แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 743 นางพญา “งู” ผู้เลอโฉม

สวบๆๆ…พั่บ!

เจ้ามาสเตอร์บอลที่ได้รับผลกระทบวิ่งชนคานตรงทางโค้ง มันหมุนคว้างอย่างมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยไต่เพดานเข้าไปในส่วนลึกของชั้นหกต่อไป

หลิงม่อเองก็มึนตามไปด้วย ในใจก็คิดว่าคงจะหวังพึ่งเจ้าแมงกะพรุนที่เขาอุตส่าห์ตั้งชื่อเท่ห์ๆ ให้ไม่ได้แล้ว…

เขาควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เดินเอาแผ่นหลังชิดผนังด้านหนึ่ง และหันศีรษะไปด้านข้างเพื่อจ้องเข้าไปในห้องอยู่ตลอดเวลา ท่าเดินแปลกๆ นี้ก็เพื่อเวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกะทันหัน เขาจะได้เตรียมตัวรับมือได้ทัน…

นอกจากห้องด้านหน้าไม่กี่ห้องนั้นที่มีเศษกระดาษเกลื่อนกลาดเต็มพื้น ในห้องด้านหลังเหล่านี้กลับมีสิ่งของกองอยู่เต็มพื้นไปหมด ทว่ามองเข้าไปแวบแรกก็ยังคงดูรกมาก

หลิงม่อสงสัยมาก อาคารชั้นที่ 1 – 5 ของทีมวิจัยล้วนมีการจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบ แต่ทำไมชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นที่สำคัญมากที่สุดกลับมีสภาพเละเทะอย่างนี้…ที่นี่ไม่เพียงต่างจากภาพที่หลิงม่อจินตนาการไว้มาก แต่สิ่งสำคัญคือสภาพของที่นี่ห่างไกลจากสิ่งที่เจ้า 101 บรรยายไว้ลิบลับ!

ส่วนเพื่อนร่วมสายพันธุ์ระดับสูงที่เจ้า 101 พูดถึง เขากลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้ระดับที่สูงอีกซักเท่าไหร่ แต่เมื่อถูกจับมัดอย่างเจ้า 101 มันก็ไม่มีอันตรายอะไรอีกต่อไป …

แต่ถึงอย่างนั้น อาคารชั้นนี้ก็ยังทำให้หลิงม่อรู้สึกไม่ค่อยดีนัก ทุกซอกทุกมุมในที่แห่งนี้ล้วนแตกต่างไปจากที่อื่น แถมยังทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกอะไรบางอย่างกดดันอยู่ตลอดเวลา และสิ่งผิดปกติทุกอย่างก็ได้บ่งบอกชัดเจนแล้วว่าที่นี่ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอก

“ระวัง…ระวัง…หืม?”

หลิงม่อเพิ่งคิดในใจ พร้อมละสายตาออกจากห้องมืดๆ ห้องหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขากลับต้องชะงักเท้า

ตอนนี้ปฏิกิริยาตอบสนองทุกด้านของเขาล้วนช้าลงกว่าปกติ ถึงแม้ร่างจริงจะตระหนักได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่หุ่นซอมบี้กลับเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำสั่งทางจิตของเขาในตอนนี้

“ในที่สุดฉันก็เข้าใจคำว่า “ช่วงชีวิตที่สะดุดของคนเรา” แล้ว…” หลิงม่อสีหน้าเคร่งเครียด

หุ่นซอมบี้ค่อยๆ หมุนตัวกลับมาภายใต้คำสั่งของเขา มันจ้องพื้นอาคารอย่างระมัดระวัง พลางเดินเข้าไปในห้องช้าๆ

ห้องนี้มีสภาพเหมือนห้องเก็บของจิปาถะทั่วไป และของที่ถูกเก็บไว้ในนี้ก็ดูเหมือนจะมีประเภทเดียว : โทรทัศน์สมัยเก่า

ไม่รู้ว่าเครื่องโทรทัศน์เก่าๆ เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ของมหาลัยแพทย์แห่งนี้หรือไม่ แต่ของแบบนี้พวกเขาไม่เอาไปทิ้งข้างนอก กลับเปลืองแรงขนย้ายขึ้นมาชั้นบนของอาคาร แถมยังตั้งใจเอามาเก็บไว้ในห้องกว้างๆ อย่างนี้โดยเฉพาะ ช่างน่าสงสัยจริงๆ…

หลิงม่อยืนเงียบๆ อยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ที่หลิงม่อรวบรวมสมาธิขั้นสูง ดูเหมือนการได้ยินของหุ่นซอมบี้จะดีขึ้นเล็กน้อย

“ซืออ…ซือๆๆ…”.

เสียงแผ่วเบาลอยมากระทบโสตประสาทของหุ่นซอมบี้ หลิงม่อหางตากระตุก เขารีบตวัดสายตามองไปยังทิศที่เสียงดังมา

“ไม่สิ เสียงนี้มัน…เหมือนมีบางสิ่งกำลังวิ่งผ่านโทรทัศน์เหล่านี้?”

หลิงม่อเผยสีหน้าสงสัย ไม่นานเขาก็ตัดสินใจค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้

ในเวลาที่พลังจิตสำรวจไม่สามารถใช้การได้ หากเปลี่ยนเป็นร่างจริงของหลิงม่อมายืนอยู่ในที่แห่งนี้ เขาคงไม่มีทางบุ่มบ่ามเดินเข้าไปง่ายๆ แน่

แต่ซอมบี้ธรรมดาน่ะ หวาดกลัวเป็นที่ไหนกัน …

ตอนนี้หลิงม่อรู้สึกแล้วว่า ยิ่งเขาอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่ ผลกระทบที่ได้รับก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่ว่าพลังจิตของเขาแกร่งพอ ตอนนี้แม้แต่การจะควบคุมหุ่นซอมบี้อย่างต่อเนื่องก็อาจกลายเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำ แต่ความจริงนี่เป็นเพราะหลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ผ่านเจ้ามาสเตอร์บอลอีกต่อหนึ่ง ดังนั้นหากตัดตัวกลางอย่างเจ้ามาสเตอร์บอลออกไป การควบคุมหุ่นซอมบี้ก็จะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก

หุ่นซอมบี้เดินโงนเงนผ่านโทรทัศน์ไปทีละเครื่องๆ จนเดินไปหยุดอยู่กลางห้องในที่สุด

แต่เสียงแผ่วเบาที่ได้ยินในตอนแรกกลับหายไปแล้ว นอกจากหน้าจอโทรทัศน์มืดๆ ที่อยู่รอบด้าน ก็ไม่มีอะไรเลย…

หลิงม่อมองซ้ายมองขวา ทันใดนั้นเขาขมวดคิ้วแล้วตวัดสายตามองไปที่หน้าจอหนึ่งในนั้น

เขายกมือขึ้น หมายจะลองเคาะดู…

ถ้าที่นี่มีอะไรอยู่จริงๆ หากเขาลองเคาะดูอาจจะทำให้มันตกใจจนกระโจนออกมาก็ได้…

“ขออย่าให้เป็นหนูหรืออะไรทำนองนั้นเลย…”

หลิงม่อคิดขำๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็เลื่อนนิ้วมือเข้าไปใกล้หน้าจอโทรทัศน์

แต่ในตอนนั้นเอง ร่างกายของเขากลับค้างแข็งไป!

ภายใต้การมองเห็นที่ถูกเคลือบด้วยม่านสีแดง หน้าจอโทรทัศน์เครื่องนี้จึงดูเหมือนถูกทาด้วยสีเลือด และตอนนี้ จู่ๆ ก็มีเงาร่างของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอสีแดงเลือดนั้น!

“ตัวอะไรน่ะ!”

หลิงม่อรีบหันหลังไปมองทันที แต่เขากลับมองเห็นเพียงซากโทรทัศน์ที่กองรวมกันอยู่ด้านหลัง

เขาหันกลับมามองหน้าจออีกครั้ง

หน้าจอกลับว่างเปล่าเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเลย…

“ต้องเป็นเพราะเราตอบสนองช้าแน่ๆ ถึงได้มองไม่เห็น…” หลิงม่อไม่คิดว่าตัวเองตาฝาด เขาไม่ได้ติดโรคกลัวความมืดมาจากสวี่ซูหานซักหน่อย ถึงบรรยากาศที่นี่จะวังเวงอีกแค่ไหน ก็ไม่มีผลอะไรต่อเขาอยู่ดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำให้เขาตาฝาดได้เลย

หลิงม่อควบคุมหุ่นซอมบี้ให้ค่อยๆ เดินไปทางซากโทรทัศน์กองนั้น โดยย่างเท้าให้เบาที่สุด

“ซอมบี้? คน?”

ภาพเมื่อกี้เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น หลิงม่อจึงไม่ทันได้มองให้ชัดเจน

ความจริง สถานที่อย่างนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการซ่อนตัวนัก เพราะมันง่ายต่อการถูกจับได้

สาเหตุที่หลิงม่อระวังตัวขนาดนี้ เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเผยตัวกะทันหัน ตอนนี้พลังต่อสู้ของเขาต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากจริงๆ…

“ซือๆๆๆ…”

เสียงแผ่วเบานั้นดังขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้หลิงม่อก็ได้ยินอย่างชัดเจน ว่าเสียงดังมาจากตรงนั้น…

หลิงม่อเหลือบมองพื้นอาคารด้วยหางตา จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบตัว และดึงกระดุมออกมาหนึ่งเม็ดเงียบๆ

ในขณะที่อยู่ห่างจากซากโทรทัศน์กองนั้นไม่ถึงสามเมตร หลิงม่อก็ยกมือขึ้นขว้างกระดุมพลาสติกใส่โทรทัศน์เครื่องหนึ่งในกองนั้นดัง “แต๊ก”

เสียงไม่ได้ดังมาก แต่ในห้องที่เงียบสงัดอย่างนี้ เสียงนี้กลับไม่ต่างจากเสียงลั่นไกปืนเลยแม้แต่น้อย

หลิงม่อโฉบกายหลบไปอีกฝั่งหนึ่ง เขาเลือกเดินอ้อมซากโทรทัศน์ที่ถูกวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ และประชิดเข้าไปด้านข้างเงียบๆ แทน

“ซือๆๆ…”

เสียงเมื่อกี้ได้ทำให้อีกฝ่ายไขว้เขวอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อหลิงม่อเดินออกจากหลังซากโทรทัศน์กองนั้น เขาก็เหลือบเห็นเงาร่างที่ซ่อนตัวอยู่หลังซากโทรทัศน์กองนั้นทันที…

ดูจากแผ่นหลังแล้ว เจ้าของเงาร่างนั้นเป็นหญิงสาวผมยาวสวมเสื้อผ้าสีแดง เธอกำลังยืนอิงแอบโทรทัศน์ และชะโงกมองไปยังทิศที่กระดุมพลาสติกถูกขว้างออกไป

หลิงม่อลอบเข้าใกล้เธออย่างเงียบเชียบ แต่หญิงสาวกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด

ทว่าสิ่งที่ทำให้หลิงม่อแปลกใจเล็กน้อยคือ เธอยืนอยู่ในท่านั้นได้อย่างไร?

เขาไม่มีเวลาคิดอย่างละเอียด เพราะตอนนี้ต้องรีบรวบรวมสมาธิทั้งหมดเข้าด้วยกัน…อีกฝ่ายรู้แล้วว่าเขาอยู่ที่นี่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ภารกิจแฝงตัวสิ้นสุดลงตรงนี้ เขาจำเป็นต้องทำอะไรซักอย่าง…

“อย่าขยับ!”

หลิงม่อพุ่งตัวออกไปจับต้นคอของหญิงสาว พลางกระซิบเสียงเบาข้างหูเธอ

หญิงสาวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่นานก็เริ่มดิ้นขัดขืนอย่างรุนแรง

หลิงม่อนึกดีใจขึ้นมาทันที เธอเองก็ได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมในนี้เหมือนกัน!

ถ้าอย่างนั้น การที่พลังต่อสู้จะลดฮวบก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด…

แต่พอจับต้นของเธอไปได้ซักพัก หลิงม่อก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ…

เขาสัมผัสได้รางๆ ว่ามีบางอย่างจากพื้นอาคารกำลังเลื้อยขึ้นมาบนเอวของเขา…

สัมผัสเย็นเฉียบ และกลิ่นคาวจางๆ…

หลิงม่อผ่อนแรงที่มือเล็กน้อย แต่หญิงสาวกลับหันหน้ากลับมาดัง “กร๊อบ” และจ้องหลิงม่อด้วยดวงตาสีเหลืองอำพัน เธออ้าปาก และเปล่งเสียงที่แหบจนแทบจะไม่ได้ยินออกมา “อาาา…”

ดวงตาของเธอทำเอาหลิงม่อสะดุ้ง แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้น คือผิวบนใบหน้าของเธอ เพราะมันเต็มไปด้วยสิ่งที่คล้ายเกล็ดงู

ไม่ใช่แค่ใบหน้า แต่ต้นคอ แม้กระทั่งลำคอด้านหน้าก็เต็มไปด้วยเกล็ดคล้ายๆ กัน และเสียง “ซือๆ” ก็เกิดขึ้นจากเจ้าสิ่งนี้นี่เอง

หลิงม่อก้มหน้ามอง แล้วเขาก็ต้องตกตะลึงไปทันที เมื่อเห็นหางที่ถูกหุ้มด้วยเกล็ดสีแดงกำลังยื่นออกมาจากซากโทรทัศน์กลวงโบ๋ และกำลังพยายามเลื้อยขึ้นมารัดตัวเขา

หางงูนี้มีขนาดใหญ่ประมาณท่อนแขน ถือได้ว่าเป็นงูที่ตัวใหญ่เลยทีเดียว

“เชี่ยย…”

หลิงม่อไม่คาดคิดว่าเขาจะเจอสิ่งนี้ จึงรีบผละมือออกแล้วถอยกรูดไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว

หางงูถูกสะบัดทิ้งลงพื้น มันไม่ได้เลื้อยตามมา แต่กลับอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน

ส่วนหญิงสาวคนนั้นก็ยังจ้องหลิงม่อเขม็ง ในดวงตาสีเหลืองอำพันสะท้อนประกายสีแดงรางๆ

“ซอมบี้?” หลิงม่อกลืนน้ำลายพร้อมสงบสติอารมณ์ เขากวาดสายตามองจากร่างกายท่อนบนของเธอลงไปข้างล่างเรื่อยๆ

พอมองไล่ลงไป เขาก็เข้าใจทันทีว่าความรู้สึกแปลกๆ เมื่อกี้มันเกิดจากอะไร…

ผู้หญิงคนนี้ ไม่มีร่างกายท่อนล่าง!

หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือ ร่างกายท่อนล่างของเธอ…คืองูตัวเมื่อกี้!

มือของเธอถูกมัดติดกันทั้งสองข้าง พอมองดูดีๆ ก็พบว่ามันถูกตรึงติดกับห่วงเหล็กที่อยู่ใต้ซากโทรทัศน์กองนั้น…

และความจริง โทรทัศน์ที่ถูกทะลวงจนกลวงโบ๋นั่นก็ถูกยึดติดกับพื้นเหมือนกัน แถมหากมองดูดีๆ มันกลับคล้ายรังของเธอด้วยซ้ำ

ซอมบี้งูตัวนั้นจ้องหลิงม่อเขม็ง ทันใดนั้นมันก็เลื้อยเข้ามาพร้อมผงาดหัวขึ้นสูง

“เดี๋ยวก่อน นี่เธอยังคิดจะกัดฉันอยู่อีกหรอ?”

หลิงม่อหัวใจกระตุกวาบ แล้วไม่นานในขณะที่เขากำลังตกตะลึง เสียงโซ่เหล็กถูกลากก็ดังมาจากด้านล่างซากโทรทัศน์กองนั้น!

“มันมีชีวิตหรอเนี่ย! ทำไมมันขยับได้! ไม่สิ ทำไมถึงได้มีสิ่งมีชีวิตประเภทนี้ได้?!”

หลิงม่อค่อยๆ ร่นถอย เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเร็ว ในขณะที่งูตัวนั้นก็เคลื่อนไหวช้ามากเหมือนกัน

แต่พอเห็นงูในร่างคนกำลังโน้มร่างกายท่อนบนลงกับพื้น แล้วค่อยๆ เลื้อยเข้ามาทางตัวเองอย่างนั้น หลิงม่อก็ยังอดรู้สึกหนังศีรษะตึงชาไม่ได้อยู่ดี

ซอมบี้งูตัวนั้นอ้าปากกว้าง ทำท่าจะงับฝ่าเท้าเขา…

หลิงม่อรีบถอยไปข้างหลัง เขาไม่ได้หวาดกลัวซอมบี้งูตัวนี้แต่อย่างใด แต่รูปลักษณ์ภายนอกของอีกฝ่ายทำให้เขาช็อกมากจริงๆ

“ป้าย ป้าย…”

หลิงม่อหนีซอมบี้งูไปด้วย พลางกวาดมองรอบตัวไปด้วย

ด้วยนิสัยของทีมวิจัย ปกติจะต้องมีของอย่างพวกป้ายแนะนำสถานการณ์อะไรทำนองนั้นอยู่แถวๆ นี้ถึงจะถูก

“อยู่ไหนนะ…”

หลิงม่อมองดูซอมบี้งูเลื้อยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ในใจก็อดตื่นตระหนกไม่ได้ ช่วยไม่ได้ ก็เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นมีรูปร่างที่ประหลาดมากนี่นา ประหลาดกว่าซอมบี้กลายร่างทุกประเภทที่เขาเคยเจอมากซะอีก ไม่น่าล่ะถึงได้ถูกเลี้ยงไว้บนอาคารชั้นบนสุดอย่างนี้ อย่างนี้เรียกว่าซอมบี้ไม่ได้แล้วมั้ง! ต้องเรียกว่าซอมบี้สัตว์กลายพันธุ์มากกว่า!

แต่น่ากลัวก็ส่วนน่ากลัว ทว่าความอยากรู้อยากเห็นของหลิงม่อก็ยังคงถูกกระตุ้นขึ้นมา เพราะหากพูดถึงนางพญางูผู้เลอโฉม เขาก็มีอยู่ข้างกายหนึ่งตัว!

แน่นอนว่าตัวที่อยู่กับเขาเรียกว่านางพญาผู้เลอโฉมได้จริงๆ แต่ตัวที่อยู่ตรงหน้านี้คงเหลือแค่คำว่า “งู” อย่างเดียว…

แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ หลิงม่อก็สังเกตเห็นบริเวณลำคอของซอมบี้งูตัวนี้…

“ไม่ใช่มั้ง…”

หลิงม่อถึงกับมุมปากกระตุก ระหว่างที่ซอมบี้งูตัวนั้นกำลังเคลื่อนตัว เขาเหลือบเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกเคลือบไว้อย่างดีอยู่แถวๆ ลำคอเธอ…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset