แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ – ตอนที่ 667 แบบหดตัวได้

บทที่ 667 แบบหดตัวได้

อาการกระตุกสั่นของหมีแพนด้ากลายพันธุ์เหมือนอาการที่จู่ๆ ร่างกายก็ถูกติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานสูง แต่ร่างกายรับแรงขับเคลื่อนอย่างนี้ไม่ไหว

ทว่าภายใต้การกัดกร่อนของเชื้อไวรัส ร่างกายของมันกำลังปรับตัว เพื่อให้ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ใหม่เครื่องนี้ได้

หลิงม่อจดจ่อสมาธิทั้งหมดไปที่เสี่ยวป๋าย เหมือนกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดเล็กๆ ไป

“กร๊อบ กร๊อบ กร๊อบ…”

เสียงที่เหมือนกระดูกกำลังเปลี่ยนรูป ดังมาจากทุกจุดของร่างกายเสี่ยวป๋าย

เสียงครางของเสี่ยวป๋ายทรมานกว่าเดิม ร่างกายก็เริ่มกระตุกสั่นรุนแรงขึ้น

“เป็นเพราะวิวัฒนาการไปพร้อมกับกลายพันธุ์เพราะติดเชื้อ เลยมีปฏิกิริยารุนแรงอย่างนี้งั้นหรอ?” หลิงม่อยื่นมือไปลูบขนยาวปุกปุยของเสี่ยวป๋าย จากนั้นก็ก้มหน้ามองหยาดเหงื่อบนฝ่ามือตัวเองอย่างครุ่นคิด

เสียงกระดูกเคลื่อนดังมาอีกครั้ง ขณะเดียวกันกล้ามเนื้อบนร่างของเสี่ยวป๋ายก็เริ่มพองขึ้นด้วย

ขนาดตัวที่เดิมก็ใหญ่มากแล้วของมัน ตอนนี้ใหญ่กว่าเดิมถึงหนึ่งรอบ

“ถึงฉันจะไม่อยากให้แกตัวเล็กลง แต่ก็ไม่ได้อยากให้ตัวใหญ่เกินไปนะ…” หลิงม่ออดทอดถอนใจไม่ได้

หากใหญ่กว่านี้ไปเรื่อยๆ มันจะเป็นที่สะดุดตาเกินไปแล้ว

ถึงแม้จะรักษาระยะห่างจากหลิงม่อ แต่ก็ยังต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจถูกคนอื่นจับได้

แต่ตอนนี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดีนี่นา!

เขาทำได้เพียงปลอบประโลม เพื่อบรรเทาความทรมานให้เสี่ยวป๋ายเท่านั้น

ในอีกด้าน ยิ่งมันทรมาน พลังจู่โจมที่มีต่อหลิงม่อก็ยิ่งรุนแรงขึ้น หลายครั้งที่สายสัมพันธ์ทางจิตเกือบขาดสะบั้น แต่หลิงม่อกลับดึงสถานการณ์กลับมาได้ทันเวลา

หลังจากที่ร่างกายมีปฏิกิริยารุนแรง คลื่นดวงจิตของเสี่ยวป๋ายก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

ทว่าความจริงนี่เป็นปฏิกิริยาที่แกติอยู่แล้ว ทุกครั้งที่วิวัฒนาการหรืออัพเกดร นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย สติปัญญาก็จะมีพัฒนาการขึ้นในระดับหนึ่ง

แต่หลิงม่อไม่ได้มีความเข้าใจเรื่องสัตว์กลายพันธุ์เท่าซอมบี้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงทำได้เพียงมองดูเฉยๆ

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ร่างกายเสี่ยวป๋ายที่เดิมกระตุกสั่นเบาบ้างแรงบ้างเริ่มคงที่มากขึ้น

เสียงกระดูกเคลื่อนในร่างกายของมันดังอยู่อย่างนั้นตลอดไม่เคยหยุด จนหลิงม่อกลัวว่ามันจะตัวใหญ่ขึ้นอีกรอบหนึ่ง

แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากเสียง “กร๊อบ” ดังขึ้นหนึ่งครั้ง หมีแพนด้ากลายพันธ์ตัวนี้กลับตัวเล็กลงหนึ่งรอบ และกลับไปมีร่างกายขนาดเท่าเดิมอีกครั้ง

“เอ๋?”

หลิงม่อขยี้ตาสองสามที เขานึกว่าตัวเองตาฝาดไป

คิดไม่ถึงว่าหลายวินาทีต่อมา ร่างกายเสี่ยวป๋ายจะกลับเข้าสู่กระบวนการเดิมอีกครั้ง

คราวนี้หลิงม่อถึงกับช็อกค้างไป ที่แท้มันก็หดตัวได้!

ความลึกลับของสัตว์นั้นมีไม่น้อยอยู่แล้ว หลังจากถูกปรับโครงสร้าง ผลของการวิวัฒนาการยิ่งทำให้เหนือความคาดหมายเข้าไปอีก

หลังจากที่ลิ้มลองกระบวนการนี้หลายรอบเข้า ร่างกายของเสี่ยวป๋ายก็เหมือนจะเริ่มคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ขึ้นมาบ้างแล้ว

มันลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล จากนั้นร่างกายของมันก็พองขึ้นเหมือนถูกเป่าลมใส่เข้าไปอย่างไรอย่านั้น

เมื่อร่างกายของมันพองโตขึ้นถึงสองเท่าเต็มๆ เสี่ยวป๋ายก็ร้อง “แบ๊” พร้อมทำสีหน้าทรมาน ไม่นานขนาดร่างกายของมันก็กลับไปเท่าเดิมอีกครั้ง

หลิงม่อเบิกตากว้างรอลุ้นถึงหนึ่งนาทีเต็ม กว่าจะแน่ใจได้ว่าเสี่ยวป๋ายไม่มีแนวโน้มตัวเล็กลงอีก

“ถ้าใหญ่ขึ้นกว่านี้ได้ ก็คงจะแสดงข้อดีของมันออกมาได้เต็มที่กว่า”

หลิงม่อนึกถึงท่าแพนด้าล้มทับ ซึ่งเป็นท่าไม้ตายของหมีแพนด้ากลายพันธุ์ตัวนี้

ไม่เพียงเท่านี้ หลิงม่อสังเกตเห็นว่าขนของเสี่ยวป๋ายมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

อย่างเช่นสีขนตรงขอบตาดำของมัน ที่เริ่มเข้มขึ้นอีก จนตอนนี้มันดูใกล้เคียงกับหมีแพนด้าทั่วไปมาก ถ้าหากไม่ใช่ว่าดวงตาแดงก่ำคู่นั้นโดดเด่นสะดุดตาเกินไป หากมองแค่ภายนอก มันดูไม่ต่างจากหมีแพนด้าทั่วไปเลยแม้แต่น้อย

ทว่า…รูปร่างชัดเจนกว่า!

พอเสี่ยวป๋ายยกอุ้งเท้าเกาหัวตัวเอง หลิงม่อก็พบว่า การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของมันไม่ได้มีเพียงเท่านี้

กรงเล็บแหลมๆ นั่นตอนนี้ดูคมกริบกว่าเดิม และซ่อนได้มิดชิดมากขึ้นอีกด้วย

ถึงแม้จะไม่ได้วิวัฒนาการอะไรมาก แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนแปลงไปแค่รายละเอียดเล็กน้อย ก็มากพอที่จะทำให้พลังของเสี่ยวป๋ายเพิ่มขึ้นอีกระดับแล้ว

และผลของวิวัฒนาการครั้งนี้ก็ทำให้หลิงม่อพอใจมากด้วย…

“แบ๊!”

เสี่ยวป๋ายคำรามเสียงต่ำ พลางพยายามสะบัดหัวไปมาอย่างแรง

หลิงม่อเห็นก็ถึงกับมึนงง แต่ทันใดนั้นเขาก็ทำหน้าตะลึงงันขึ้นมา

เสี่ยวป๋าย…หายไปแล้ว!

ถึงแม้มันจะอยู่ตรงหน้าเขา แต่เสี้ยววินาทีหนึ่ง เขากลับสัมผัสรู้ถึงตัวตนของมันไม่ได้!

สายสัมพันธ์ทางจิตของทั้งสองคนยังอยู่ แต่เขากลับไม่สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของเสี่ยวป๋ายได้

ความรู้สึกอย่างนี้เหมือนกับตอนที่มันและอวี๋ซือหรานอยู่ชั้นใต้ดินกับศพน้ำเหล่านั้น และพลังจิตสัมผัสรู้ของหลิงม่อก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้ไม่มีผิด

แต่ความรู้สึกในตอนนี้กลับรุนแรงยิ่งกว่า เพราะหลิงม่อคิดว่าสายสัมพันธ์ทางจิตของตัวเองกับเสี่ยวป๋ายถูกตัดขาดไปแล้ว

โชคดีที่ความรู้สึกนี้หายไปอย่างรวดเร็ว และไม่นานเสี่ยวป๋ายก็กลับมาเป็นปกติ

หลังจากที่มันส่ายตัวไปมา เพื่อสะบัดเหงื่อบนตัวออก มันก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติ

หลิงม่ออึ้งไปหลายสิบวินาทีกว่าจะได้สติกลับคืนมา แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่า เสี่ยวป่ายเปลี่ยนไปจริง…

แต่การกลายพันธุ์ของมัน กลับมีลักษณะเด่นบางอย่างคล้ายกับศพน้ำเหล่านั้น

พวกมันสามารถสกัดกั้นพลังจิตสัมผัสรู้…

และพอหลิงม่อลองนึกดูอย่างละเอียด ก็เข้าใจว่าที่เขารู้สึกได้ชัดเจนกว่าปกติ ก็เป็นเพราะตัวเองและเสี่ยวป๋ายมีสายสัมพันธ์ทางจิตเชื่อมกันไว้ บวกกับเมื่อกี้เขาไม่ทันตั้งตัว…

ความจริงแล้ว เมื่อ “ความสามารถ” นั้นของเสี่ยวป๋ายหายไป หลิงม่อก็ค้นพบว่า ประสิทธิภาพพลังสกัดกั้นของเสี่ยวป๋าย เมื่อเทียบกับเหล่าศพน้ำจำนวนมากที่ใช้พลังร่วมกันยังคงแตกต่างกันอยู่มาก

แต่ถ้าหากฉวยโอกาสใช้ในตอนที่ต่อสู้กับผู้มีความสามารถพิเศษด้านพลังจิตในตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว จะต้องให้ผลที่คาดไม่ถึงอย่างแน่นอน

และนับตั้งแต่ที่เสี่ยวป๋ายเริ่มมีปฏิกิริยาของการวิวัฒนาการจนถึงตอนนี้ เวลาได้ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงกว่าแล้ว รอบกายหลิงม่อมีก้อนเหนียวหนืดถูกขว้างเข้าเต็มพื้น หลังจากที่แอบมองอยู่ไกล เหล่าซอมบี้สาวก็จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ เพื่อทำการล่าเหยื่อต่อ

สำหรับซอมบี้ เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์และสัตว์กลายพันธุ์ที่อยู่ในระหว่างวิวัฒนาการ ถือว่ามีแรงดึงดูดอันมหาศาล

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงที่พลังควบคุมของหลิงม่อมีผลต่อเสี่ยวป๋ายต่ำที่สุด อิทธิพลร่วมที่ได้รับผ่านสายสัมพันธ์ทางจิตก็จะอ่อนลงตามไปด้วย

แม้แต่อวี๋ซือหรานก็ยังทำแค่มองอยู่ห่างๆ อยู่ครู่เดียว จากนั้นก็ชูกำปั้นเล็กๆ ใส่หลิงม่อ แล้วเดินจากไปอย่างอาลัยอาวรณ์

“คราวนี้เธอคงพอใจแล้ว” หลิงม่อคิดในใจ

แต่คนที่พอใจที่สุดยังเป็นตัวเขาเอง เดิมเขาเป็นกังวลว่าเสี่ยวป๋ายจะมีพัฒนาการที่แปลกประหลาดหรือไม่ แต่เรื่องจริงได้ยืนยันแล้วว่าเฮยซือคือกรณีพิเศษที่พิสดารไม่เหมือนใคร…

“แต่ว่า แกคายอะไรออกมาถึงได้มีพลังอย่างนั้นได้?”

หลิงม่อเดินสังเกตรอบๆ ตัวเสี่ยวป๋ายอย่างละเอียดหนึ่งรอบ และทำการทดสอบดูอีกหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า : เหงื่อ…

ผลที่ได้นี้ทำให้หลิงม่อเหงื่อแตกพลั่ก เพราะนั่นหมายความว่าเมื่อใดที่เสี่ยวป๋ายต้องการใช้ “ความสามารถ” ประเภทนี้ เสี่ยวป๋ายก็ต้องกระโดดอยู่กับที่อย่างบ้าคลั่ง จึงจะได้ผลไม่ใช่หรอ?

หลิงม่อมองเสี่ยวป๋ายอย่างเห็นใจ แล้วจู่ๆ ก็พูดอย่างมีความหมายแฝงขึ้นมาว่า “ลำบากแล้ว…”

“แบ๊!”

เสี่ยวป๋ายที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นดีใจพยายามกลิ้งตัวไปมากับพื้น ปรากฏว่าพอมันกลิ้งตัว เสาไฟข้างทางที่ถูกกระแทกเข้าส่งเสียงครวญคราง จากนั้นเสาไฟก็เปลี่ยนรูปร่างไปตามการกลิ้งตัวอันยากลำบากของเสี่ยวป๋าย ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้…

“แบ๊…แบ๊…”

เสี่ยวป๋ายยังคงกลิ้งเบียดต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้

หลิงม่อถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ยอมแพ้เถอะ…”

………..

ขณะเดียวกับที่เสี่ยวป๋ายกำลังวิวัฒนาการ หลี่ย่าหลินเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

ยิ่งเธอเดินผ่านสถานที่มากขึ้น ภาพความทรงจำประหลาดๆ เหล่านั้นก็เริ่มผุดเข้ามาในสมองเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนแรกหลี่ย่าหลินไม่ค่อยเข้าใจว่าพวกนี้คืออะไร แต่เมื่อภาพเหล่านั้นเริ่มฉายผ่านเข้ามาหลายครั้งเข้า หลี่ย่าหลินก็ตระหนักได้ว่า บางทีตัวเองอาจจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…

ความทรงจำเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่เธอเป็นซอมบี้ แต่เกิดขึ้นตอนที่เธอยังเป็นมนุษย์อยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่ถูกแบ่งไปอยู่ในหมวดหมู่ “ไร้ประโยชน์” อย่างนี้

แต่ควรจะเก็บมาคิดอย่างละเอียดไหม หรือว่า…ควรบอกหลิงม่อดีล่ะ?

หลี่ย่าหลินดูไม่ค่อยมั่นใจ ด้วยระดับสติปัญญาของเธอในตอนนี้ ยังไม่สูงพอที่จะคิดเรื่อง “ซับซ้อน” อย่างนี้ได้

“บอก…หรือไม่บอกดี?”

หลี่ย่าหลินครุ่นคิด

“ลองเก็บมานึกดูดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็ไม่หยุดโผล่มากวนใจฉันซักที” หลี่ย่าหลินไม่ชอบความทรงจำที่ผุดออกมาไม่ยอมหยุดนี่ และนั้นส่งผลให้เธอตัดสินใจอย่างนี้

แต่ถ้าเอาแต่เดาสุ่มสี่สุ่มห้าก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีคำใบ้เลยนี่นา!

“อ๊ะ ใช่แล้ว!”

หลี่ย่าหลินฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “ผมหางม้านั่น!”

เบาะแสที่เธอพอจะจับได้ในตอนนี้ ก็มีแค่แผ่นหลังของเด็กสาวผมหางม้าอันเลือนรางนั่นเท่านั้น

แต่หลี่ย่าหลินกลับไม่รู้เลยว่าเงาร่างนั้นเป็นใคร และเกี่ยวข้องอย่างไรกับเธอ

ความรู้สึกเหมือนได้หนังสือเล่มใหม่ที่ไม่มีสารบัญมา หากไม่พลิกอ่านหน้าสำคัญ ก็จะไม่มีทางเดาเนื้อเรื่องได้เลย

สถานการณ์ของหลี่ย่าหลินในตอนนี้ก็เป็นแบบนี้ ดังนั้นหากเธอต้องการนึกเรื่องราวให้ได้มากกว่านี้ เธอก็ต้องหาเบาะแสเพิ่มเติม

—————————————————————————–

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

เมื่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้นและเกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง ผู้คนบนโลกก็ต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต จากคนธรรมดาต้องกลายเป็นซอมบี้กระหายเลือด! แต่ก็ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่รอดพ้นจากไวรัสร้ายกาจนี้ หนึ่งในนั้นคือหลิงม่อ หนุ่มเนิร์ดหน้าตาบ้านๆ แน่นอนว่าเขาต้องทุ่มเทพยายามสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างที่ต้องทำ คือช่วยแฟนสาวซอมบี้ ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง สุดท้ายแล้วหลิงม่อหนุ่มธรรมดาคนนี้จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ เรามาร่วมลุ้นไปด้วยกันเถอะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset