่เจ้าหัวโตกลับไม่มีโอกาสเข้าใกล้พวกหลิงม่อได้เลยแม้แต่นิดเดียว…
“ยิ่งเป็นซอมบี้กับสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่มีจุดเด่นในด้านใดด้านหนึ่งชัดเจน จุดอ่อนของมันก็จะยิ่งชัดเจนด้วย ถ้าเป็นอย่างเจ้าซอมบี้นกกลับรับมือยากกว่าหน่อย…” หลิงม่อพักฟื้นพลังจิตอยู่อีกทางหนึ่ง พลางวิเคราะห์ไปด้วย
การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสดีสำหรับเหล่าสาวๆ ซอมบี้ที่เพิ่งผ่านการอัพเกรดพลังมาหมาดๆ
และสำหรับหลิงม่อ เขาก็ได้ประโยชน์ไม่น้อยเหมือนกัน
ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้า “วิกผม” เจ้าซอมบี้นกและเจ้าหัวโตฝืนอัพเกรดด้วยการเพาะเลี้ยง พลังระดับซอมบี้ราชาในตัวพวกมัน อาจเป็นไปได้มากกว่าจะสู้พวกเย่เลี่ยนที่เพิ่งก้าวข้ามมา
แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ถือว่ามันมีประโยชน์ในด้านตัวอย่างเปรียบเทียบมากทีเดียว
หลิงม่อค้นพบแล้วว่า การอัพเกรดด้านศักยภาพด้านร่างกายของซอมบี้ราชา หลักๆ แล้วคือพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง ส่วนเรื่องความเร็วและพละกำลังนั้นเป็นเรื่องรองลงมา ลักษณะเด่นสำคัญอีกเรื่องก็คือ การกลายพันธุ์ที่ชัดเจนขึ้น
เหมือน “กล้องสลับลาย” ของเย่เลี่ยน ตอนนี้อาจยังไม่เป็นรูปเป็นร่างมากนัก แต่เมื่อถึงระดับซอมบี้ราชาจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆ
ดังนั้นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซอมบี้ราชา จึงอยู่ที่ความสามารถกลายพันธุ์ของพวกมัน
ทว่าความสามารถนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างเจ้าหัวโต ความจริงความสามารถในการกล่อมประสาทของมันแกร่งมาก แต่จุดอ่อนของมันก็ชัดมากเช่นเดียวกัน ความสามารถกลายพันธุ์อย่างนี้ความจริงเหมือนซี่โครงไก่ (鸡肋 ซี่โครงไก่ เปรียบเทียบบางสิ่งที่ครึ่งๆ กลางๆ เหมือนซี่โครงไก่ที่จะกินก็มีเนื้อน้อย จะทิ้งก็เสียดาย)
แม้จะเป็นความสามารถกลายพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่หากเอาออกมาใช้ไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์!
แต่ในด้านพลัง หากเหล่าซอมบี้สาวแยกตัวกัน พวกเธอล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหัวโต
แต่เมื่อพวกเธอรวมตัวกันและต่อสู้ไปด้วยกัน เจ้าหัวโตก็ต้องพบกับความลำบาก
เพราะมันไม่เคยถูกรุมอย่างนี้มาก่อน!
และเมื่อพวกเธอร่วมมือกัน ความแตกต่างเรื่องพลังก็ลดลงทันที!
สิ่งที่ตัวหลิงม่อเก่งที่สุด คือเรื่องพลังจิต
แต่สิ่งที่เป็นไม้ตายสุดยอดของเขา คือพลังควบคุมหุ่น!
เมื่อมีเขาเป็นจุดศูนย์กลาง การเคลื่อนไหวของเหล่าซอมบี้สาวก็จะเป็นหนึ่งเดียว ราวกับว่าพวกเธอได้กลายเป็นคนคนเดียวกัน
จำนวนคน การร่วมมือกัน เมื่อสองสิ่งนี้รวมกัน เจ้าหัวโตจึงถูกกำราบไว้ได้อย่างสมบูรณ์!
ทว่าหากมีแต่การโจมตีจากพวกเดียวกัน เจ้าหัวโตก็ยังอดทนไปได้อีกนาน ไม่แน่อาจหาโอกาสหนีได้ด้วย
แต่หลังจากที่หลิงม่อพักฟื้นเพียงครู่เดียว เขากลับวิ่งมาร่วมวงทันที!
พอเจ้าหัวโตได้กลิ่นหลิงม่อกำลังใกล้เข้ามา ก็สติแตกทันที
เจ้ามนุษย์สารเลวนั่นยังกล้าเข้ามาอีก!
แต่เห็นชัดว่าหลิงม่อไม่ได้คิดจะเข้ามาใกล้ พอเขาหาดวงแสงแห่งจิตของเจ้าหัวโตเจอ เขาก็หยุดอยู่กับที่
กลับเป็นเจ้าหัวโตที่เผยช่องโหว่เพราะการปรากฏตัวของหลิงม่อ จนถูกยิงเข้าที่ขาอีกครั้ง
พอเห็นเจ้าหัวโตได้รับบาดเจ็บ หลิงม่อรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ทันที
พลังบีบรัดดวงจิต!
ถ้าหากอยู่ในสภาวะปกติ การโจมตีด้วยพลังจิตของหลิงม่อต้องใช้ไม่ได้ผลกับซอมบี้ราชาแน่นอน
ส่วนเรื่องคิดจะควบคุมมัน ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเลย
แต่ในสภาวะบาเจ็บ คลื่นดวงจิตของเจ้าหัวโตจะรุนแรงขึ้น ส่งผลให้พลังบีบรัดของหลิงม่อมีประสิทธิภาพที่ไม่เลว
มันร้องครวญครางเสียงดัง และเกิดอาการหน้ามืดไปชั่วขณะ
และภายใต้สถานการณ์ที่เหล่าซอมบี้สาวกำลังจับจ้องมันอยู่ ช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนี้ก็มากพอที่จะทำให้มันถูกรุมโจมตีอีกครั้ง…
เมื่อมันได้รับบาดเจ็บ หลิงม่อก็สร้างหนวดสัมผัสทางจิตขึ้นมาได้ทันใช้พลังบีบรัดเป็นครั้งที่ 2 พอดี…
พอมีหลิงม่อเข้ามาร่วมด้วย แก๊งค์ซอมบี้ก็เหมือนมีจุดศูนย์กลางที่ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และสิ่งที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ก็คือระดับความน่าอนาถของเจ้าหัวโต
“ซอมบี้ราชาฆ่ายากเหมือนที่คิดไว้จริงๆ แผลถูกยิงแผลแรกเริ่มสมานตัวกันแล้ว เลือดบนบาดแผลที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บก็หยุดไหลแล้ว…”
ตามหลักแล้วหากได้รับบาดเจ็บมากขนาดนี้ แค่เสียเลือดมากก็ตายได้แล้ว แต่พลังฟื้นตัวอันยอดเยี่ยมของซอมบี้ราชา กลับทำให้เจ้าหัวโตยังสามารถดิ้นรนมีชีวิตรอดต่อไปได้
แต่หลิงม่อก็ไม่ได้ตั้งใจจะฆ่ามันทั้งอย่างนี้อยู่แล้ว…
“โครม!”
เมื่อเจ้าหัวโตถูกยิงอีกครั้งจนล้มลงบนพื้น หลิงม่อที่เหงื่อไหลท่วมหน้าผากก็รีบฉวยโอกาสลงมือทันที
หลังใช้พลังบีบรัดดวงจิต หนวดสัมผัสอีกเส้นก็พุ่งตามออกไป
จังหวะที่คลื่นดวงจิตของเจ้าหัวโตเกิดความผิดปกติ หนวดสัมผัสเส้นนี้ก็พุ่งแทงเข้าไปในดวงแสงแห่งจิตของมัน
คลื่นดวงจิตอันรุนแรงทำให้หลิงม่อรู้สึกปวดหัวจนแทบระเบิด แต่ที่เขาทำมาทั้งหมด ก็เพื่อรอเวลานี้!
กลืนกิน!
การถูกดูดกลืนพลังจิตออกไปทั้งเป็น ทำให้เจ้าหัวโตเบิกตาโพลง และกรีดร้องอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส
ความทรมานที่มาจากด้านดวงจิต แม้แต่สัญชาตญาณกระหายเลือดและบ้าคลั่งของซอมบี้ก็ไม่อาจต้านทานได้
ท่ามกลางความทรมาน สัญชาตญาณต่อต้านของเจ้าหัวโตก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า ขณะเดียวกันภาพมากมายก็ได้ไหลผ่านสมองของหลิงม่ออย่างต่อเนื่อง…
พลังงานทางจิตของซอมบี้ตัวนี้มากกว่าซอมบี้ส่วนใหญ่จริงๆ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลักที่หลิงม่อต้องการกลืนกินมัน เหตุผลที่แท้จริงก็คือ หลิงม่ออยากทำความเข้าใจให้แน่ชัด ว่าจะสามารถควบคุมทิศทางในการกลายพันธุ์ของซอมบี้ได้อย่างไร…
เขาถามได้ความคร่าวๆ แล้ว แต่ก็ไม่อาจพลาดรายละเอียดเล็กๆ ไปได้เหมือนกัน
สิ่งที่เห็นในความทรงจำระหว่างใช้พลังกลืนกิน อาจไม่ใช่ความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่อาจเป็นภาพเหตุการณ์ที่ทำให้สะอิดสะเอียนและชวนคลื่นไส้เสียมากกว่า
โดยเฉพาะซอมบี้สัตว์ป่าที่ผ่านการฆ่ามานับครั้งไม่ถ้วน เวลาใช้พลังกลืนกินกับมันย่อมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
แต่ขอแค่มีโอกาสแม้เพียงน้อยนิด หลิงม่อก็จะไม่มีทางปล่อยผ่านเด็ดขาด…
ในเขนพื้นที่สีเขียว เย่เลี่ยนลงปืนลง
เธอหันกลับไปมองสวี่ซูหาน แล้วก็พบว่าเธอกำลังยกมือปิดปากอยู่ ดูเหมือนว่าจะตกใจกับเสียงกรีดร้องของเจ้าหัวโต
“ไม่…มีซอมบี้…ถูกดึงดูดมาหรอก” เย่เลี่ยนบอก
“ฉันไม่ได้กลัวเรื่องนั้น…” สวี่ซูหานส่านหัว สีหน้ายังคงตื่นตะลึง
ซอมบี้กรีดร้องอย่างนี้เป็นด้วยหรอ?
พวกมันไม่เกรงกลัวสิ่งใดไม่ใช่หรอ…
หรือเสียงนั้น เกิดจากฝีมือของหลิงม่อ?
สำหรับสวี่ซูหาน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้มีแต่ปริศนาลึกลับ
แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธอรู้ดี คือเรื่องที่ว่าหลิงม่อเป็นคนทำให้พวกเธอหลุดจากสถานการณ์ลำบาก และก็เป็นเพราะหลิงม่อ เธอถึงยังไม่กลายร่างเป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์…
ไม่ว่าหลิงม่อจะทำอย่างนั้นได้ด้วยวิธีไหน เธอรู้ว่ามันต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่นอน…
เมื่อกลืนกินไปเรื่อยๆ พลังจิตที่สูญเสียไปของหลิงม่อก็เริ่มได้รับการเต็มเต็ม เจ้าหัวโตก็เริ่มสงบนิ่งไม่ดิ้นพล่านอีกต่อไป ดวงตาสีม่วงจ้องมองเพดานอย่างเลื่อนลอย ร่างกายกระตุกสั่นเป็นพักๆ
ในที่สุด ซอมบี้ราชาที่เห็นหลิงม่อเป็นหนูก็ถูกเล่นงานจนตายทั้งเป็น
“พรึ่บ!”
ซย่าน่ายกเคียวดาบขึ้นและฟันลงไป แล้ววัตถุประกายสีม่วงก็ร่วงลงกลางฝ่ามือของเธอ
“นี่คือไวรัสนางพญาของซอมบี้ราชา…”
หลิงม่อยัดไวรัสนางพญาสีม่วงก้อนนี้ใส่ถุงถนอมอาหารทันทีที่รับมาจากมือซย่าน่า
หากกลิ่นนี้กระจายออกไป เหล่าซอมบี้ที่เดิมไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะหวาดกลัวพวกนั้นอาจถูกดึงดูดเข้ามา
ทว่าแม้จะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาที หลิงม่อก็ยังได้กลิ่นหอมหวนของเชื้อไวรัสเข้มข้นนั่น
เขาเอาไวรัสนางพญาของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ก้อนนั้นออกมา แล้วยกขึ้นไว้ข้างๆ กันเพื่อเปรียบเทียบ
นางพญาสองก้อนนี้ มีสิ่งที่แตกต่างจากนางพญาที่หลิงม่อเคยได้เมื่อก่อนอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะนางพญาของซอมบี้ราชาที่มีสีม่วงแปลกตาทั่วทั้งก้อนอย่างนี้ ถึงแม้ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันกลับเหมือนอัญมณีบริสุทธิ์ที่แท้จริง ที่สามารถเปล่งประกายได้เมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์
“เจ้าหัวโตเพิ่งจะกินไวรัสนางพญาของเจ้าซอมบี้นก ดังนั้นนางพญาของมันก้อนนี้ก็เพิ่งผ่านการอัพเกรดมา ประสิทธิภาพต้องดีกว่าไวรัสนาพญาของพวกมันแยกกันแน่นอน…”
หลิงม่ออดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้ได้กำไรงามแล้ว…
ได้ไวรัสนางพญาระดับซอมบี้ราชาที่แตกต่างกันมาสองก้อน แล้วยังได้ข้อมูลลับเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของซอมบี้อีก…
—————————————————————————–