สาเหตุที่เรี่ยวแรงของอวี๋ซือหรานและเฮยซือเผาผลาญไปมากขนาดนี้ เห็นชัดว่าเกี่ยวข้องกับวิธีการต่อสู้ที่พวกเธอเลือกใช้นี้มาก โดยเฉพาะสำหรับเฮยซือ เธอต้องแบกรับการเผาผลาญพลังงานที่มากยิ่งกว่า ในอีกด้าน ที่พวกเธอเลือกใช้กลยุทธ์รอให้ศัตรูหมดแรงก่อน โดยไม่ยอมลงมาสู้กับผีเสื้อบนพื้นดิน ก็ได้บ่งบอกความจริงในอีกมุม —
ผีเสื้อตัวนี้…ร้ายกาจมาก!
ส่วนเขาจะร้ายกาจถึงขั้นไหน หลิงม่อยังไม่แน่ใจนัก…แต่หลังจากตระหนักได้ถึงจุดนี้ หลิงม่อก็เริ่มระแวดระวังมากขึ้นกว่าเดิม
“เมื่อกี้แกบอกว่า เนื้อแท้ของพลังพิเศษของเขาคือดักแด้ลอกคราบ กลายเป็นผีเสื้อ ใช่ไหม?” หลิงม่อจ้องมองผีเสื้อ พลางก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
เสียงร้องของถังฮ่าวเบาลงแล้ว แต่ดูจากอาการกระอักเลือดไม่หยุดของเขา เห็นชัดว่าการสะบัดของเสี่ยวป๋ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดธรรมดาแน่นอน พอได้ยินคำถามของหลิงม่อ เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็รีบตอบว่า “ชะ…ใช่แล้ว!”
อย่าสะบัดอีกเด็ดขาดเลยนะ! ถังฮ่าวคร่ำครวญในใจ
เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ใจเหี้ยมมาก เจ้าหมีแพนด้าตัวนี้ก็ให้ความร่วมมือดีเสียเหลือเกิน! ตอนนี้ความเคียดแค้นที่เขามีต่อหลิงม่อลดลงไปไม่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับลอบด่าเสี่ยวป๋ายในใจ : ไอ้สุนัขรับใช้ของหลิงม่อ…ไอ้หมีรับใช้! ไม่ต้องสบตาก็รู้ใจเจ้านายมันถึงขั้นนี้…เป็นแค่สัตว์เลี้ยงไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญขนาดนี้ก็ได้มั้ง!
“ลองพูดให้เข้าใจง่ายหน่อย” หลิงม่อบอก
ถังฮ่าวเหลือบมองผีเสื้ออย่างหวาดหวั่นเล็กน้อย หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ในที่สุดก็พูดเสียงเบา “ขั้นตอนในการลอกคราบพวกเราพลาดไปแล้ว แต่ฉันก็พอเล่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดให้ฟังคร่าวๆ ได้…สรุปก็คือ ไม่ว่าจะถูกโจมตีในรูปแบบไหน ขอเพียงสร้างแรงกระตุ้นให้พี่ฉี ก็อาจเป็นการส่งเสริมการลอกคราบของเขาได้…ถ้าหากบาดเจ็บหนักจนอันตรายแก่ชิวิต ก็จะทำให้เขาลอกคราบอย่างแน่นอน”
“การลอกคราบที่พูดถึง…ความจริงก็คือขั้นตอนการการปรับโครงสร้างร่างกายของเขาใหม่ เอ่อ…ถ้าบอกว่าปรับโครงสร้างใหม่แกอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าเอามาประกอบกับสถานการณ์ของตัวเขา แกก็จะเข้าใจเองว่ามันเป็นยังไง” การเล่าเรื่องของถังฮ่าวถือว่าละเอียดใช้ได้ ทว่าดูจากแววตาร้อนรนของเขา เห็นชัดว่าเขายังคงลังเลใจอยู่
แต่ในเวลาอย่างนี้ เสี่ยวป๋ายก็ยื่นหน้าลงมาอย่างเงียบงัน และพ่นลมหายใจร้อนๆ ใส่ท้ายทอยของถังฮ่าว ถึงแม้เสี่ยวป๋ายจะมีรูปร่างน่ารักน่าเอ็นดู แต่พอจินตนาการถึงภาพที่ปากกว้างๆ ของสัตว์กลายพันธุ์ตัวหนึ่งจ่ออยู่ที่ท้ายทอยตัวเอง ถังฮ่าวก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“อ๊ากกกก! ไม่คิดแม่งแล้วว้อยย! ขอเอาตัวรอดไว้ก่อนล่ะ! เวลาอย่างนี้คงต้องเดินหมากไปตามสถานการณ์แล้วล่ะ!”
นิสัยเดิมของถังอ่าวขี้ขลาดมาก…
“เขาสามารถปรับเส้นเสียง กระทั่งปรับโครงสร้างร่างกายของตัวเองได้ แล้วแกคิดว่า…เขาจะสามารถปรับสภาพภายในร่างกายของตัวเองได้ไหมล่ะ? อย่างเช่น ย้ายตำแหน่งของอวัยวะภายในบางชิ้น…” พูดถึงตรงนี้ เสียงของถังฮ่าวก็ฟังดูแปลกขึ้นมาก และหลังจากพูดจบ เขาก็รีบพูดเสริมอีกครั้ง “เรื่องพวกนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์ของฉัน…”
“เป็นการวิเคราะห์หรือเป็นเรื่องจริง ฉันตัดสินเองได้” หลิงม่อกลับมองเขาด้วยรอยยิ้มดูแคลน พลางพูดขึ้น
ทันทีที่สบตากับหลิงม่อ หัวใจของถังฮ่าวก็เต้น “ตึกตัก”
“เอาล่ะ แกไม่ต้องเสียเวลาพูดเอาตัวรอดแล้ว ฉันพอจะเข้าใจความหมายของการลอกคราบแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ วิธีการหลีกเลี่ยงบาดแผลอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม? แต่ในเมื่อยังมีขั้นตอนที่ว่า ‘กลายเป็นผีเสื้อ’ ก็แสดงว่าหลังจากที่ร่างการถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้งใช่ไหม?” หลิงม่อถาม
“เรื่องนี้…ใช่แล้วล่ะ” ถังฮ่าวไม่สบอารมณ์ ทำไมหมอนี่วิเคราะห์ได้ถูกเผงขนาดนี้? ถ้าหากไม่ใช่เพราะอายุยังน้อย เขากระทั่งคิดว่าหลิงม่อเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านชีวะวิทยาหรือไม่ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเชื้อไวรัสมาก่อนแล้ว…
ทว่าหากหลิงม่อรู้ว่าเขาคิดอย่างนี้ ถังฮ่าวกลับอาจโดนด่าจนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว…อยู่กินกับซอมบี้มาหนึ่งปี ย่อมต้องมีความรู้พื้นฐานมากกว่าคนอื่นอยู่แล้วสิ! แต่สิ่งที่เขาต้องแลก ก็ไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปสามารถแบกรับได้เช่นกัน!
“แกคิดว่าทำไมฉันต้องเพิ่มศักยภาพร่างกายให้แกร่งขึ้นกันล่ะ! สาวๆ ซอมบี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับมือได้ซะที่ไหน! ไอ้เรื่องตายตอน XX กันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะโว้ย!ไหนจะความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อได้ทุกเมื่ออีก!ไม่ว่าจะอารมณ์ดีหรือร้ายก็ชอบพุ่งเข้ามากัด!บางครั้งพวกเธอก็ยังชอบเล็งเป้าไปยังส่วนที่นูนขึ้นเป็นพิเศษอีกนะ!!!! ถึงจะไม่ได้กัดจริงๆ แต่ยังไงมันก็ยังน่าตกใจอยู่ดี! แต่อยู่ไปอยู่มา ฉันก็เริ่มนิ่งขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว…”
…แน่นอนว่าเมื่อถังฮ่าวไม่ได้พูดความคิดตัวเองให้หลิงม่อได้ยิน หลิงม่อก็ได้แต่เก็บงำความสุขระคนทุกข์นี้ไว้ในส่วนลึกของจิตใจเงียบๆ…
“การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ฉันก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก…” ถังฮ่าวเพิ่งจะเปิดปาก ทว่าพอนึกถึงสายตาของหลิงม่อเมื่อกี้ เขาก็รีบเปลี่ยนคำพูด “ฉันหมายถึงเพิ่งเคยเห็นเขากลายเป็นแบบนี้ครั้งแรก…ก่อนหน้านี้ รอยสักของเขาไม่เคยเป็นสีแดงมาก่อนเลย…”
ถังฮ่าวพูดพร้อมถอนหายใจ “ฉันก็ไม่รู้ว่าผีเสื้อสีแดงโลหิตคืออะไร แต่ถ้าคิดดูดีๆ อาจหมายถึงการใช้พลังอย่างเต็มที่ หรือใช้พลังเกินขีดจำกัดล่ะมั้ง…เพราะสภาวะ “กลายเป็นผีเสื้อ” พลังทนทานต่อการโจมตีและความเร็วของเขา จะเร็วกว่าเวลาปกติเกือบหนึ่งเท่าเลยทีเดียว แถมพลังต่อสู่ก็จะแกร่งขึ้นตามไปด้วย…ความจริงแล้ว มันคือการถูกกระตุ้นจากปัจจัยภายนอกธรรมดาๆ นั่นแหละ ยิ่งถูกทำร้ายจนบาดเจ็บหนักเท่าไหร่ เชื้อไวรัสในร่างกายก็จะยิ่งอยู่ในภาวะกระปรี้กระเปร่า…ก็เหมือนกับสารอะดรีนาลีนในสมัยก่อนล่ะมั้ง? สารชนิดนั้นหากหลั่งออกมามากเกินไปก็อาจทำให้ตายได้ เชื้อไวรัสก็เหมือนกัน ถึงจะไม่ตาย แต่ทันทีที่กลายพันธุ์ไป ก็ไม่ต่างกับตายไปแล้ว…”
เขาเพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้ ก็พบว่าหลิงม่อกำลังจ้องหน้าเขาอย่างเย็นชา สายตานั้นทำให้เขาใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก…
“คนคนนี้มันยังไงกันแน่…รู้สึกเหมือนพอเราพูดถึงซอมบี้เมื่อไหร่ เขาก็มักมีปฏิกิริยาตอบสนองมากกว่าปกติ…ใช่แล้ว เขาเลี้ยงสัตว์กลายพันธุ์ไว้ตัวหนึ่งนี่นา…ถ้าอย่างนั้น หรือว่าหมอนี่จะมีความชอบส่วนตัวที่ไม่เหมือนใครกัน?” ถังฮ่าวหันไปมองอวี๋ซือหรานที่ห้อยตัวอยู่บนอาคารอีกครั้ง พลางอดคิดอย่างขนลุกไม่ได้ “สัตว์กลายพันธุ์ เด็กผู้หญิง…นี่มันไม่ใช่ไอ้โรคจิตธรรมดาแล้ว…”
ส่วนสิ่งที่ผีเสื้อพูดเมื่อกี้ เขากลับไม่ได้ยินเพราะกำลังช็อกอย่างหนักอยู่…
“เสี่ยวป๋าย พาเขาไปอยู่ห่างๆ ถ้าหากข้อมูลที่แกบอกมาเมื่อกี้มีอะไรผิดพลาดไปเพียงนิดเดียวล่ะก็…” หลิงม่อพูดเพียงครึ่งเดียว จากนั้นก็เดินออกไปข้างหน้า เขาอยู่ห่างจากลานกว้างแห่งนั้นอีกระยะหนึ่ง แต่เวลานี้กลับกำลังเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ
ถังฮ่าวพลันตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่รอให้เขาพูดอะไร เสี่ยวป๋ายก็ร้อง “แบ๊” หนึ่งครั้ง แล้วลากเขาถอยไปข้างหลัง
“ซวยละสิ สองต่อสามซะแล้ว” ผีเสื้อจ้องหน้าอวี๋ซือหรานด้วยรอยยิ้มหยัน และหลังจากที่สังเกตเห็นว่าหลิงม่อกำลังเดินเข้ามาใกล้ เขาก็ยกแขนข้างที่มีแต่รอยสักผีเสื้อเต็มไปหมดขึ้นมาชี้อวี๋ซือหรานและหลิงม่อ
คำพูดนี้ฟังแวบแรกอาจฟังดูเหมือนไม่มีอะไร แต่หลิงม่อกลับขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน ม่านตาเขาหดเล็กลง
สองต่อสาม…แน่นอนว่าสองหมายถึงตัวเขา ส่วนสามนั้น…
“เขารู้กระทั่งว่ามีเฮยซืออยู่ด้วย…จะว่าไปแล้ว กลิ่นอายซอมบี้จากตัวคนคนนี้…รุนแรงมาก!” หลิงม่อจ้องหน้าผีเสื้อเขม็ง พลางลอบคิด
ถ้าหากเทียบกลิ่นอายซอมบี้ที่แผ่ออกมาจากตัวถังฮ่าว เป็นซอมบี้ระดับวิวัฒนาการ…ถ้าอย่างนั้นผีเสื้อตัวนี้ ก็น่าจะเป็นซอมบี้ชนชั้นสูงแล้วล่ะ…
ที่แปลกที่สุดก็คือ ทั้งๆ ที่เห็นความอ่อนแอของเขา แต่รังสีอำมหิตและเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา กลับไม่ได้อ่อนลงเลยแม้แต่น้อย กระทั่งเมื่อเห็นหลิงม่อ รังสีอำมหิตของเขากลับยิ่งพุ่งพรวดขึ้นไปอีก
หรือพูดอีกอย่างก็คือ เขาดูเหมือนไม่ได้เตรียมตัวอะไร แต่ความจริงแล้วร่างกายของเขากำลังลิงโลดและตื่นเต้นต่อการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้น…
“อีกอย่าง ในร่างกายเขา ยังมีดวงจิตที่ไม่เหมือนกันซ่อนอยู่สองดวง…ดูจากสถานการณ์เมื่อกี้ ก็ไม่ค่อยเหมือนบุคลิกที่แตกแยกซะทีเดียว แต่เหมือนมีอีกคนเพิ่มขึ้นมาจริงๆ บุคลิกที่เพิ่มมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จุดนี้ต่างจากสถานการณ์ของซย่าน่า การแยกตัวของน่าน่าและเฮยน่า ความจริงแล้วยังมีพื้นฐานที่เหมือนกันอยู่ อย่างมากก็ต่างกันแค่ที่นิสัย…แต่คนคนนี้…”
ในขณะที่หลิงม่อกำลังสังเกตการณ์เขา อยู่ๆ ผีเสื้อตัวนั้นก็มองมาทางเขา แล้วฉีกยิ้ม พลางยกมือลูบไล้พวงแก้ม “แกก็มีกลิ่นอายแปลกๆ อยู่เหมือนกัน…”
—————————————————————————–