แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 962 คนไม่เอาถ่านก็มีเคล็ดลับในการสู้ของตัวเองเหมือนกัน

ขณะเดียวกันนั้น นอกตึกใหญ่

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

เจ้าลิงผอมแนบหลังชิดผนังด้วยสีหน้าตื่นกลัว เขาชะโงกหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกไปมองข้างนอกแวบหนึ่ง

ตรงปากซอยที่อยู่ไม่ไกลออกไป ซอมบี้สองตัวกำลังเดินโงนเงนไปมาอย่างไร้สติสัมปชัญญะ ถึงแม้อยู่ในภาวะ “จำศีล” แต่ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงเบิกตาสีแดงเลือดกว้าง แหงนคอไปข้างหลังเล็กน้อย เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวน่ากลัว มือซ้ายของซอมบี้ตัวหนึ่งในนั้นพลิกออกด้านนอก บนแขนข้างนั้นของมันเต็มไปด้วยคราบเลือด เล็บที่โค้งงอราวตะขอเหมือนกำลังสะท้อนแสงอันเยือกเย็นน่าขนลุกภายใต้แสงอาทิตย์ ส่วนอีกตัวกำลังเดินลากส้นสูงพังๆ ไปมา ทุกครั้งที่เดินราวกับจะล้มลงไป ขณะเดียวกันก็มีเสียง “ต๊อกแต๊ก” ดังขึ้นด้วย

“จะบ้าตายๆ…”

เจ้าลิงผอมรีบหดหัวกลับเข้ามา แล้วพิงหัวลงบนพนังด้วยสีหน้าซีดเผือด

ไม่คิดเลยว่าจะเจอซอมบี้…โชคร้ายอะไรอย่างนี้เนี่ย!

ถึงแม้ซอมบี้จะวนเวียนอยู่แถวๆ นี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ในเวลานี้ด้วยเล่า!

“ทำไงดี!” เขาหอบหายใจแรง จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบปืน แต่ในขณะเดียวกัน มือที่ถือปืนของเขากลับสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ ลูกกระเดือกของเขาเกลือกกลิ้งขึ้นลงไม่หยุด “จะทำไงดี…ถ้ายิงไม่โดนจะทำไงดี? ถึงจะยิงโดน ศพของมันจะไม่ล่อซอมบี้ตัวอื่นเข้ามาหรอ? ปากซอยนั้นอยู่ไม่ไกลจากถนนมากด้วยสิ!”

เดินอ้อม?

“ไม่ได้ จะไม่ทันเอา พวกหัวหน้ายังรอเรากลับไปจัดการตามแผนอยู่ข้างล่างนั่นอยู่เลย…” เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย เขามองปืนในมือ “แต่ว่า…ตอนนี้มีแค่ฉันคนเดียว…แถมพลังของฉันก็ไม่ใช่พลังประเภทต่อสู้ด้วย!”

เจ้าลิงผอมรู้ว่าตัวเองขี้ขลาด และรู้ว่าตัวเองไม่เก่ง…ถ้าหากตอนนั้นไม่ใช่หลิงม่อที่เลือกเขาออกมาจากกองกำลัง Fป่านนี้เขาก็ยังคงถูกคนดูแคลนอยู่ แต่เทียบกับต้องเอาชีวิตไปเสี่ยง บางทีการยอมดูคนอื่นดูแคลนอาจง่ายกว่า…

“โว้ยย!”

อยู่ๆ เขาก็โขกหัวกับกำแพงแรงๆ แล้วพลันกระชับปืนในมือแน่น

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ไม่เคยกลับไปดูบ้านตัวเองเลยซักครั้ง…ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเขากลัว กลัวซอมบี้ที่นั่น กลัวทางเดินแคบๆ พวกนั้นและประตูห้องที่อาจเปิดออกทุกเมื่อ…

ทันทีที่วิ่งหนีออกมา เขาก็ไม่กล้าหันกลับไปมองอีกเลย…

“ถ้าหากวันนี้หนีอีกครั้ง คงไม่สามารถกลับไปได้อีกแล้ว…” เจ้าลิงผอมรู้เรื่องนี้ดีแก่ใจ

ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องตาย…เขาขาดความกล้าในการกระโจนออกไปต่อสู้กับซอมบี้ แต่ที่มากกว่านั้น เขาไม่มีปัญญาใช้ชีวิตตามลำพังในเมืองแห่งนี้

“อีกอย่าง ถึงแม้จะมีชีวิตรอดจนไปเจอกับกลุ่มผู้รอดชีวิตกลุ่มใหม่ ฉันก็จะกลายเป็นคนที่ถูกคนอื่นรังแกอีกครั้ง” เจ้าลิงผอมตัวสั่นงันงก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังโกรธมากกว่า หรือกลัวมากกว่ากันแน่ แต่คิดดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า…ถึงแม้เข้าร่วมทีมปาฏิหาริย์แล้ว เขาก็ยังไม่กล้ายืดอกเผชิญหน้ากับคนที่เคยล้อเลียนและดูถูกเขาอยู่ดี กระทั่งแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายหลีกทางให้เงียบๆ เขาก็ยังรู้สึกลนลาน…ที่เขาว่า คนไม่เอาถ่าน คงหมายถึงคนแบบนี้สินะ…

“ใช่แล้ว ฉันมันคนไม่เอาถ่าน แต่ว่า…” เจ้าลิงผอมกัดฟันกรอด จากนั้นก็ยกปากปืนขึ้นอย่างสั่นๆ และชะโงกหน้าออกไปแอบมองอีกครั้ง

ซอมบี้สองตัวนั้นยังคงไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย เจ้าลิงผอมยื่นมืออีกข้างขึ้นปลดกระดุมออกเม็ดหนึ่งอย่างเงียบงัน เมื่อปากปืนเล็งไปยังซอมบี้รองเท้าสนสูง หน้าผากเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อ แม้แต่ฝ่ามือก็ติดหนึบเข้ากับกระบอกปืนไปแล้ว ปากปืนที่ใส่อุปกรณ์เก็บเสียงไว้เล็งไปยังแผ่นหลังของซอมบี้ตัวนั้นจากที่ไกลๆ และสั่นเทาไปตามการเคลื่อนไหวของซอมบี้ตัวนั้น

“ทำได้สิ…ฉันฝึกมาตั้งกี่ครั้งแล้ว…ต้องยิงโดนแน่นอน!” เจ้าลิงผอมตื่นตระหนก ตอนนี้เขาอยู่ตัวคนเดียว แต่ถ้าล้มเหลว กลับไม่ได้มีแค่เขาที่ต้องตาย พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ความรู้สึกไม่เอาถ่านของเจ้าลิงผอมก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา ถึงแม้ในใจเขาจะยังร่ำร้องให้ยอมแพ้ แต่มือของเขากลับยังคงยกค้างไว้ไม่ลดลง

“อึก…”

เจ้าลิงผอมกลืนน้ำลาย จากนั้นก็สูดหายใจเร็วๆ ติดกันสองรอบ เขาใช้นิ้วมือเหนอะหนะของตัวเองลูบกระดุมเม็ดนั้น จากนั้นก็ขว้างออกไป ในเสี้ยววินาทีที่กระดุมหลุดออกจากมือ ราวกับว่าสมองเขาได้ขาวโพลนตามไปด้วย…

จะลุยแล้ว!

“ติ๊ง…”

เมื่อเสียงกระดุมกระทบพื้นดังมา ซอมบี้สองตัวนั้นก็แทบจะชะงักไปทันใด

และในเสี้ยววินาทีนั้น เจ้าลิงผอมก็ลั่นไกออกไปโดยอัตโนมัติ

ประกายไฟสว่างสาบ กระสุนพุ่งยิงไปที่ซอมบี้รองเท้าส้นสูงอย่างแม่นยำ แต่ในตอนนั้น ซอมบี้อีกตัวได้หันหน้ามาแล้ว และมองเห็นเขาตั้งแต่แวบแรก

“กร๊อบ…” คอของซอมบี้ตัวนั้นหมุนกลับเข้าตำแหน่งเดิม สายตาที่มองมายังเขาเต็มไปด้วยความโหดร้ายและกระหายเลือดสุดๆ…มันตื่นแล้ว ในเสี้ยววินาทีที่เพื่อนของมันล้มลงไป มันก็ได้สาวเท้าวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็วแล้ว

ยี่สิบเมตร…เหลืออีกแค่ไม่ถึงยี่สิบเมตรเท่านั้น!

สำหรับซอมบี้ ระยะทางเท่านี้เพียงพริบตาเดียวก็ถึง!

การลั่นไกนัดที่สอง เท่ากับเป็นการตัดสินชะตากรรมชีวิตของเจ้าลิงผอม!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าลิงผอมเห็นซอมบี้วิ่งเข้าใส่ตัวเองอย่างนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถืออาวุธยืนอยู่กับที่ และไม่หันหน้าวิ่งหนี…

“กรรร!”

ในเสี้ยววินาทีนั้น ปากที่เต็มไปด้วยเลือดของซอมบี้ตัวนั้นพลันอ้ากว้างอยู่ตรงหน้าเขา มันพลิกฝ่ามือของตัวเองกลับมาแล้วตะปบไปที่ศีรษะของเขาดัง “วูบ” ขณะเดียวกันกลิ่นเหม็นเน่าก็โชยตามมาด้วย

“ฟุ่บ!”

ซอมบี้ตัวนั้นเบิกตากว้าง ไม่นานกลางหน้าผากก็มีรูแผลโผล่ขึ้นมารูหนึ่ง เจ้าลิงผอมที่เห็นภาพนั้นอึ้งค้างไปทันที

เขม่าควันยังคงลอยคลุ้งออกจากปากปืน ซอมบี้ที่อยู่ตรงหน้าล้ม “พลั่ก” ลงกับพื้น

ผ่านไปหนึ่งวินาที เจ้าลิงผอมที่กลั้นหายใจตั้งแต่เมื่อกี้พลันได้สติกลับคืนมา เขากระชับปืนแล้วมองศพที่นอนล้มอยู่บนพื้นอย่างหวาดกลัว จากนั้นขาทั้งสองข้างก็อ่อนแรงตามไปด้วย

“ฆะ…ฆ่าแล้ว…ทำได้แล้ว ฉันฆ่าซอมบี้สองตัว…ด้วยตัวคนเดียว…”

สำหรับคนธรรมดา เกรงว่าเรื่องอย่างนี้ไม่ว่าใครก็คงทำได้…

แต่เสียงลูกกระสุนที่ออกจากลำกล้อง เสียงเจาะทะลุเนื้อหนัง รวมถึงเสียงที่ซอมบี้ล้มลงไป กระทั่งเสียงหายใจและหัวใจเต้นของตัวเอง…เสียงเหล่านี้ล้วนดังชัดเจนขึ้นหลายเท่า และเสียดแทงเข้าไปในประสาทหูของเขา เขากลัวตาย และกลัวการ “ได้ยิน” ขั้นตอนการตายเหล่านี้อย่างชัดเจน…

เจ้าลิงผอมยันกำแพงอ้วกลมสองสามที จากนั้นก็ยกมือปาดเหงื่อมองไปที่ปากซอย “ต้องรีบไปแล้ว…” เขาคิด พลางหยัดตัวยืนตรง และเดินโซเซอ้อมศพของซอมบี้เข้าไปในซอยเส้นนั้น…

ภาพที่เกิดทั้งหมดนี้ ไม่มีใครเห็นเลย…

ในท่อน้ำทิ้ง หลิงม่อกับสวี่ซูหานยังคงวิ่งไล่ตามเสียง “เผละๆ” อย่างเร่งรีบ

เสียงนั้นเหมือนรักษาความถี่ไว้ในระดับเดิมตลอด หรือพูดอีกอย่างก็คือ ระยะห่างระหว่างมันกับพวกหลิงม่อไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงเลยแม้แต่น้อย

พอพวกเขาเร็ว มันก็เร็ว…หลายครั้งผ่านไป ในที่สุดหลิงม่อก็เดือดดาล “เจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นรู้ว่าพวกเราอยู่ข้างหลัง!”

“แต่มันรู้ได้ยังไงว่าพวกเราอยู่ในนี้?” สวี่ซูหานถามเสียงเบา

“ไม่แน่ใจเหมือนกัน…บางทีมันอาจมีวิธีอื่น? อยู่ในนี้ทั้งสายตา การดมกลิ่น และพลังสัมผัสรู้ล้วนถูกจำกัด แต่ว่า…ใช่แล้ว การฟัง!” หลิงม่อพลันนึกถึงเจ้าลิงผอมขึ้นมา ถ้าหากสัตว์ประหลาดตัวนี้เหมือนเจ้าลิงผอม ที่มีความสามารถในการได้ยินที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ ถ้าอย่างนั้นแม้ว่าจะอยู่ห่างกันหลายสิบเมตร มันก็จะสามารถแยกแยะเสียงลมหายใจ กระทั่งเสียงหัวใจเต้นของพวกเขาสองคนออกจากเสียงเบาๆ พวกนั้นได้…

“แต่ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันก็ต้องไม่ใช่มนุษย์ตะขาบแน่นอน…” หลิงม่อพึมพำพร้อมขมวดคิ้ว ศีรษะของมนุษย์ตะขาบเป็นเพียงส่วนประกอบไร้หน้าที่เท่านั้น ในเมื่อแม้ว่าหัวขาดไปแล้วมันก็ยังเคลื่อนไหวได้ ก็แสดงว่าประสาทสัมผัสสำคัญของพวกมันต้องไม่ใช่การได้ยินแน่นอน หากอวัยวะที่ไม่สำคัญถูกวิวัฒนาการจนร้ายกาจเทียบเท่ากับพลังพิเศษ มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเกินไปแล้ว!

“มนุษย์ตะขาบอะไรกัน?” สวี่ซูหานกลับได้ยินอย่างชัดเจน จึงอดถามขึ้นไม่ได้

พอเห็นหลิงม่อชะงัก เธอก็รีบส่ายหน้า “ถือว่าฉันไม่ได้ถามละกัน”

“เปล่า ฉัน…”

หลิงม่อหมายจะอธิบาย แต่ก็ได้ยินสวี่ซูหานพูดขึ้นก่อนว่า “นายรู้สึกไหมว่าเสียงนี้มันเบาลงน่ะ?”

“เบาลง?” บอกตามตรง เขามัวแต่สนใจเรื่องระยะห่างใกล้ไกลมาโดยตลอด…แต่พอสวี่ซูหานพูดขึ้นมาอย่างนี้ เขาก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ทันที เสียง “เผละๆ” ที่ยังดังฟังชัดเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกลายเป็นเสียง “ตึงๆ” อันแผ่วเบา…

“เดี๋ยวก่อน! เสียงนี้มัน…” หลิงม่อชะลอฝีเท้าตั้งใจฟังเสียงนั้นอย่างละเอียด แล้วอยู่ๆ ก็เบิกตากว้าง “นี่มัน ‘เสียงร้องขอความช่วยเหลือ’ ที่อวี่เหวินซวนกับเจ้าลิงผอมได้ยินไม่ใช่หรอ?!” ที่สำคัญมันเป็นเสียงเดียวกับที่หุ่นซอมบี้และซย่าน่าเคยได้ยินด้วย เสียงที่เหมือนกับกำลงเคาะท่อน้ำนี่…

ที่แท้มันก็ไม่ใช่เสียงเคาะท่อ! แต่เป็นเสียงที่เกิดขึ้นขณะที่สัตว์ประหลาดประเภทนั้นเคลื่อนไหว…

“แต่ว่า…ทำไมเสียงถึงเปลี่ยนไปล่ะ?” สวี่ซูหานขมวดคิ้วถาม เมื่อเสียงเปลี่ยนไป เธอก็ยิ่งรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีกว่าเดิม ไม่รู้ทำไม เธอมักรู้สึกว่าข้างหน้านี้ เหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องพวกเธอ และกำลังกวักมือเรียกพวกเขาให้เข้าไปหาอย่างช้าๆ…

ความรู้สึกนี้ประหลาดมาก กระทั่งทำให้เธอรู้สึก…

“ไม่ได้การ! ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเดียวกัน ถ้าอย่างนั้นอวี่เหวินซวนก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว! มันมาอยู่ที่นี่ แล้วอวี่เหวินซวนถูกมันล่อไปที่ไหนแล้ว?” หลิงม่อพูดขึ้น แล้วอยู่ๆ ก็เร่งฝีเท้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ซูหานชะงัก ไม่นานเธอก็สังเกตเห็นหมัดที่กำแน่นของหลิงม่อ…พอนึกถึงสีหน้าของเขาเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง สวี่ซูหานก็โยนลางสังหรณ์นั้นทิ้งไป จากนั้นก็เร่งความเร็ววิ่งตามไปทันที…

“ที่ดูใจเย็นมาตลอด ที่แท้ก็แสร้งทำตามคาด…” สวี่ซูหานอดคิดไม่ได้

พอกลายเป็นซอมบี้แล้วต้องมาคิดเรื่องพวกนี้อีกครั้ง ความรู้สึกต่างไปจากตอนเป็นมนุษย์มากทีเดียว แต่เพราะความรู้สึก “มองดูอยู่เงียบๆ” อย่างนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนเข้าใจหลิงม่อขึ้นมาบ้างแล้ว…

“มันไม่ได้แค่ล่อพวกเราเข้าไป” อยู่ๆ หลิงม่อก็พูดเสียงเย็นชาขึ้นมา

“หา?”

“มันทำเพื่อล่อพวกเราออกมาด้วย อวี่เหวินซวนต้องยังอยู่ในนี้แน่ๆ ที่มันทำอย่างนี้ เพื่อแยกพวกเราออกจากกัน” หลิงม่อบอก

น้ำเสียงของเขาราวกับกลับมาใจเย็นลงอีกครั้ง แม้แต่สีหน้าก็ยังกลับมาเป็นปกติแล้ว

สวี่ซูหานมองเขาแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้า “อื้ม…”

หลังจากลังเลครู่หนึ่ง อยู่ๆ เธอก็ยื่นมือออกไปจับมือหลิงม่อไว้ “หยุดกำหมัดได้แล้ว…”

“ยะ…อย่าเข้าใจผิดล่ะ ฉันแค่จะพาเธอวิ่งให้เร็วขึ้นหน่อย”

———————————————————

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset