แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 738 ฉันสามารถโอบรอบตัวเองได้ถึงสองรอบ!

“ฮื่อ…”

ซอมบี้ตัวนั้นสะบัดหัวไปมาเบาๆ มันจ้องหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อเขม็ง ในสายตาของมัน เพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนี้เป็นซอมบี้ที่อยู่ระดับต่ำมาก ตามหลักแล้วไม่น่าจะมองแผนหลอกล่อศัตรูของมันออก เมื่อกี้มันได้ทำการท้าทายอย่างเต็มที่ในขอบเขตที่มันพอจะทำได้แล้ว ถึงอีกฝ่ายจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งของมัน แต่ก็น่าจะพุ่งตัวเข้ามาอย่างห้ามใจไม่ได้ถึงจะถูกสิ…แต่ตอนนี้มันอะไรกัน?

“ตกใจหรอ? ไม่เป็นไร แกใจเย็นๆ ก่อนก็ได้” หลิงม่อหันมองไปรอบๆ และไม่นานเขาก็เห็นสิ่งที่ตัวเองตามหาอยู่บนโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง

ซอมบี้ตัวนั้นเบิกตาโพลงจ้องหลิงม่อเดินไปทางนั้น และยื่นนิ้วมืออันบิดเบี้ยวออกไปจับแผ่นป้ายแผ่นนั้น

“อ้าว นึกว่าแกเป็นซอมบี้เจ้าเมืองซะอีก…” หลิงม่อกวาดอ่านผ่านๆ หนึ่งรอบ แล้วเขาก็เงยหน้ามองซอมบี้ตัวนั้นอย่างแปลกใจ

บนแผ่นป้ายแผ่นนั้นเขียนข้อมูลทุกด้านของซอมบี้ตัวนี้ไว้อย่างละเอียด หนึ่งในเนื้อหาที่ดึงดูดความสนใจของหลิงม่อได้ในทันทีคือข้อมูลเชิงสถิติที่อัพเดทตามเวลาจริง ความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในเลือดอยู่ที่ 47% ซึ่งตัวเลขนี้เป็นจำนวนที่มากกว่าข้อมูลทั้งหมดที่หลิงม่อเห็นในรายงานก่อนหน้านี้

“ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่า แกเป็นซอมบี้ราชา?” เห็นชัดว่าหลิงม่อถามไปอย่างนั้น เขาพูดได้ลื่นไหลขึ้นทีละนิดๆ ในขณะที่ซอมบี้ตัวนั้นก็ตะลึงหนักขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้มันนิ่งเป็นตอไม้ไปเรียบร้อยแล้ว

การที่สีหน้าอย่างนี้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของซอมบี้ระดับสูงนับว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่ซอมบี้สัตว์ป่าควรมีด้วย มันอาจจะถูกขังไว้ที่นี่มาเป็นเวลานานมากแล้ว หรือไม่ก็ถูกคนในทีมวิจัยเลี้ยงมา แต่หลิงม่อคิดว่าอย่างแรกน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะซอมบี้ระดับสูงไม่ได้เลี้ยงกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้น ถึงพวกทีมวิจัยรู้ว่าต้องใช้ก้อนเหนียวหนืดหรือไวรัสนางพญามาเลี้ยงซอมบี้ แต่พวกเขาไม่ได้มีเงื่อนไขที่จะเก็บรวบรวมของสองสิ่งนี้ได้ในจำนวนมาก

จับเป็นซอมบี้ เจาะเลือด…ภารกิจประเภทนี้ถูกประกาศออกไปอาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ลองเติมคำว่า “ควักสมอง” เข้าไปดูสิ? ก็เหมือนกับการแหวกไส้แหวกพุง สำหรับซอมบี้ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องที่ง่ายและปกติเหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก แต่สำหรับมนุษย์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแพทย์มาก่อน นี่เป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องควักสมองเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาเลย เพราะถึงอย่างไรโลกเราก็ไม่ได้มีโรคจิตมากขนาดนั้น…

หลิงม่อพลิกป้ายอ่าน แล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “อ้อ ที่แท้แกก็เป็นซอมบี้กลายร่างนี่เอง”

เขาฉีกยิ้ม แล้วหันไปมองซอมบี้ตัวนั้นอย่างตื่นเต้น ขณะเดียวกัน ในสายตาของซอมบี้กลายร่างตัวนั้น เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนี้ถึงแม้จะยังดูเหมือนกล้ามเนื้อใบหน้าตาย สีหน้าก็ประหลาดสุดๆ แต่ไม่รู้ทำไม จู่ๆ มันกลับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อนดีนัก

“เคร้งๆ…”

โซ่เหล็กสั่นไหวอีกครั้งเมื่อเจ้าซอมบี้ตัวนั้นขยับตัว มันเบิกตากว้างมองหลิงม่อเดินไปทางซ้ายของประตูห้อง แล้วหยิบกล่องเก็บยาฆ่าเชื้ออลูมิเนียมขึ้นมาหนึ่งกล่อง จากนั้นก็ค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาทางตัวเอง

“ฮื่อๆ…”

“ไม่เอาน่า พวกเขาปิดปากแกไว้ก็เพื่อจะให้นายเงียบๆ นะ ถึงร้องไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” หลิงม่อวางกล่องอลูมิเนียมบนพื้น แล้วเงยหน้าพูดอย่างจริงใจ

“ฮื่อๆ!”

“หมายเลข 101 ใช่ไหม? ฉันล่ะแปลกใจมากจริงๆ ทำไมถึงได้ตั้งชื่อให้แกด้วยเลขท้ายๆ อย่างนี้ล่ะ…หรืออาจจะเพื่อบ่งบอกถึงลักษณะพิเศษของแก?” น้ำเสียงของหลิงม่อฟังเหมือนพูดพล่ามไปเรื่อย แต่ในความจริงเขากำลังพยายามตีสนิทกับซอมบี้ตัวนี้อยู่ คิดดูอีกที มันก็เป็นเรื่องแปลก กลางค่ำกลางคืน เขากลับควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ลักลอบเข้ามาในห้องทดลองลับ จากนั้นก็มายืนพูดคุยไร้สาระกับซอมบี้ที่ถูกมัดอยู่…

เจ้า 101 ไม่ได้ร้องอีก เพราะหลิงม่อได้เปิดฝากล่องอลูมิเนียมออกแล้ว

“มีมีดผ่าตัดกับกระบอกฉีดยาเบอร์ใหญ่อยู่ในนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ แต่การที่เลื่อยสั้นมาอยู่ในนี้ด้วยมันดูไม่ค่อยเข้ากันนะ…” หลิงม่อหยิบเลื่อยด้ามนั้นออกมาดู จากนั้นเขาก็ถามขึ้น “นายว่างั้นไหม?”

เจ้า 101 กลอกตาไปมาเร็วๆ ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนี้ไม่เพียงไม่ใช่เหยื่อของมัน แต่มันกลับคิดจะหันมาล่าตัวเอง! หากเป็นในเวลาปกติ เพื่อนร่วมสายพันธุ์ระดับต่ำอย่างนี้แค่ใช้นิ้วจิ้มก็ฆ่าได้แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับถูกมัดแน่นจนเหมือนขนมเกลียว นอกจากปาก ก็ไม่มีอวัยวะส่วนไหนใช้การได้เลย!

พอเห็นหลิงม่อหยิบเลื่อยแล้วลุกขึ้นมา ในที่สุดเจ้า 101 ก็โพล่งออกมา “อะไรคือไม่เข้ากัน?”

“แกพูดได้คล่องดีนี่” หลิงม่อยิ้มแล้วกวาดตามองเจ้า 101 ขึ้นลง ถึงปากจะถูกโซ่เหล็กมัดไว้ แต่มันก็ยังอ้าปากได้ไม่มีปัญหา อย่างมากโซ่เหล็กก็ควบคุมมันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะถ้ามันคิดจะกัดคน ก็แสดงว่ามันก็ต้องพูดได้

“แก…เป็นตัวอะไรกันแน่?” เจ้า 101 สูดจมูกเพื่อดมกลิ่นอย่างหวาดระแวง ถึงแม้รอบกายของเพื่อนร่วมสายพันธุ์ตัวนี้จะมีแต่กลิ่นอายของซอมบี้ แต่มันก็ยังมีจุดผิดปกติอยู่มากมาย

“คำถามนี้ฉันต้องเป็นคนถามแกมากกว่า” หลิงม่อหมุนควงเลื่อยในมือ พลางพูดขึ้น

เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองจะสามารถขู่เจ้า 101 ได้จริงๆ แต่ตัวตนของหุ่นซอมบี้ของเขากลับเป็นระเบิดควันอย่างดีเลยทีเดียว

“ทำไมฉันต้องบอกแก?” เจ้า 101 กระพริบตาปริบๆ แล้วพูดขึ้น

ทว่าถึงอย่างไรมันก็เป็นซอมบี้ มันจึงไม่รู้จักเก็บสีหน้าเอาเสียเลย…เพราะการที่มันกระพริบตาถี่ๆ และทำสายตาคาดหวังอย่างนั้นได้บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่ามันกำลังคิดจะต่อรองกับหลิงม่อ

“แกตอบคำถามฉัน ฉันจะปล่อยแกออกไป” หลิงม่อบอก

เจ้า 101 เบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง มันขยับร่างกายอย่างรุนแรงอย่างเนื้อเต้น เสียงโซ่ตรวนกระทบกันดังเคร้งคร้างๆ “ดีเหลือเกิน! แสดงว่าแกก็หนีออกมาเหมือนกันหรอ?”

“นายตอบคำถามฉัน ไม่ใช่ตั้งคำถาม” หลิงม่อกลอกตาขาว ต้องบอกว่าเจ้า 101 สมองดีมาก มันแกร่งกว่าซอมบี้กลายร่างทั่วไปมากทีเดียว

เดี๋ยวก่อน…

หลิงม่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ แล้วสายตาที่มองไปทางเจ้า 101 ก็เปลี่ยนไปทันที

มีสติปัญญาที่สูงกว่าซอมบี้กลายร่างทั่วไป…หรือว่านี่จะเป็นซอมบี้ร่างแม่?

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ ซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้านี้อาจเป็นซอมบี้ร่างแม่ที่สร้างหมายเลข 1 ขึ้นมาก็ได้!

พอเห็นสายตาที่หลิงม่อมองมาทางตัวเองเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เจ้า 101 ก็ขยับร่างกายท่อนบนที่ไร้ซึ่งท่อนแขนเล็กน้อย แล้วถามอย่างคาดหวังว่า “เจ้าชั้นตะ…เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ แกอยากถามอะไรฉัน?”

“แกใช่ร่างแม่หรือเปล่า?” หลิงม่ออ้าปากถามทันที

“ร่างแม่…” เจ้า 101 ครุ่นคิด แล้วส่ายหน้า “แกดูไม่ออกหรอว่าฉันเป็นเพศผู้?”

“…ความผิดฉันเอง ฉันเปลี่ยนวิธีถามแล้วกัน พวกเขาขังแกไว้ที่นี่เพื่อเจาะเลือดแกใช่ไหม?” หลิงม่อถามอีกครั้ง

เจ้า 101 หลุบตาต่ำลงเล็กน้อย หลายวินาทีผ่านไป มันเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง สายโซ่ตรวนดังกระทบกันเคร้งคร้างอีกครั้ง “ไม่ใช่แค่เลือดนะ! พวกมันเจาะของเหลวทุกชนิดไปจากร่างกายฉัน ทุกชนิด! ทั้งเลือด ทั้งไขกระดูก ทั้ง…”

“เอาล่ะ! ฉันเข้าใจแล้ว!” หลิงม่อพูดแทรกทันที ถ้ายังปล่อยให้มันพูดต่อไป หูของเขาต้องถูกทำร้ายอย่างรุนแรงแน่ๆ

พอก้มลงมองเลื่อยในมืออีกครั้ง หลิงม่อก็ทำหน้าแหยงๆ พลางเลื่อนสายตาไปมองบริเวณต้นขาของเจ้า 101

เจ้า 101 อึ้ง พลันรีบหุบขาอย่างตกใจ “ไม่นะ ความจริงพวกนั้นเจาะตรงช่องท้อง…”

“ไม่ใช่ก็ดีแล้ว…” หลิงม่อถอนหายใจ

“แกดูแขนของฉัน แขนของฉันก็ถูกพวกมันตัดเหมือนกัน!” เจ้า 101 พูดอย่างโกรธแค้น

“หืม? พวกนั้นไม่ได้ทำไปเพื่อป้องกันแกหนีหรอกหรือ?” หลิงม่องุนงง

เจ้า 101 ส่ายหัว “ไม่ใช่! พวกนั้นเอาแขนของฉันไปแช่ไว้ในน้ำแข็งเก็บอย่างดี บางทีอาจคิดว่าหลังจากแช่เย็นแล้วจะอร่อยขึ้นล่ะมั้ง…เจ้าพวกมนุษย์น่าชัง”

“เอ่อ…ไม่หรอก ไม่มีใครอยากกินเนื้อของแกหรอก จริงๆ นะ” หลิงม่อพูดอย่างนึกขนลุก

“แกหมายความว่าไง? เห็นสภาพฉันเป็นอย่างนี้ แต่เมื่อก่อนเนื้อของฉันเป็นที่ต้องการมากนะจะบอกให้” เจ้า 101 ขุ่นเคือง

หลิงม่อพอจะเข้าใจแล้ว การต้องถูกใช้เป็นเครื่องผลิตเชื้อไวรัส ทำให้ร่างกายของเจ้า 101 เกิดปัญหาใหญ่หลวง การที่มันยังคงมีชีวิตอยู่ได้เป็นเพราะพลังฟื้นตัวอันแข็งแกร่ง แต่ความเสียหายแบบถาวรบางอย่างกลับไม่อาจเลี่ยงได้ อย่างเช่นสภาพผิวหนังที่เหี่ยวย่นของมันในตอนนี้

แต่หลิงม่อเพิ่งจะเคยเห็นซอมบี้ที่หลงตัวเองอย่างนี้เป็นครั้งแรก แถมมุมมองการหลงตัวเองของมัน…ก็มีความเป็นซอมบี้สูงมากซะด้วย

ถึงแม้เจ้า 101 จะไม่รู้ว่าเนื้อของตัวเองถูกใช้ทำอะไรบ้าง แต่ตอนนี้หลิงม่อมั่นใจแล้วว่า มันคือซอมบี้ร่างแม่แน่นอน 100%

“ยังมีอีกหนึ่งคำถาม…” หลิงม่อบีบคาง แล้วจ้องเจ้า 101 “ร่างกายส่วนไหนของนาย…ที่กลายพันธุ์ไป?”

แค่รูปลักษณ์ภายนอกของเจ้า 101 ยากที่จะดูออกว่าสถานการณ์การกลายร่างของมันเป็นอย่างไรแน่…

คิดไม่ถึงว่าพอหลิงม่อถามอย่างอย่างนี้ สีหน้าของเจ้า 101 ก็หม่นหมองลงอีกครั้ง

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ มันก็เงยหน้ามองไปข้างหน้า แล้วบอกว่า “เจ้าชั้นตะ…เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์…”

“จะเรียกชั้นต่ำก็เรียกไปเถอะ ไม่ต้องอึกอักหรอก…”

“ถ้าอย่างนั้นแกก็เอาของสิ่งนั้นออกไปไกลๆ หน่อย…เอาล่ะ อย่าพูดแทรกฉันอีก” เจ้า 101 พูดต่อ “เจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์ ในความทรงจำของแก ยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับคำคำหนึ่งอยู่ไหม?”

“คำอะไร…” พอเห็นเจ้า 101 จงใจเลียนแบบสีหน้าเศร้าสลดอย่างนั้น หลิงม่อก็พอจะเดาตอนจบได้รางๆ…

“ชะนี…” เจ้า 101 ถอนหายใจ “มือคู่นั้นของฉัน สามารถโอบตัวฉันได้ถึงสองรอบ แล้วยังมีสองนิ้วอีกต่างหาก!”

“ทำไมต้องเน้นคำว่าสองนิ้วอย่างภาคภูมิใจขนาดนั้นด้วย…” ความคิดของซอมบี้สัตว์ป่า ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ…

“แกจะไปเข้าใจอะไร ในโลกของมนุษย์ พวกเขาสรรเสริญเยินยอสองนิ้วมากนะ ฌานสองดัชนีน่ะเคยได้ยินไหม? ช่างเถอะ ฉันไม่ได้หวังอยู่แล้วว่าแกจะเข้าใจเรื่องราวในโลกมนุษย์มากมาย…นั่น แกจะทำอะไร?” จู่ๆ เจ้า 101 ก็ปิดปาก (ฌานสองดัชนี วิทยายุทธ์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือของ ไต้ซือไห่เติง หนึ่งในปรมาจารย์แห่งเส้าหลิน โดยเขาเคยสาธิตวิชาฌานสองดัชนีด้วยการท่าหกสูงทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงบนนิ้วทั้งสองอย่างน่าอัศจรรย (ที่มา : Kornkit Disthan face book) )

หลิงม่อหยิบมีดผ่าตัดขึ้น ขณะเดียวกันก็ล้วงขวดออกมาหนึ่งขวด “ฉันเห็นใจกับโชคชะตาอันเลวร้ายของแกนะ แต่ตอนนี้แกต้องให้ความร่วมมือฉันซักหน่อย”

“ทำอะไรน่ะ…” เจ้า 101 เบิกตากว้าง แล้วถาม

“ให้ฉันยืมเลือดหน่อย อีกอย่างมันอาจเจ็บนิดหน่อยนะ แต่แกก็น่าจะชินแล้วใช่ไหม? เอาล่ะ รีแล็กซ์ อย่าคลุ้มคลั่ง”

หลิงม่อฉีกยิ้ม จากนั้นก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังเจ้า 101 อยู่ข้างหน้ามันย่อมไม่เปลอดภัย แต่ถ้าอยู่ข้างหลังมันก็ทำได้แค่เบิกตากว้างมองดูเฉยๆ เท่านั้น

“ทำไมแก…แก…ฮื่อๆ!”

ท่ามกลางการขัดขืนของเจ้า 101 ตอนนี้ หลิงม่อที่อยู่ในอาคารหอพักกำลังเผยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา

ในที่สุดก็หาร่างแม่เจอ และเขาก็ได้เชื้อไวรัสมาแล้วเหมือนกัน…

แต่หลิงม่อก็ยังค้างคาใจเกี่ยวกับเรื่องแขนของเจ้า 101 อยู่ไม่น้อย

เขาพอจะเข้าใจว่าพวกนั้นเจาะเลือดมันไปทำอะไร แต่พวกนั้นตัดแขนของมันไปทำอะไรกันแน่?

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset