แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 882 ขอโทษที มือลื่น

“เอาอย่างนี้แล้วกัน…” หลิงม่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “พวกเราหาที่พักใกล้ๆ แล้วพักกันก่อนดีกว่า หลังจากพูดคุยเรื่องแผนการเสร็จแล้วค่อยตัดสินใจอีกที ตอนนี้บอกให้ทุกคนถอยกลับมาก่อนแล้วกัน บนถนนก็ไม่ต้องเฝ้าแล้ว ตอนนี้ซอมบี้พวกนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนไปหรอก”

เย่ไคขมวดคิ้วครุ่นคิด จากนั้นพยักหน้าบอกว่า “ก็ดีเหมือนกัน ก่อนเริ่มเคลื่อนไหวควรพักผ่อนดีๆ เพื่อเก็บแรง”

คนอื่นๆ ต่างก็เห็นด้วย แม้แต่สวี่ซูหานที่ไม่พูดไม่จาก็ยังกระโดดลงมาจากข้างในรถบัส

แต่หลังจากที่ทุกคนค่อยๆ ออกจากที่นี่ไปอย่างเงียบเชียบ ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งพลันยื่นมาจากข้างหลัง และดึงหลิงม่อไว้

“พี่หลิง พี่หลอกพวกฉันไม่ได้หรอกนะ” ซย่าน่าขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

หลิงม่อทำหน้าปวดหัว เขามองซย่าน่า และเย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลินที่ทำหน้าเหมือนกำลังรอคอย…บอกตามตรง ถ้าหากมองจากมุมมองของมนุษย์ เขาค่อนข้างรู้สึกจนใจกับความกระตือรือร้นต่อการเข่นฆ่าของสามสาว…แต่ในฐานะแฟนหนุ่ม…ดวงตากลมโตสามคู่ที่กำลังจ้องมองมาอย่างตื่นเต้น ทำให้เขารู้สึกลำบากใจมาก!

ถูกจ้องจนจะทะลุอยู่แล้ว!

“ก็ได้…”

“ดีจัง!”

“หวังว่าจะได้เจอพวกที่ระดับสูงๆ นะ!”

“อาหาร…สดใหม่…” เย่เลี่ยนที่หน้าตาเหม่อลอยเริ่มน้ำลายไหล…ทว่าน้ำลายเพิ่งจะไหลออกจากมุมปาก หลิงม่อก็ยกมือมาเช็ดให้เธออย่างขำๆ ปนเอือมระอา เย่เลี่ยนจึงตื่นจากภวังค์ทันที และเลียปากแผล็บๆ โดยอัตโนมัติ

“ฉันยังพูดไม่จบเลย” หลิงม่อหันไปมองพวกเย่ไคที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นก็พูดเสียงเบาว่า “อีกเดี๋ยวฉันจะส่งหุ่นซอมบี้เข้าไป และในระหว่างเคลื่อนไหว พวกเธอต้องรักษาระยะห่างกับหุ่นซอมบี้ไว้ ถ้าหากข้างในนั้นมีรังกบดาน หรือมีซอมบี้หัวหน้าฝูง อาจเป็นอันตรายกับพวกเธอ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ต้องเคลื่อนไหวเงียบๆ เข้าไว้ ทำได้หรือเปล่า? ห้ามปล่อยให้สัญชาตญาณเข้าคลอบงำจนหน้ามืดตามัวเด็ดขาด แค่นี้คงทำได้ใช่ไหม?”

ซอมบี้สาวสามตัวมองตากัน จากนั้นก็หันมาพยักหน้าให้หลิงม่ออย่างเชื่อฟัง

เห็นท่าทางดีอกดีใจของพวกเธอแล้ว หลิงม่อก็อดทอดถอนหายใจไม่ได้

เมื่อเวลาผ่านไป รางสังหรณ์ในใจของเขาก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ถึงแม้แค่ส่งหุ่นซอมบี้เข้าไป เขาก็ยังรู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้สามสาวซอมบี้มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้เลยจริงๆ แต่ถ้าหากห้ามไม่ให้พวกเธอต่อสู้ไปตลอด ช้าเร็วพวกเธอก็ต้องกลายเป็นหนึ่งในพวกที่ถูกกำจัด…และนั่นก็เป็นสิ่งที่หลิงม่อจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

“วางใจ ฉันจะปกป้องพวกเธอเอง…” หลิงม่อคิด พลางโบกมือไปข้างหลัง “ไปเถอะ!”

เจ้ามาสเตอร์บอลกระโดดออกจากมือเขา และไปเกาะอยู่บนตัวรถบัส ไม่นานมันก็หายเข้าไปใต้ท้องรถอย่างรวดเร็ว…

“ฮู่ว…ถึงแม้เมื่อกี้ไม่ได้ปะทะกับสัตว์ประหลาดพวกนั้นโดยตรง แต่แค่เคลื่อนไหวใต้จมูกของพวกมัน ฉันก็กลัวจนแทบจะตัวแข็งไปหมดแล้ว ฉันนึกว่าผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ฉันจะคุ้นเคยกับซอมบี้ขึ้นมาบ้างซะอีก…” พอขึ้นมาบนตึก เจ้าลิงผอมก็นั่งลงบนพื้นทันที จากนั้นก็เอนหลังพิงกระเป๋าเป้ พลางหอบหายใจพูดขึ้น

พอเห็นไม่มีใครพูด เขากลับยังคงพูดพล่ามต่อ “บอกตามตรง สัตว์ประหลาดพวกนั้นน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ เลย เมื่อก่อนในฝูงพวกมันยังมีตัวที่เคลื่อนไหวไม่เร็วมาก แต่ตอนนี้พวกมันกลับดูอันตรายกันหมดทุกตัว ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะ ‘พักผ่อน’ ฉันก็ยังไม่กล้ามองตาพวกมันเลย จากที่ฉันเห็น ร่างกายของพวกมันไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ซักนิดแล้ว ไม่แน่ว่าในร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้ว่าถ้าผ่าท้องพวกมันออกแล้วจะเจออะไรอยู่ข้างในบ้าง แต่ยังไงก็คงไม่ใช่ไส้หรอกมั้ง? บางที…อาจมีปากของสัตว์ประหลาดอยู่ข้างในอีกที!…แฮ่!”

เจ้าลิงผอมทำเสียงคำรามประหลาด ทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว

สายตาของเย่ไคไม่สบอารมณ์สุดๆ ส่วนจางซินเฉิงรีบพุ่งตัวไปที่หน้าต่างเพื่อดูข้างล่าง จากนั้นก็ยกมือทำสัญญาณว่าปลอดภัยให้ทุกคนในห้อง

เจ้าลิงผอมรีบยกมือปิดปาก มืออีกข้างพลางลูบไปมาที่ต้นขาอย่างเจ็บปวด เขาเงยหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่งด้วยสายตาอับอายปนคับข้องใจ และทิศทางที่เขากำลังมอง สวี่ซูหานที่สวมผ้าปิดปากไว้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าตู้หนังสือหลังหนึ่ง เธอพลิกหนังสือที่เลอะคราบฝุ่น กระทั่งเริ่มเปื่อยยุ่ยไปมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

มู่เฉินและหลิงม่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทั้งสองอดสบตากันแวบหนึ่งไม่ได้ จากนั้นก็เผยรอยยิ้มขมขื่น

เทียบกับพวกเย่เลี่ยน สถานการณ์ของสวี่ซูหานดูน่าสับสนกว่าเล็กน้อย…อย่างเช่นคำพูดของเจ้าลิงผอม หากเป็นพวกเย่เลี่ยนจะไม่ค่อยถือสา แต่หากเป็นสวี่ซูหาน เธอจะสั่งสอนเขาอย่างไม่ไว้หน้าทันที…

“นี่ เจ้าลิงผอม ไม่เป็นไรใช่ไหม? จะให้ช่วยดึงหน่อยไหมล่ะ?”

หลิงม่อกำลังคิด แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยหนึ่งดังขึ้น

เขาลอบสบถว่าซวยแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ห้าม เจ้าลิงผอมก็พยักหน้าเหมือนประหลาดใจในความใจดีของอีกฝ่าย “ขอบคุณอาซ้อซย่าน่า!”

“เกรงใจอะไรกัน มา จับด้ามเคียวของฉันไว้…”

“อ๊อก!”

เจ้าลิงผอมลั่นร้องเสียงหลง ทว่าเขายังจำบทเรียนเมื่อกี้นี้ได้ดี จึงรีบกัดลิ้นตัวเองไว้…ปรากฏว่าพอทำอย่างนั้น เสียงของเขาก็เปลี่ยนเป็นครุมเครือไม่ชัดเจน “อะ…อาซ้อ…เท้าฉัน…ปากของฉัน…”

ซย่าน่ายกเคียวดาบขึ้นด้วยรอยยิ้มระรื่น พลางเอียงคอนิดๆ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พอดีมือลื่น”

“มะ…มือลื่น…” เจ้าลิงผอมน้ำตานองหน้า

ส่วนหลิงม่อได้แต่เบือนหน้าหนี ในใจพลางคิด “ฉันมองโลกในแง่ดีเกินไปจริงๆ!จะว่าไปแล้วนี่เป็นนิสัยเฉพาะทางเผ่าพันธุ์ของพวกเธอหรือไงกันนะ?!”

“ทุกคนพักก่อนเถอะ รอให้พร้อมแล้วค่อยมาคุยกันก็ยังไม่สาย แต่ว่าตอนนี้ให้แบ่งออกเป็นสองกลุ่มก่อนดีกว่า ฉันกับอวี่เหวินซวน มู่เฉิน หนึ่งกลุ่ม ทีมปาฏิหาริย์กับสวี่ซูหานหนึ่งกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่บนตึก กลุ่มหนึ่งอยู่ข้างล่าง พวกเย่เลี่ยนให้อยู่บนดาดฟ้า เท่านี้ก็สามารถป้องกันความปลอดภัยได้รอบทิศแล้ว” หลิงม่อรีบแบ่งหน้าที่อย่างรวดเร็ว

ความจริงแล้วที่นี่เป็นอาคารสองชั้นที่ไม่ได้มีเนื้อที่กว้างนัก ชั้นหนึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้า ชั้นสองเป็นร้านขายกาแฟห้องหนึ่ง ทว่าเนื่องจากเปิดประตูทิ้งไว้นาน และกระจกมากมายก็มีรอยแตกเสียหาย ดังนั้นที่นี่จึงถูกกาลเวลากัดเซาะจนกรุกร่อนไปไม่น้อย แม้แต่พวกซอมบี้ก็ยังไม่แวะเวียนเข้ามา

ทว่าสำหรับผู้รอดชีวิตผู้มากประสบการณ์กลุ่มหนึ่ง พวกเขาไม่เกี่ยงสภาพแวดล้อม ขอเพียงสามารถหาที่ซุกหัวนอนได้เป็นพอ

“ฉันเห็นด้วย” อวี่เหวินซวนยกมือบอก ทว่าไม่นานก็ตระหนักได้อย่างอายๆ ว่าไม่มีใครสนใจเขา และยิ่งกว่านั้น ไม่มีใครขอความเห็นเขาด้วย…ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปตามคำสั่งของหลิงม่ออย่างเงียบๆ แล้ว และในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลิงม่อไม่ได้ออกคำสั่ง พวกเขาต่างก็ทำกันเองอย่างรู้หน้าที่

“เจ้าลิงผอม ตั้งสติหน่อย นายกับกู่ซวงซวงสลับเวรกันเฝ้าประตูทางเข้า เอาล่ะ พวกเราลงไปพันเถอะ” หลังจากพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเสร็จ เย่ไคก็พาคนลงไปชั้นล่าง

สวี่ซูหานถือสมุดสองเล่มเดินตามหลัง ริมฝีปากบางภายใต้ผ้าปิดปากกำลังพึมพำเสียงเบา ขณะเดียวกันในหูทั้งสองข้างก็มีหูฟังอันคุ้นเคยเสียบไว้…

“พวกเราก็ขึ้นไปกันเถอะ” หลี่ย่าหลินประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ใช้ปลายนิ้วดุนคาง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเริงร่า

“รุ่นพี่ แสดงออกชัดเจนเกินไปไหม…” หลิงม่อคิดอย่างเอือมระอา

โชคดีที่อวี่เหวินซวนกับมู่เฉินที่เหลือกันอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีนิสัยชอบสังเกตพวกเธอ ดังนั้นไม่ต้องรอให้เขาพยักหน้า สามสาวต่างพร้อมใจกันมองหน้าเขาด้วยสายตาแฝงความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนดาดฟ้า

“พวกเราจะวางแผนยังไง?” มู่เฉินเดินไปหาที่นั่งข้างหน้าต่างอย่างรู้งาน จากนั้นก็ถามขึ้น

“ดูนี่!” อวี่เหวินซวนชะโงกหน้าออกมาจากหลังเคาน์เตอร์บาร์เก่าๆ พลางฉีกยิ้มบอกว่า “ฉันเจอไวน์แดงขวดหนึ่งล่ะ!”

“นี่นายจะเสนอแผน ‘ไวน์แดงเผาคน’ งั้นหรอ? หรือว่า…‘คนเมา’?” หลิงม่อนวดหว่างคิ้ว พลางพูดขึ้น

“อุฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ต้องเป็นห่วง” อวี่เหวินซวนเริ่มมองหาที่เปิดจุกขวด เขามองหาไปพลาง พูดไปพลาง “นายลืมความสามารถพิเศษของฉันแล้วหรอ? ดื่มเหล้ายิ่งทำให้ฉันแสดงฝีมือได้ดี แต่พวกนายอย่าดื่มจะดีกว่า เพราะมันจะทำให้กลิ่นเหล้าติดตัว เดี๋ยวซอมบี้ได้กลิ่นแล้วจะแย่เอา ฮ่าฮ่า”

“มีอย่างนี้ด้วยหรอ!”

หลิงม่อปากอ้าตาค้าง ในสมองพลันมีภาพแปลกๆ ผุดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้…

สอสามนาทีต่อมา หลิงม่ออ้างว่าจะทำการสำรวจโดยใช้พลังจิต และนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็หลับตา

ความจริงแล้ว จุดที่หนวดสัมผัสทางจิตของเขาจะเข้าใกล้ได้ ก็ไม่ได้ไกลไปกว่าประตูใหญ่ของบริษัทแห่งนั้นเลย

ถ้าหากไปไกลอีกหน่อย มันก็จะเป็นสถานที่ที่มืดมิดมาก…และมีกลิ่นอายที่ทำให้หนวดสัมผัสของหลิงม่อรู้สึกอึดอัดอยู่…

นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากจิตใต้สำนึกอย่างหนึ่ง บางทีอาจมีปัญหาอะไรอยู่จริงๆ ก็ได้ และอาจเป็นไปได้ว่าเป็นผลกระทบจากเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัวนั้น…สรุปคือมีปัจจัยที่ทำให้เกิดผลกระทบกับพลังจิตมากเกินไป หลิงม่อจึงไม่อาจแน่ใจอะไรได้ทั้งสิ้น และเทียบกับความกลัวที่ไม่รู้สาเหตุนี้ เขาอยากข่มกลั้นความรู้สึกแบบนี้ไว้และเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด

ถ้าหากมีซอมบี้ระดับสูงอยู่จริงๆ ก็เป็นเรื่องดีกับพวกเย่เลี่ยนไม่ใช่หรอ พวกเธอจะได้เติมพลังกันหน่อย…

“เริ่มกันเถอะ”

หลิงม่อสูดลมหายใจลึกๆ พลางคิด

เมื่อหนวดสัมผัสทางจิตของเขาแผ่ออกไปจาสมอง พวกมันก็แผ่ออกไปนอกหน้าต่างราวกับเส้นไหมโปร่งแสงที่มีชีวิต พวกเย่เลี่ยนที่รออยู่บนดาดฟ้าก่อนแล้วพลันสบตากัน จากนั้นก็หันไปเหยียบขอบดาดฟ้าแล้วกระโดดถอยหนึ่งก้าวพร้อมกัน

ร่างกายบอบบางสามร่างพลันร่วงลงไปพร้อมกัน “พรึ่บ” จากนั้นก็ทิ้งตัวลงพื้นอย่างเงียบเชียบไร้เสียง

และที่นี่ ก็คือซอยแคบๆ ที่กว้างไม่ถึงสองเมตร ซึ่งอยู่ด้านหลังของอาคาร

พวกเธอรีบแนบตัวติดผนังและหายเข้าไปในเงามืดทันทีที่เท้าสัมผัสพื้น ถ้าหากไม่ได้จ้องมองพวกเธออยู่ จะไม่มีทางรู้เลยว่าพวกเธออยู่ตรงนี้

แม้แต่กู่ซวงซวงที่กำลังสัมผัสรู้ถึงสถานการณ์ข้างนอก และเจ้าลิงผอมที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่กับพื้น ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นซักนิด…

ซย่าน่าหันไปมองรอบตัวแวบหนึ่ง จากนั้นก็โบกมือส่งสัญญาณ “ไป!”

ขณะเดียวกัน หนวดสัมผัสหลายเส้นได้แผ่เข้าไปท่ามกลางฝูงซอมบี้ พวกมันแหวกว่ายและเลื้อยผ่านอย่างรวดเร็วดั่งงูพิษ

“ระดับสูง…ระดับสูง!”

เปลือกตาของหลิงม่อกระตุกเล็กน้อย คิ้วก็เริ่มขมวดเข้าหากันน้อยๆ

ยิ่งเป็นหุ่นซอมบี้ระดับสูง ความยากในการควบคุมยิ่งสูง แต่พลังที่มีก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ความแข็งแกร่งด้านร่างกายเพิ่มขึ้นแล้ว เรื่องที่สามารถทำได้ก็มีมากขึ้นเช่นกัน เหมือนอย่างซอมบี้กลายพันธุ์ตัวก่อนหน้านี้ที่เขาใช้เลือดของราชินีแมงมุมปรับเปลี่ยนโครงสร้างในร่างกาย…

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset