“เอื้อก…” ในความมืดมน อวี่เหวินซวนลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เมื่อระยะทางสั้นลง หลิงม่อก็กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว…
ความรู้สึกเวลาต้องอยู่ในความมืด และพยายามเข้าใกล้เป้าหมายที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอย่างนี้ ทั้งลุ้นระทึกและกดดันไม่น้อย…
“ระวัง…” สองวินาทีต่อมา สวี่ซูหานเตือนเสียงแผ่วเบาอีกครั้ง
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของเธอ ทันใดนั้นเสียงแผ่วเบาหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ตึกๆ”
เสียงนั้นไม่ดัง แต่กลับทำให้คนสามคนที่กำลังกลั้นหายใจเพ่งสมาธิสะดุ้งตัวโยน
หลิงม่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับแขนเขาทันที ขณะเดียวกันก็ยังมีสัมผัสนุ่มนวลที่ถูกเบียดเสียดเข้ามา…
สวี่ซูหานปิดปาก คว้าแขนหลิงม่อแน่น
เธอที่เมื่อกี้ยังเดินนำอยู่หน้าสุด เวลานี้กลับสะดุ้งตกใจจนตัวสั่น…
ทนไม่ไหวแล้วนี่นา!
ส่วนอวี่เหวินซวนได้แต่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ กว่าเขาจะได้สติ หลิงม่อก็พาสวี่ซูหานโฉบหลบไปอีกด้านแล้ว ขณะเดียวกันเขารู้สึกแน่นที่เอว ไม่นานก็ถูกลากตามไปด้วย
“รีบนั่งลงเร็ว” หลิงม่อบอก
อวี่เหวินซวนหมายจะอ้าปากถาม แต่ก็ได้ยินเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
“แอ๊ดด…”
และเทียบกับเมื่อกี้ เสียงนี้ดังใกล้เข้ามากว่าเดิม…
มีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้!
เห็นชัดว่า หลิงม่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งล่วงหน้า…
“ตึกๆ…”
ในระหว่างที่พวกเขาแปลกเปลี่ยนสายตากันสั้นๆ เสียง “ตึกๆ” นั้นก็เริ่มค่อยๆ ดังถี่ขึ้น และใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ…ถ้าหากจินตนาการโดยฟังเสียงอย่างเดียว ก็เหมือนกับคนคนหนึ่งกำลังเร่งความเร็ว เดินมาทางที่ซ่อนตัวของทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว…และการที่พวกเขานั่งอยู่ตรงนี้โดยอาศัยการบดบังของไอหมอกมืด ไม่แน่ว่าอาจไม่ได้ส่งผลต่อการซ่อนตัวแต่อย่างใด…
แต่ก็เหมือนกับที่สวี่ซูหานเคยบอกก่อนหน้านี้ ไอหมอกมืดที่นี่หนาแน่นเกินไปจริงๆ บวกกับพื้นที่โล่งกว้าง ดังนั้นเสียงที่พวกเขาได้ยินล้วนมีประสิทธิภาพสะท้อนกลับแฝงอยู่ด้วย แยกแยะทิศทางคร่าวๆ ยังพอได้ แต่จะให้ระบุตำแหน่งชัดเจน เกรงว่าคงยาก…
สรุปก็คือ สถานที่ไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา แต่หากมองในแง่ดี อีกฝ่ายอาจไม่ได้เดินมาทางพวกเขาก็ได้…
“เสียงฝีท้าหรอ?” หลิงม่อขมวดคิ้วคาเดา
ฟังจากความเร็วที่เสียงค่อยๆ ดังขึ้นก็รู้แล้ว ไม่นานอีกฝ่ายจะเดินมาใกล้พวกเขาแล้ว…
“กรี๊ด!”
แต่ไม่มีใครรู้เลย ว่าเวลานี้กลับมีเสียงร้องแหลมๆ ดังขึ้น…
และเสียงร้องนั้น ก็สะท้อนความหวาดกลัวสุดขีดอย่างชัดเจน…มันไม่ใช่เสียงที่สัตว์ประหลาดพวกนั้นร้องออกมาแน่ พวกมันมีเพียงสัญชาตญาณ ไม่มีทางรู้สึกถึงอารมณ์หวาดกลัวได้แน่นอน
“ตึกๆ!”
เสียงฝีเท้ากลับชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง ทว่าไม่นานมันก็ดังขึ้นติดๆ กัน และไกลออกไปเรื่อยๆ…
“ฉิบหาย!”
หลิงม่อได้สติกลับคืนจากความช็อกอย่างรวดเร็ว พลันดึงสวี่ซูหานลุกขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย?” อวี่เหวินซวนเองก็รับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของหลิงม่อผ่านแรงกระตุกที่ส่งมาทางหนวดสัมผัส จึงลุกขึ้นยืนตาม และอดถามไม่ได้
“ฉันไม่รู้…” สวี่ซูหานส่ายหน้าอย่างขวัญหนีดีฝ่อ เหตุพลิกผันเกิดขึ้นกะทันหัน เธอมองไม่เห็นอะไรซักอย่าง…
หลิงม่อพูดเสียงเบา “ไม่ว่ายังไง…นี่ก็เป็นโอกาส!”
“นายหมายความว่า…พวกเราจะเป็นฝ่ายวิ่งตามไป?” สวี่ซูหานถาม
จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นในสถานที่อย่างนี้ เท่านี้ก็ประหลาดมากแล้ว…ตอนนี้แม้แต่เสียงกรีดร้องก็ยังมา แต่เขาก็ยังจะตามไปเนี่ยนะ?
“ถูกต้อง” หลิงม่อพยักหน้า แล้วพูดเสริม “เธอกับเฟิ่งจื่อซวนรอฉันอยู่ที่นี่ก็ได้”
“ไม่ได้!”
“ฉันไม่เอาด้วยนะ!”
สวี่ซูหานกับอวี่เหวินซวนปฏิเสธพร้อมกันทันควัน
“ฉันต้องไปให้ได้!” อวี่เหวินซวนค้าน “เรื่องน่าท้าทายขนาดนี้…”
“ท้าทายบ้าอะไรล่ะ! นายทำตัวปกติกับเขาเป็นบ้างไหม!”
“อุวะฮ่าฮ่าฮ่า…ขอโทษที…”
สวี่ซูหานกลับพูดเสียงเครียด “ฉันกลัวมาก แต่ว่า…แต่ฉันก็จะไป ฉันรู้ว่าทำไมนายถึงอยากไป…ฉันเอง…ฉันเองก็อยากเรียนรู้ให้มากขึ้น เพราะยังไงฉันก็…”
พุดมาถึงตรงนี้ เดาว่าเธอเองก็คงรู้สึกกระอ่วนใจ…แต่เพื่อแสดงความตั้งใจ เธอจึงฝืนพูดเสริมว่า “เอาเป็นว่าฉันช่วยได้ ที่กลัว…ก็แค่ชั่วคราว ฉันไม่เป็นตัวถ่วงนายหรอก”
“เอ่อ…งั้นก็ได้ วางใจ หากสถานการณ์ดูไม่ดีพวกเราก็ถอย” หลิงม่อพูดจบ ก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า “คือว่า ผู้ประกาศข่าวสวี่…”
“ฉันจะไป!” สวี่ซูหานรีบตอบ
“ก็ไปสิ…แต่ว่า เธอกอดแน่นเกินไปหน่อยหรือเปล่า…” หลิงม่อพูดอย่างกระอักกระอ่วน กว่าเขาจะพูดคำนี้ออกมาได้ ก็ลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน…
ความจริงเขาพูดอย่างเกรงใจและอ่อนโยนที่สุดแล้ว…สวี่ซูหานไม่ใช่แค่กอดแน่น แต่เธอแทบจะเข้ามาพันรัดเขาทั้งตัวแล้ว นอกจากโอบแขนหลิงม่อแน่นแล้ว ขาเรียวยาวทั้งสองข้างของเธอยังรัดรอบขาหลิงม่อไว้แน่นอีก…บวกกับเรี่ยงแรงมหาศาลในฐานะซอมบี้ของเธอ หลิงม่อรู้สึกเหมือนแขนของเขาใกล้จะถูกบีบจนแบบแล้ว…ช่างเป็น “อาวุธร้ายแรง” จริงๆ…
“ห๊ะ?…อ๊ะ!” สวี่ซูหานก้มมองตัวเอง พลันสะดุ้ง รีบคลายมือคลายเท้าทันที
ตอนนี้เธออับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว…เมื่อกี้เพิ่งพูดอยู่หยกๆ ว่าจะไม่เป็นตัวถ่วง ปรากฏว่าในขณะที่ปากบอกไม่ ร่างกายกลับไม่ให้ความร่วมมือ!
และที่แย่ที่สุดก็คือ…เธอยังต้องจับข้อมือหลิงม่อเพื่อนำทาง…
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ดวงหน้าร้อนผะผ่าวอย่างไร้ที่เปรียบ สวี่ซูหานจำเป็นต้องยื่นมือออกไป จับข้อมือหลิงม่ออีกครั้ง…
“ไปกัน!” หลิงม่อกลับไม่สังเกตเห็นความว้าวุ่นของสวี่ซูหาน ตอนนี้ความสนใจของเขา พุ่งเป้าไปที่ความมืดที่อยู่ตรงหน้า…
คนที่ตื่นเต้นเหมือนกันยังมีอวี่เหวินซวนอีกคน เพียงแต่เขาแสดงอารมณ์ผ่านคำพูดทั้งหมด “พวกนายก็ได้ยินแล้วใช่ไหม? เสียงนั้นน่าสงสัยมาก! ไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่ก็ไม่มีทางเป็นมนุษย์…ดูจากความน่าจะเป็นแล้ว ฉันว่าเสียงนั้นเป็นเสียงที่สัตว์ประหลาดที่กลายร่างเป็นร้องออกมาแน่นอน แต่เสียงฝีเท้านั่นมันยังไงกันแน่? ถ้าหากว่ารู้ว่าพวกเราอยู่ตรงนี้แล้ว มัน…”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจเหมือนกัน” หลิงม่อวิ่งไปพลาง พูดเสียงเบาไปพลาง “ถ้าหากว่าเสียงร้องนั้นต้องการล่อพวกเรา ถ้าอย่างนั้นเสียงฝีเท้านั้นก็ไม่มีคำอธิบาย ฉันว่า อาจเป็นไปได้ว่าเสียงร้องกับเสียงฝีเท้าไม่ใช่พวกเดียวกัน…ดังนั้น…”
“ดังนั้นนี่เลยเป็นโอกาส…” อวี่เหวินซวนเข้าใจทันที
สวี่ซูหานเองก็ได้สติ เมื่อกี้พวกเธอตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ตอนนี้กลับเป็นฝ่ายไล่ล่า พลิกเกมเป็นฝ่ายได้เปรียบ…
เพียงแต่ไม่รู้ทำไม พอคิดถึงเสียงร้องนั้น สวี่ซูหานก็รู้สึกไม่สบายใจลึกๆ…
“หลิงม่อ ฉันว่า…”
“กรี๊ดดด!”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง และเสียงร้องในครั้งนี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเสียงโหยหวน…
—————————————
Related