“กะ…แกหมายความว่าไง…” เจ้าสัตว์ประหลาดพุ่งตัวออกมาข้างหน้าอย่างดุดัน แต่กลับถูกสวี่ซูหานเหยียบร่างจมโคลน ถึงแม้สายตามันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง แต่ดูจากความลนลานที่แฝงอยู่ก็รู้แล้ว ว่าหลิงม่อพูดถูก
“ถึงแม้พฤติกรรมคำพูดและรูปแบบความคิดของแกจะคล้ายมนุษย์มากแล้ว…ซึ่งเรื่องพวกนี้แกก็คงจะเลียนแบบมนุษย์มาสินะ? แต่พอมีปฏิสัมพันธ์กับคนมากเข้าหน่อย แกก็อยากกลายเป็นมนุษย์ขึ้นมาจริงๆ ซึ่งบอกตรงๆ ว่ามันเป็นความคิดที่ช่างไร้เดียงสาจริงๆ ถึงแม้จะมีความทรงจำของมนุษย์ แกก็เป็นได้แค่พวกมือใหม่ที่มีหน่วยความจำ 18G ติดตัวแต่ไม่มีประสบการณ์เลยแม้แต่น้อยเท่านั้น…” หลิงม่อก้าวถอยหลังอย่างสบายๆ พลางพูดอย่างไม่ไว้หน้า เพียงแต่ขณะที่เขาพูดครึ่งประโยคแรกสวี่ซูหานก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ แต่พอพูดถึงครึ่งหลัง…
“นี่!”
“…สรุปก็คือ แกยังอ่อนหัดเกินไป”
คำพูดของหลิงม่อเหมือนจะแทงใจดำเจ้าสัตว์ประหลาดได้เป็นอย่างดี มันพยายามขัดขืน “แกว่าใครมือใหม่…”
แต่เพิ่งจะขัดขืนได้ไม่นาน อยู่ๆ มันก็เริ่มจ้องหลิงม่อและน้ำลายไหลอย่างบ้าคลั่ง…ผลข้างเคียงของการใช้พลังเกินขีดจำกัด กำลังแสดงผลออกมาแล้ว…
“อืมม ตอนนี้มันไม่สามารถต้านทานได้อีกแล้ว…” หลิงม่อพยักหน้าอย่างพอใจ
“แต่มันก็ไม่มีทางให้ความร่วมมือดีๆ เหมือนกันนี่!” สวี่ซูหานยังคงเหยียบเจ้าสัตว์ประหลาดไว้แน่น ขณะเดียวกันก็บอกว่า “อย่าว่าแต่ให้ความร่วมมือเลย มันจะทำให้เกิดปัญหาใหม่ด้วยซ้ำ! นายบอกเองไม่ใช่หรอ ว่ามันยังมีพรรคพวกอยู่อีก…”
“ฮื่อออ…” เจ้าสัตว์ประหลาดเปล่งเสียงคำรามขัดขืน
หลิงม่อครุ่นคิด บอกว่า “เกรงว่าเธอคงต้องผิดหวังแล้วล่ะ…ที่นี่สัตว์ประหลาดที่มีจำนวนมากที่สุดก็คือแกสตอง แต่ผลงานสำเร็จอย่างมัน น่าจะมีจำนวนน้อยถึงจะถูก ความจริงหากมองในระยะยาว เจ้าสิ่งที่เรียกตัวเองว่า ‘โอเบลิสก์’ นี่มีความสามารถแฝงสูงกว่าแกสตองจริงๆ แกสตองแค่รับมือได้ยากเวลาอยู่ในสภาพแวดล้อมใต้ดินอย่างนี้เท่านั้นแหละ แต่ความร้ายกาจของ ‘โอเบลิสก์’กลับสามารถแสดงให้เห็นได้เมื่ออยู่ท่ามกลางกลุ่มคน จำที่มันบอกได้ไหม? หลังจากแปลงร่างเป็นฉัน มันจะขึ้นไปบนดิน จากนั้นก็เข้าไปในเขตที่มนุษย์รวมตัวกันอยู่…ถ้าหากเราปล่อยให้มันทำสำเร็จ ผลที่ตามมาคงร้ายแรงเกินคาดเดา”
“มันก็จริง…” สวี่ซูหานได้ยินก็ตะลึง ถึงแม้เธอไม่ใช่มนุษย์แล้ว แต่เห็นชัดว่า สัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นพวกเดียวกับพวกเธอ ทันทีที่ปล่อยให้สัตว์ประหลาดพวกนี้ขึ้นไปข้างบนได้ กระทั่งอาศัยพลังแปลงร่างขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบเหนือซอมบี้ ไม่ว่าซอมบี้หรือมนุษย์ เกรงว่าคงจะมีชีวิตที่ลำบากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้
“ส่วนตอนนี้ควรทำยังไง…” หลิงม่อจ้องเจ้าสัตว์ประหลาด แล้วอยู่ๆ ก็ถามเธอว่า “ ‘ผลิตภัณฑ์’ที่พิเศษขนาดนี้ ถ้าหากเธอเป็นร่างแม่ล่ะก็ เธอจะปล่อยให้มันหลุดไปอยู่ในมือศัตรูไหมล่ะ? ถึงจะปล่อยไปได้ แล้วอาหารอย่างพวกเราล่ะ? อย่าลืมสิ มันลงทุนส่ง ‘โอเบลิสก์’มาหาเราขนาดนี้ คงไม่ยอมมองดูเราจากไปเฉยๆ หรอก”
สวี่ซูหานชะงัก ไม่นานก็ทำหน้าเหมือนเข้าใจ “นายหมายความว่า…”
“หมายความอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ” หลิงม่อใช้หนวดสัมผัสมัดแขนขาทั้งสี่ข้างของเจ้าสัตว์ประหลาดไว้แน่น จากนั้นก็ลอง “กระตุก” ดูหนึ่งครั้ง แล้วบอกว่า “ตอนนี้พวกเราเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตกปลาได้สำเร็จแล้ว ส่วนสิ่งที่ตกได้จะเป็นสัตว์ประหลาดหรือร่างแม่ ก็ขึ้นอยู่กับดวงของเรา แต่ไม่ว่ายังไง เหยื่อล่อพวกนี้จะช่วยให้พวกเราหาอวี่เหวินซวนเจออย่างแน่นอน ถ้าหากไม่ได้จริงๆ…”
ความจริงสำหรับหลิงม่อแล้ว วิธีที่ดีที่สุดคือควบคุมกับกลืนกิน แต่พลังควบคุมนั้นไม่สะดวกใช้กับสวี่ซูหาน และดูจากสภาพดวงจิตของสัตว์ประหลาดตัวนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะควบคุมมัน แทนที่จะสูญเสียพลังจิตมหาศาลเพื่อควบคุมมัน สู้หาวิธีที่รอบคอบและปลอดภัยกว่านี้ดีกว่า ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นรังของศัตรู ยิ่งประหยัดพลังงาน ก็ยิ่งรับประกันความปลอดภัยได้มากขึ้น
ส่วนพลังกลืนกินนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย…ถ้าหากใช้พลังกลืนกินแล้วเกิดได้มาเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำที่เกี่ยวกับอวี่เหวินซวน คงไม่ใช่เรื่องดีแน่…
หลังคิดซ้ายคิดขวา หลิงม่อจึงได้ตัดสินใจอย่างในตอนนี้ ลดความอันตรายของสัตว์ประหลาดตัวนี้ลงก่อน จากนั้นก็ใช้มันเป็นเหยื่อล่อ…ความจริงวิธีนี้เป็นการใช้กลยุทธ์หนามยอกเอาหนามบ่ง แต่เหตุผลไม่ได้มีเพียงเท่าที่หลิงม่อพูดออกไป
เขามีความรู้สึกที่รุนแรงมากอย่างหนึ่ง…บางทีเจ้า “โอเบลิสก์” นี่ อาจเป็นกุญแจสำคัญที่เชื่อมโยงปัญหาทั้งหมดเข้าด้วยกันก็ได้ หากคุมมันไว้ให้อยู่หมัด เขาอาจสามารถไขปริศนาความลึกลับที่ซ่อนอยู่ใต้ดินของเมืองนี้ได้ทีละน้อยๆ ภายใต้สถานการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้อะไรเลย กลับมีอันตรายที่ร้ายแรงยิ่งกว่ากำลังก่อตัวอยู่ใต้เท้าของพวกเขา…
“งั้นพวกเราจะรออยู่อย่างนี้หรอ?”เสียงของสวี่ซูหานดังขัดความคิดของหลิงม่อ
หลิงม่อดึงสติกลับมา บอกว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่ จะตกปลาก็ต้องหาจุดขว้างเบ็ดดีๆ ก่อน จะไปดูหน่อยไหม? ตรงอีกหนึ่งร้อยเมตรข้างหน้านั่น”
“ที่นั่นน่ะหรอ? แต่เจ้าสัตว์ประหลาดนี่บอกว่า…” สวี่ซูหานพูดอย่างกลัวๆ ทว่าเธอรู้ดี ว่าที่นั่นต้องมีอะไรพิเศษอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่พยายามจะพวกเขาไปให้ได้ แต่เงื่อนงำย่อมหมายถึงอันตราย และไม่ใช่อันตรายธรรมดาซะด้วย…
“พวกเราก็ให้มันไปไง” หลิงม่อ “กระตุก” หนวดสัมผัสอีกครั้ง แล้วพูดขึ้น
สิบกว่าวินาทีผ่านไป หลิงม่อกับสวี่ซูหานก็ได้เดินมาถึงจุดที่อยู่ห่างจากปลายทางเพียงสิบเมตร ถึงแม้ยังไม่ได้เดินเข้าไปในเขต “กับดัก” แต่ความเงียบและความมืดรอบตัว กลับทำให้พวกเขาทั้งสองรู้สึกอึดอัดมาก โดยเฉพาะเมื่อพวกเขามองลึกเข้าไปในนั้น…ทางเดินลึกๆ นั้นเปรียบเสมือนปากกว้างๆ สีดำ ถึงแม้จะกางนิ้วที่กุมแสงไฟฉายไว้ออกเล็กน้อย แต่กลับส่องไม่เจออะไรเลย
“ไม่แน่ว่าอาจมีสิ่งที่สามารถดูดแสงได้อยู่…” สวี่ซูหานพูดพร้อมเบิกตาสีแดงกว้าง
“เธอเห็นชัดหรือเปล่า?” หลิงม่อถาม ความสามารถในการมองเห็นของเขาถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้วสำหรับมนุษย์ทั่วไป แต่อย่าว่าแต่เห็นชัดเลย เวลานี้แม้แต่เค้าโครงรางๆ เขาก็ยังมองไม่เห็น เหมือนที่สวี่ซูหานบอก ทางเดินนี้เหมือนกำลังกลืนกินแสงทุกชนิดอย่างไรอย่างนั้น…ในรัศมีสิบเมตรยังถือว่าปกติ แต่นอกรัศมีสิบเมตรนี้กลับดูเหมือนโลกคนละใบ ทว่านอกจากจุดนี้ ที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอื่นอีก ถ้าหากไม่ใช่ว่าหลิงม่อจับผิดเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ก่อน เกรงว่าป่านนี้พวกเขาคงเดินเข้าไปในความมืดมิดตรงหน้านั้นแล้ว…
“นิดหน่อย” สวี่ซูหานกระพริบตา บอกว่า “รู้สึกเหมือน…มีหมอกบังตาอยู่หนึ่งชั้น เอาเป็นว่าฉันรู้สึกว่าตรงนั้นผิดปกติมาก พวกเราอย่าบุ่มบ่ามเข้าไปจะดีกว่า ไม่แน่ว่านายอาจตกเหยื่อประหลาดๆ ได้จากที่นี่จริงๆ ก็ได้…”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาตั้งตารอก็แล้วกัน” หลิงม่อบอก จากนั้นก็ล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋า ซึ่งก็คือ—มือถือ
ถึงแม้จะไม่ได้ใช้งานมากนัก แต่โดยรวมแล้ว เจ้าสิ่งนี้ก็ยังถือว่าใช้งานง่าย ดังนั้นก่อนออกเดินทาง จางอวี่แห่งค่ายปาฏิหาริย์ก็ได้เตรียมให้ทุกคนคนละเครื่อง และของประเภทนี้ หลิงม่อก็พกติดตัวจนเคยชิน แต่ไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์ในเวลาอย่างนี้…
“จะถ่ายรูปมันหรอ?” สวี่ซูหานถาม เธอนึกว่าหลิงม่ออยากบันทึกรูปมันไว้…
“ยังไม่ต้อง อีกอย่างมีเหล่าหลันอยู่ เอาศพกลับไปจะดีกว่า” หลิงม่อบอก…
“เป็นผู้เชี่ยวชาญนี่ดีจังเลยนะ…”
“มันเป็นเรื่องจำเป็น…”
“แล้วนี่นายจะทำอะไร?”
“อัดวิดิโอ หรือพูดอีกอย่างก็คือแอบถ่าย…” หลังจากที่ตั้งค่ามือถือเสร็จ หลิงม่อก็ยกมันขึ้นบนหัวเจ้าสัตว์ประหลาด
จุดสีแดงบนจอกระพริบตามปกติ แต่ภาพที่ถ่ายได้กลับเลือนรางไม่ชัดเจนซักนิด…
“ทีหลังเตรียมกล้องถ่ายรูปมาเลยดีกว่า…” สวี่ซูหานอดแนะนำไม่ได้
“ก็ปกติไม่ได้ใช้นี่นา…ไม่ใช่เอะอะก็ถ่าย 18G ตลอดนี่นา”
“พอได้แล้ว! นายจะอะไรนักหนากับ 18G เนี่ย!”
“ดูเหมือนเธอจะรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร ไม่เสียชื่อคนในวงการจริงๆ…”
“ใครคนในวงการไม่ทราบ! นายจะทำอะไรก็รีบทำเข้าเถอะน่า!”
ความจริงหลิงม่อก็ไม่ได้มีอะไรให้ทำมาก…หลังจากที่เอามือถือวางไว้ในจุดที่สูงจากหัวเจ้าสัตว์ประหลาดประมาณสามสิบเซนติเมตร เขาก็ค่อยๆ ปล่อยมือ แต่ในขณะที่หลิงม่อคลายมือออก มือถือเครื่องนั้นกลับลอยอยู่กลางอากาศอย่างน่าพิศวง
“อยู่ๆ ฉันก็คิดว่านายควรมีชื่อภาษาอังกฤษว่าเดวิดอะไรทำนองนั้น…” สวี่ซูหานตะลึง ถึงแม้สายตาของหลิงม่อจะดูแน่วแน่มาก การควบคุมก็เหมือนจะทำได้อย่างละเอียด แต่แค่เห็นภาพที่น่าพิศวงนี้ ก็ยังทำให้สวี่ซูหานรู้สึกแปลกใหม่มากอยู่ดี… (เดวิด คอปเปอร์ฟิลด์ ชื่อของยอดนักมายากล)
“เอาล่ะ ลุยเลย” หลิงม่อยกเท้าถีบก้นเจ้าสัตว์ประหลาดหนึ่งที แล้วพูดเสียงเบา
—————————————–