แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 826 วิธีที่ถูกต้องในการทำให้กับดักทำงาน

“วางปืนลงซะ” เสียงพูดยิ้มๆ ของผู้หญิงดังขึ้นเหนือศีรษะเขา

พี่หม่าหัวใจกระตุกวูบ เขาค่อยๆ คลายมือออก เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ฆ่าคน เพียงเพราะเสียงพูดของเธอไม่โหดเหี้ยม นอกจากความเร็วที่เทียบได้กับสัตว์กลายพันธุ์แล้ว เธอก็ยังควบคุมพละกำลังของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่ากลัว คนแบบนี้สามารถหยุดปลายดาบไว้ตรงหน้าเขาได้ ก็ย่อมสามารถแทงทะลุกะโหลกเขาได้ในชั่วพริบตาได้เหมือนกัน ถึงแม้อีกสองสามคนจะอยู่ไม่ไกลจากเขา แต่ไม่ว่าจะเป็นการตายที่พิสดารของชายแซ่โจว หรือหญิงสาวที่จู่โจมเข้ามาจากด้านข้างคนนี้ ล้วนกำลังเตือนเขาว่าอย่าทำอะไรสิ้นคิดเด็ดขาด

ขณะที่ลดปืนลง เขารวบรวมความกล้าพูดเสียงเบาว่า “อย่า…อย่าฆ่าฉันเลย…ฉันเป็นแค่สมาชิกธรรมดา ฉัน…ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอ…”

“ดูเหมือนนายจะฉลาดให้ความร่วมมือไม่เบา”

เงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา พี่หม่าเหลือบเห็นรองเท้าบูทสำหรับปีนเขาคู่นั้น แล้วพูดตะกุกตะกักด้วยความหวาดกลัว “นาย…หลิ…หลิงม่อ…”

“เอาล่ะ” หลิงม่อนั่งลงตรงหน้าเขา แล้วถามด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “นายคงรู้ว่าทำไมตัวเองถึงยังมีชีวิตรอดอยู่ใช่ไหม?”

พี่หม่าชะงักเล็กน้อย แล้วรีบตอบ “ระ…รู้สิ! นายอยากถามอะไร…”

“ดีมาก…ตอบคำถามตรงไปตรงมาอย่างนี้ จะได้ไม่ต้องพูดมาก…ที่ฉันอยากรู้ คือในอาคารหลังนี้มีคนอยู่ทั้งหมดกี่คน? กับดักที่พวกฉันเจอตรงบันไดยังมีอีกเท่าไหร่ อยู่ตรงไหนบ้าง? แล้วเจ้ากรอบแว่นทองนั่นล่ะ เขาไปอยู่ไหนแล้ว? อีกอย่าง นายรู้จักพลังพิเศษของเขาแค่ไหน?…เอาเป็นว่า บอกเรื่องที่นายรู้มาให้หมดแล้วกัน” หลิงม่อมองหน้าเขา แล้วพูดเสียงเรียบ

ลูกกระเดือกของพี่หม่าเกลือกกลิ้งขึ้นลง เขากลืนย้ำลาย แล้วตอบว่า “ฉัน…ฉันไม่ได้รู้อะไรมาก…ในตึกนี้มีคนอยู่ทั้งหมด 24 คน เมื่อกี้นายเพิ่งฆ่าไปหนึ่งคน…ตอนอยู่บนดาดฟ้าก็ตายไปอีก 3 คน…ความจริงจำนวนคนที่นายเห็นในตอนแรก เป็นแค่ครึ่งเดียวของจำนวนคนทั้งหมด แต่พวกเขาล้วนถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือ ส่วนอีกครึ่งที่เหลือ ส่วนมากล้วนเป็นผู้มีความสามารถพิเศษและคนวางกับดัก……”

“ทำไมผู้มีความสามารถพิเศษไม่ถูกนับรวมเป็นยอดฝีมือ?” เสียงหญิงสาวอีกคนดังมาจากความมืด น้ำเสียงเธอแฝงความประหลาดใจไว้เล็กน้อย พี่หม่าเห็นแค่ปลายเคียวดาบ แต่กลับไม่กล้าเงยหน้ามองหญิงสาวคนนั้นตรงๆ…

เขาตอบพร้อมเหงื่อโชกหัว “หัวหน้าบอกว่า บางครั้งอาวุธปืนก็สำคัญกว่าผู้มีความสามารถพิเศษ…โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อกรกับมนุษย์…พลังพิเศษยังส่งผลกระทบเชื่อมโยงกัน แต่กระสุนไม่มีขีดจำกัดเรื่องนี้…อีกอย่าง พวกฉันได้ซุ่มวางระเบิดไว้บนดาดฟ้าหลายจุด ถ้านายคิดจะสู้ซึ่งหน้า ก็จะมีคนจุดชนวนจากที่ไกลๆ…จำนวนของระเบิดถูกคำนวณมาอย่างแม่นยำ มันอาจไม่ทำให้นายถึงตายได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะทำให้นายสูญเสียความสามารถในการขัดขืนไปได้อย่างแน่นอน ส่วนตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่ก็ล้วนถูกคำนวณมาเป็นอย่างดีแล้วเหมือนกัน เรื่องแบบนี้…ผู้มีความสามารถพิเศษพวกนั้นทำไม่ได้…”

“เจ้าแว่นนั่นช่างเจ้าแผนการจริงๆ” หลิงม่อแค่นเสียง

ตอนนั้นเขารู้สึกได้แค่ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ตอนนี้ถึงเพิ่งมารู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้แค่ทำงานหนักเพื่อจะจับเขาให้ได้ แต่เรียกว่าทุ่มสุดตัวเลยต่างหาก! ทว่าการเตรียมการทั้งหมดนั้นกลายเป็นแค่เรื่องเปล่าประโยชน์ เพราะไม่เพียงไม่ได้ใช้งาน กลับกันแม้แต่ความเสียหายและการล้มตายของฝ่ายตัวเองก็ยังหยุดยั้งไว้ไม่ได้…ส่วนตำแหน่งของระเบิดเหล่านั้น คิดว่าน่าจะอยู่บริเวณด้านหน้าประตูเฮลิคอปเตอร์ ถ้าหากกะจำนวนได้แม่นยำ ไม่เพียงสามารถควบคุมพื้นที่ระเบิดให้อยู่ในวงแคบได้ แต่ยังสามารถทำให้หลิงม่อบาดเจ็บได้มากพออีกด้วย พื้นบนดาดฟ้านั่นเป็นหลุมขรุขระอยู่แล้ว และเขาก็ไม่มีทางให้ความสนใจสิ่งที่อยู่ใต้เท้าเป็นพิเศษในเวลาอย่างนั้นแน่นอน แผนการนี้…ร้ายกาจมากจริงๆ

ทว่าขณะเดียวกัน กลยุทธ์นี้ก็ไม่ได้จะใช้กันได้ง่ายๆ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจุดชนวนทันทีตั้งแต่ที่หลิงม่อเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์ไปแล้ว

“ก็จริง…คิดจะใช้ฉันไปบีบบังคับอวี่เหวินซวน อย่างน้อยก็ต้องทำให้ฉันยังหายใจอยู่ อานุภาพของระเบิดควบคุมได้ยาก พวกนั้นคงไม่กล้าเสี่ยง แต่ตอนนี้พวกนั้นคงเปลี่ยนใจแล้ว…” หลิงม่อคิดในใจ แล้วหันไปบอกว่า “พูดต่อสิ”

“กับดักพวกนั้น…เรื่องกับดักฉันไม่รู้จริงๆ ฉันรู้แค่แผนการบางส่วนในอาคาร…พวกนายแค่ต้องระวังอย่าเดินบนขั้นไดที่เป็นเลขคี่ก็พอ แล้วก็หัวหน้าเขา…น่าจะยังอยู่ชั้นบนสุด แต่ฉันไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน ส่วนเรื่องพลังพิเศษของเขานี่…ฉันก็บอกไม่ถูก รู้แค่ว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลยซักครั้ง สมาชิกที่ติดตามเขาก็ไม่ค่อยมีใครล้มตาย แต่เขาเป็นคนโปรดของเจ้าหน้าที่หวัง คงจะมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่นอยู่นั่นล่ะ…อ้อ ยังมีอีกเรื่อง เมื่อก่อนเขาเป็นเซลล์แมน…” พี่หม่าปากกระตุกเล็กน้อย แล้วบอกว่า “ไม่รู้ว่า…นี่จะถือว่าเป็นข้อมูลไหม…”

หลิงม่อนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็บอกว่า “มีแค่นี้หรอ?”

“ฉันรู้เท่านี้…” พี่หม่าเริ่มเหงื่อออกท่วมกาย

“ผู้บัญชาการหวังเป็นใคร? แล้วผู้บัญชาการใหญ่ซูล่ะ? เธอไม่อยู่ในตำแหน่งแล้วหรอ?” หลิงม่อคิด แล้วถาม

“เรื่องนี้ฉัน…ฉันไม่รู้…” ทันใดนั้น พี่หม่ายังพูดไม่ทันจบ สายตาของเขาก็แน่นิ่งไป ความเจ็บปวดแผ่ซ่านมาจากส่วนท้ายทอย แล้วสายตาของเขาก็พร่าเลือนตามไป

หลี่ย่าหลินมองดูเขาล้มลงไปบนพื้น แล้วเงยหน้าถาม “พวกเราจะเอายังไงต่อ?”

เย่เลี่ยนที่อยู่อีกด้านสูดจมูกฟุดฟิด แล้วพูดเสียงเบา “ในนี้มีกลิ่นอยู่เยอะมาก…แต่ว่า…ถ้าหากเข้าไปใกล้หน่อย ก็จะตามหาเจอ…”

“น่าจะหมายถึงกลิ่นของดินปืนที่เขาพูดถึงสินะ? ฉันก็รู้สึกเหมือนประสาทรับกลิ่นถูกจำกัดเหมือนกัน ดูเหมือนพวกเขาจะเตรียมระเบิดไว้ไม่น้อยเหมือนกันนะ…” ซย่าน่าเหลือบมองพี่หม่าด้วยหางตา จากนั้นก็หยิบปืนที่หล่นอยู่ข้างตัวเขาขึ้นมา ดูจากแรงที่หลี่ย่าหลินใช้ เขาน่าจะยังไม่ฟื้นขึ้นมาในเร็วๆ นี้…

“สถานการณ์ของฟอลคอนซับซ้อนกว่าที่ฉันคิดไว้มาก…” หลิงม่อขมวดคิ้ว เขาลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วบอกว่า “ในเมื่อเจ้าแว่นทองซ่อนตัวอยู่ชั้นบนสุด พวกเราก็ขึ้นไปหาเขากัน ฉันว่า เขาก็น่าจะดีใจเหมือนกันที่ได้เจอพวกเรา…”

ในบริษัทประภันภัยแห่งนี้ยังมีคนซ่อนอยู่อีกสามคน เพียงแต่พวกเขากระจายตัวกันออกไปซ่อนคนละมุม จึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องล็อบบี้แห่งนี้ และในสองนาทีต่อมา พวกเขาก็ต้องเดินตามรอยพี่หม่าทีละคนๆ พวกเขาล้วนมองไม่เห็นหน้าตาของคนลงมือ เหมือนกับที่พี่หม่าโดน ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการโต้กลับ พอหน้ามืด ก็สลบเหมือดหมดสติไปทันที…

หลังจากเดินขึ้นบันไดอีกครั้ง หลิงม่อได้ทำการสำรวจบันไดตามข้อมูลที่ได้จากพี่หม่า เขายื่นมือไปกดขั้นบันไดที่เป็นเลขคี่ดู จากนั้นก็ลูบๆ คลำๆ บนขั้นบันไดที่เป็นเลขคู่ด้วย “ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไรซ่อนอยู่จริงๆ แต่กับดักกลับเริ่มทำงานทันทีที่พวกเราเดินขึ้นบันได แสดงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้โกหก แต่จะเชื่อคำพูดเขาทั้งหมดก็ไม่ได้…”

กับดักก่อนหน้านั้นได้พวกเย่เลี่ยนช่วยรับมือไว้ แต่ทางเดินที่อยู่ตรงหน้าต่างหากที่เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด ยิ่งเข้าใกล้ชั้นบนสุด จำนวนและความอันตรายของกับดักก็ต้องยิ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน…ความประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจเป็นเหตุให้สิ่งที่พยายามมาทั้งหมดสูญเปล่า ซึ่งหลิงม่อไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น

“จะเป็นภาพลวงตาหรือเปล่านะ?” หลิงม่อใช้หนวดสัมผัสกวาดสำรวจหนึ่งรอบ จากนั้นเขาก็ตัดความเป็นไปได้นี้ออกไป

ซย่าน่าเองก็หันไปมองขั้นบันได้ด้วย เธอบอกว่า “กับดักที่พวกเราเจอเมื่อกี้ ส่วนมากเป็นประเภทส่งสัญญาณฉุกเฉิน แต่พอมาถึงตรงนี้ อีกฝ่ายคงไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องการส่งสัญญาณอีกแล้วล่ะมั้ง? แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีข้อมูลอยู่ แต่ที่นี่…”

เธอใช้มือปาดขั้นบันไดเบาๆ แล้วบอกว่า “ไม่มีวัตถุเคลือบพื้น และไม่มีเส้นหรือเชือกสีใสที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย…แปลกมาก ในเมื่อเลือกใช้การติดตั้งกับดักบนขั้นบันไดเลขคี่ แล้วทำไมบันไดเลขคู่ถึงไม่มีอะไรผิดปกติเลยล่ะ…”

“เมื่อกี้ผู้ชายคนนั้นบอกว่า กับดักพวกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้มีความสามารถพิเศษ…” จู่ๆ หลิงม่อก็พูดขึ้น

“อะไรนะ?” เย่เลี่ยนชะโงกหน้าลงมา แล้วถามอย่างอยากรู้

“ฉันเข้าใจแล้ว…” หลิงม่อพูด พลางใช้เท้าเหยียบขั้นบันไดเลขคู่

“อ๊ะ!” เย่เลี่ยนยกมือปิดปากด้วยความตกใจ

แต่ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของพวกเธอ บรรยากาศรอบข้างกลับยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้น…

“นี่มันอะไรกัน?” ซย่าน่าอ้าปากอย่างแปลกใจ แล้วถามขึ้น

หลิงม่อหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “ความจริงแล้วคำพูดของผู้ชายคนนั้นก็เป็นกับดักเหมือนกัน คนปกติไม่มีใครคอยสังเกตว่าบันไดเป็นเลขคี่หรือเลขคู่หรอก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเลขคู่หรือเลขคี่ก็จะถูกเหยียบทั้งนั้น แต่การบอกให้คนที่กำลังมีส่วนร่วมในการต่อสู้สังเกตขั้นบันไดเลขคู่เลขคี่ เป็นเรื่องไร้สาระอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นคำตอบที่แท้จริงควรจะเป็น—ก้าวเพิ่มอีกหนึ่งขั้น ถ้าหากคอยสังเกตแต่จุดนี้ มันก็จะง่ายขึ้นมาก”

“มนุษย์คนนั้นโกหกพวกเรา?” หลี่ย่าหลินโมโหขึ้นมาทันที

“ก็ไม่ใช่อีก ทว่าที่พวกเขาถูกสั่งให้ประจำอยู่ที่นี่ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกับดัก ฉันว่า บนบันไดนี้จะต้องมีอะไรไม่ปกติแน่นอน และการก้าวบันไดทีเดียวสองก้าวรวดก็จะทำให้กับดักทำงาน ดังนั้นก็แปลว่า ความจริงแล้วมีกับดักซ่อนอยู่ในทุกขั้นบันได เพียงแต่วิธีที่จะทำให้กับดักทำงานนั้นค่อนข้างพิเศษ…ในเมื่อผู้มีความสามารถพิเศษเป็นคนทำ แสดงว่ากับดักพวกนั้นจะต้องไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้ง่ายๆ แน่นอน สรุปว่าขอแค่หาวิธีที่ถูกต้องให้เจอ แล้วพวกเราก็รีบไปจากที่เร็วๆ กันเถอะ” หลิงม่อบอก

และนี่ก็คือเส้นสนกลในของกองกำลังหนึ่ง พวกเขามีกำลังคนและทรัพยากรจำนวนมหาศาล มีกำลังมากพอที่จะสามารถทำเรื่องอย่างนี้เพื่อจับคนคนหนึ่งได้ แล้วหลิงม่อล่ะ? หลิงม่อเองก็ไม่ได้กำลังสู้อยู่คนเดียวเหมือนกัน…

“ยังไม่เจออีกหรอ?” ด้านหลังผ้าม่านหน้าต่างในห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของอาคาร ชายคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้น ด้านหลังเขามีชายหนุ่มเสื้อเหลืองยืนอยู่ ผู้ชายคนนี้ยืนอยู่หลังม่านหน้าต่าง และคอยแง้มม่านออกเพื่อคอยตรวจสอบดูเป็นระยะ

“ยังเลย…แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงกับดักส่งสัญญาณเตือนด้วย” ชายหนุ่มเสื้อเหลืองตอบ เขาจัดคอเสื้อให้เป็นระเบียบ แล้วหันกลับไปบอกว่า “กับดักส่วนหลังถูกสร้างขึ้นโดยพลังพิเศษของฉัน หากมันถูกสัมผัส ฉันก็จะรับรู้ได้ทันที คนนอกไม่มีทางเดินขึ้นมาได้แน่…” เสียงพูดของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

และชายคนที่กำลังสนทนากับเขา ก็คือจางสี่ผู้มีผิวสีดำมืด เขาถือปืนพกไว้หนึ่งกระบอก แล้วหันไปมองหลัวหมิงที่อยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าตึงเครียด “นายบอกว่าเขาจะต้องมาแน่นอนไม่ใช่หรอ?”

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset