“ไม่ใช่สิ ถ้าเป็นปีกจริงๆ เมื่อกี้ทำไมมันไม่บินล่ะ?”
หลิงม่อได้สติกลับคืนมาจากความช็อกอย่างรวดเร็ว และนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
แต่ในเมื่อเป็นสินค้าที่ผ่านการวิวัฒนาการกลายพันธุ์มาแล้ว มันต้องมีประโยชน์ต่อซอมบี้ตาม่วงตัวนี้อย่างแน่นอน
แต่หากอาศัยแค่ดูด้วยตาเปล่า ก็ยากจะตัดสินได้ว่าเยื่อบางๆ นั่นมีไว้ใช้ทำอะไรกันแน่
นอกจากนี้ รูปร่างของซอมบี้ตาม่วงตัวนี้ก็…พิเศษมาก
มองแค่ภายนอก ยังคงยกจะแยกแยะเพศของมันได้
ทว่าหากวัดกันเรื่องแยกแยะรูปร่าง ซอมบี้ตัวนี้ต้องได้คะแนนสูงแน่นอน
ผิวที่ขาวซีดเหมือนคนตายนั่น หุ้มติดกระดูกและกล้ามเนื้อของมัน
และกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เหล่านั้นก็เหมือนถูกยัดแยกเข้าไป ไม่เพียงดูขัดแย้งกัน แต่ด้านบนยังมีเส้นเอ็นที่ปูดโปนขึ้นมาราวกับไส้เดือนอยู่ด้วย
การผสมผสานกันระหว่างความผอมแห้งกับความแข็งแรงนี้ ช่างเป็นที่ตราตรึงต่อผู้พบเห็นจริงๆ
ทว่าสิ่งที่พิเศษที่สุด ยังคงเป็นรูปลักษณ์ภายนอกอยู่ดี
แก้มที่ซูบตอบ ดวงตาที่ปูดโปน ฟันสีขาวและเหงือกสีแดงที่เผยให้เห็นเมื่อมันอ้าปาก ผมที่ยาวสยายอยู่ข้างหลัง กลับทำให้ศีรษะของมันดูเล็กลง
นอกจากนี้ มือคู่นั้นของมัน มองแวบแรกดูไม่ต่างจากศพแห้งเลยแม้แต่น้อย
บนเล็บมือที่แทบจะเป็นสีใสของมัน เต็มไปด้วยคราบเลือดสีน้ำตาลเข้ม ราวกับถูกสีเลือดย้อมเล็บมาอย่างไรอย่างนั้น
“รูปร่างหน้าตาดูแปลกใหม่ดี…” หลิงม่อคิดโดยที่หน้าไม่เปลี่ยนสี
เขามีภูมิคุ้มกันเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกสูงพอสมควร อะไรบ้างล่ะที่ซอมบี้ไม่มี?
เพียงแต่ว่าซอมบี้ระดับสูง…โดยเฉพาะซอมบี้ที่ระดับสูงสุดเท่าที่รู้ตอนนี้กลับมีรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ มันจึงทำให้เขาเหนือความคาดหมายเล็กน้อยเท่านั้น
“มองอะไร?” เจ้ามนุษย์นกตัวนี้คงจะรู้สึกแปลกใจมาก เมื่อไหร่กันที่มนุษย์เป็นฝ่ายมองมันด้วยสายตาอย่างนั้น?
แถมสายตาที่ไร้ซึ่งความกลัวอย่างนี้ ก็ทำให้มนุษย์นกรู้สึกไม่เป็นตัวเองมาก
เหมือนแกะตัวเล็กๆ กำลังจ้องหน้าหมาป่าผู้หิวโหยอย่างไม่เกรงกลัว นี่มันไม่ถูกต้องนะ!
“ไอ้นั่นของแกมันอะไรน่ะ?” หลิงม่อถึงขั้นออกปากถามไปตรงๆ เขาชี้ไปที่แขนของมนุษย์นก แล้วถามมัน
คราวนี้มนุษย์นกอึ้งไปจริงๆ มันไม่เคยเจอเหยื่อแบบนี้มาก่อนเลยซักครั้ง!
ไม่ ความจริงแล้ว ในสายตาของมัน มนุษย์อย่างหลิงม่อ ไม่ถือว่าเป็นเหยื่อด้วยซ้ำ อย่างมากก็เป็นได้แค่อาหารว่างจานเล็กๆ เท่านั้น
แต่ก็เจ้าอาหารว่างในร่างคนจานนี้แหละ ที่ไม่เพียงออกมาขวางทางมัน ทำให้มันบาดเจ็บที่เท้า แต่ยังกล้าชี้มาที่ร่างกายที่ผ่านการวิวัฒนาการขั้นสูงของมัน แล้วยังมีหน้ามาถามว่ามันคืออะไร
แต่มนุษย์นกอ้าปากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายตัวเองก็ตอบไม่ได้
ใช่สิ…แล้วสิ่งนี้มันเรียกว่าอะไรล่ะ?
“ไม่ใช่แล้วมั้ง แกก็ไม่รู้?” หลิงม่อกระพริบตาปริบๆ แล้วถาม
เขาแอบโบกมือที่ไขว้ไว้ข้างหลังเบาๆ แล้วเร่งอย่างเงียบๆ “รีบไปต่อ”
ตอนนี้เขากำลังเผาผลาญพลังจิตในปริมาณมาก และเนื่องจากเพ่งสมาธิเกินไป จึงส่งผลให้เขาอ่อนแอมาก แต่เมื่อกี้ที่โจมตีฝ่าเท้ามันจนสำเร็จ กลับทำให้หลิงม่อมีความมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
ความเร็วและพละกำลังของสัตว์ประหลาดตัวนี้น่าทึ่งมาก แล้วมันยังมีของที่คล้ายปีกนี่อีก แต่ถ้าหากแค่ถ่วงเวลา ก็ไม่แน่ว่าจะทำไม่ได้
และมันก็เหมือนจะมีความอยากรู้อยากเห็นสูงอยู่เหมือนกัน ถ้าหากใช้จิตวิทยาตรงนี้ให้ดี เขาก็จะถ่วงเวลาได้นานกว่านี้
รอจนกว่าสถานการณ์หลังวิวัฒนาการของพวกเย่เลี่ยนคงที่ก่อน ไม่แน่ว่าอาจมีโอกาสชนะขึ้นมาก็ได้!
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น หลิงม่อจะไม่ปล่อยให้เจ้ามนุษย์นกที่แยกแยะเพศไม่ออกตัวนี้แตะต้องพวกเย่เลี่ยนเด็ดขาด!
เย่เลี่ยนเหลือบเห็นการกระทำเล็กๆ ของหลิงม่อทันที เธอจ้องมนุษย์นกอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่ามนุษย์นกถูกหลิงม่อเบี่ยงเบนความสนใจไปจนหมด จึงพาเสี่ยวป๋ายเดินไปตามแนวกำแพง แล้วค่อยๆ อ้อมไปข้างหลังหลิงม่อ
หลิงม่อยังคงจ้องตากับมนุษย์นกอยู่อย่างนั้น ขณะเดียวกันก็ค่อยๆ ขยับกาย เพื่อกันพวกเย่เลี่ยนไว้ข้างหลังตลอด
“ถ้าไงฉันช่วยแกตั้งชื่อไหมล่ะ?” หลิงม่อพูดขึ้นอีกครั้ง
เจ้ามนุษย์นกกลอกตาไปมา “ชื่อ? ฉันไม่ต้องการของๆ มนุษย์”
“อย่างนั้นหรอ? ถ้างั้นฉันเรียกแกว่าเฮ้ย หรือไม่ก็ไอ้ซอมบี้ก็ได้” หลิงม่อพยักหน้า “แต่ชื่อซอมบี้น่ะมีเกลื่อนถนนเลยนะ ไม่เจ๋งเลยซักนิด”
เจ้ามนุษย์นกเหมือนจะแอบไตร่ตรองอยู่ในใจ แล้วจู่ๆ ก็ส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้”
“ถ้างั้นก็ชื่อซอมบี้นกแล้วกัน แล้วแกก็ยังตั้งชื่อเล่นให้ตัวเองได้ด้วย อย่างเช่น…นกน้อย” หลิงม่อพูดไร้สาระ พลางสัมผัสรู้ตำแหน่งของพวกเย่เลี่ยนไปด้วย
เมื่อเย่เลี่ยนอ้อมไปถึงข้างหลังหลิงม่อแล้ว หลิงม่อก็เพิ่มความระมัดระวังจนถึงขีดสูงสุด
“นกน้อย…” เห็นได้ชัดว่าเจ้ามนุษย์นกไม่มีสุนทรียศาสตร์เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่มันพูดทวนหนึ่งรอบ นึกไม่ถึงว่ามันจะเงียบและยอมรับชื่อนี้จริงๆ!
“ไม่นึกเลยว่าจะใจง่ายขนาดนี้…รู้งี้เลือกชื่อที่น่าเกลียดกว่านี้ก็ดี…”
หลิงม่อรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็กน้อย
ซอมบี้นกคุยไร้สาระกับหลิงม่อแค่เพียงไม่กี่ประโยค ก็เหมือนจะเริ่มติดลมขึ้นมา
มันเริ่มไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่ฝ่าเท้าแล้ว แต่กลับถามขึ้นอย่างสนอกสนใจว่า “มนุษย์ ทำไมแกอยู่กับซอมบี้? แล้วก็เผ่าพันธุ์เดียวกันพวกนั้น เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอกันแน่?”
ตามคาด!
นอกจากเย่เลี่ยนที่ดูเหมือนซอมบี้ปกติที่สุด ซอมบี้หญิงตัวอื่นล้วนดูแตกต่าง
และสำหรับซอมบี้นกที่มีสติปัญญาในการไตร่ตรอง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก
รูปแบบพฤติกรรมของมันก่อนหน้านี้ ก็ไม่เหมือนท่าทางของซอมบี้ที่คิดจะพุ่งเข้ามาสู้ทันที แต่กลับเหมือนกำลังสังเกตและสำรวจอย่างอยากรู้อยากเห็น
พอคิดถึงตรงนี้ ความมั่นใจที่หลิงม่อเพิ่งสร้างขึ้นเมื่อกี้ก็ลดลงไปทันที
อีกฝ่ายยังไม่ได้สู้เต็มที่เลย…
แต่ว่า เขาเองก็ยังไม่ถึงขีดจำกัดเหมือนกัน
“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับแกด้วย?” หลิงม่อพูดอ้อมค้อม
เขาเองก็อยากรู้ว่าซอมบี้นกมีจุประสงค์อะไรแน่ คงไม่ได้มาเพื่อจะดูอะไรสนุกๆ แค่นั้นหรอกใช่ไหม?
ซอมบี้นกหัวเราะด้วยน้ำเสียงประหลาด แล้วบอกว่า “ตอนแรกฉันได้กลิ่นอาหารรสเลิศ แต่พอมาถึงนี่กลับเจอมนุษย์อยู่ด้วยคนหนึ่ง แล้วยังมีอาหารที่แปลกยิ่งกว่าอีก”
“ใครเป็นอาหารแปลกวะ!”
หลิงม่อรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ที่แท้เจ้าซอมบี้นกก็คิดว่าตัวเองเห็นอาหารหน้าตาแปลกใหม่ และเกิดสงสัยใคร่รู้อย่างหนักนี่เอง!
พอซอมบี้นกพูดมาถึงตรงนี้ มันก็เหลือบไปมองพวกเย่เลี่ยนตามจิตใต้สำนึก
ผลปรากฏว่ามันเพิ่งจะสบตากับเย่เลี่ยน เสี่ยวป๋ายก็รีบหมุนกายออกวิ่งไปทางปากซอยอย่างบ้าคลั่งทันที
ซอมบี้นกเบิกตากว้างทันที แล้วก็หันมามองหน้าหลิงม่ออย่างโมโห “มนุษย์ แกหลอกฉัน!”
พูดไป มันก็เปล่งเสียงคำรามแปลกๆ ออกมาจากลำคอ จากนั้นร่างกายมันก็พุ่งตามไปทันที
หลิงม่อรู้สึกเพียงภาพตรงหน้าเกิดขึ้นเร็วมาก กระทั่งมองอะไรไม่ชัดเจนด้วยซ้ำ
โชคดีที่เขาเตรียมการไว้นานแล้ว ขณะเดียวกับที่ซมอบี้นกหายตัวไป เขาก็เพ่งสมาธิจนถึงระดับสูงสุดทันที
“ปึง ปึง ปึง!”
ภายในเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวินาที หลิงม่อเห้นเพียงเงาวูบวาบมากมายอยู่ตรงหน้า ไอสีแดงที่เกิดจากตาข่ายหนวดสัมผัสอันแน่นหนาถูกโจมตีระเบิดขึ้นเป็นจุดๆ
ขณะเดียวกันก็เหมือนมีคนกำลังถือค้อนเล็กๆ ทุบหัวเขาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไรอย่างนั้น
ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่อาการตาพร่ามัวอย่างต่อเนื่อง และความรู้สึกเหมือนศีรษะหนักอึ้งเท้าเบาหวิวอย่างนั้น กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
เร็วเกินไปแล้ว!
หลิงม่อใช้ไม้เดิม แต่ครั้งนี้ผลที่ได้กลับแย่กว่าเดิมมาก
อีกฝ่ายได้บทเรียนจากครั้งที่แล้ว ทุกครั้งที่เกือบจะถูกหลิงม่อคว้าตัวไว้ได้ มันก็จะรีบหนีไป ซ้ำยังเร็วกว่าเมื่อกี้ถึงหนึ่งในสามส่วนอีกด้วย
เมื่อเป็นอย่างนี้ความเร็วของหลิงม่อก็ตามมันไม่ทันแล้ว แต่เขาจะไม่มีทางมองดูซอมบี้นกตัวนี้ก้าวข้ามด่านป้องกันของเขาไปต่อหน้าต่อตาอย่างแน่นอน
ถึงแม้หนวดสัมผัสจะจับมันไว้ไม่ได้ แต่หลิงม่อยังมีวิธีอื่น
แม้ได้ยินเสียงหัวเราะแหลมๆ ของซอมบี้นกในระหว่างที่มันกำลังหลบหลีกด้วยความเร็วสูง แต่หลิงม่อกลับมีสายตาที่สงบนิ่งมาก
“จะคอยดูว่าแกจะหัวเราะไปได้นานอีกแค่ไหน!”
ทันใดนั้น เขาก็ยื่นมือทั้งสองข้างพุ่งออกไปทางเจ้าซอมบี้นก
และขณะเดียวกัน ตาข่ายหวดสัมผัสที่มองไม่เห็นนั่นก็พลันสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที
พลังงานทางจิตมหาศาลถูกถ่ายเทออกไป แทบจะในเวลาเดียวกัน ที่หนวดสัมผัสได้ทั้งหมดพุ่งเข้ามาโจมตีสิ่งที่อยู่กลางวงล้อม!
ตาข่ายหนวดสัมผัสไม่ได้มีไว้เพื่อป้องกันอย่างเดียว เดิมทีมันมีหน้าที่ทั้งโจมตีและป้องกันอยู่แล้ว!
ถึงแม้ซอมบี้นกจะเร็วอีกแค่ไหน แต่หนวดสัมผัสพุ่งเข้ามาพร้อมกันแปดทิศสี่ทิศอย่างนี้ ถึงมันจะเร็วอีกแค่ไหนก็หลบไม่พ้น
นอกจากนี้ท่ามกลางหนวดสัมผัสเหล่านี้ ยังมีพลังก่อกวนทางจิตปะปนอยู่อีกด้วย
ในระหว่างที่ “ห่าฝนธนู” โจมตีซ้ายทีขวาที สะเก็ดไฟก็กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง
และในที่สุด ท่ามกลางสะเก็ดไฟเหล่านั้น ก็มีหยดเลือดโผล่ขึ้นมาแล้ว!
“อ๊ากก!”
ซอมบี้นกเปล่งเสียงคำรามเจ็บปวด แล้วก็ปรากฏร่างกายออกมาให้เห็นทันที
บนใบหน้าที่เหมือนเหลือแต่กะโหลกของมัน ปรากฏรอยแผลเปื้อนเลือดอยู่หนึ่งรอย ซึ่งลากยาวจากใต้ตามาจนถึงตำแหน่งแก้มพอดี
ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บ ความจริงเป็นผิวส่วนที่ค่อนข้างบอบบางซึ่งอยู่ใต้ดวงตา
ขณะเดียวกันลูกตาของมันก็แดงก่ำไปบางส่วน ตรงส่วนตาขาวของมันเหมือนถูกต่อยจนเส้นเลือดแตก
และเสี้ยววินาทีที่มันสะดุดกึกไปนี้ ก็เป็นโอกาสดีของหลิงม่อ
หนวดสัมผัสมากมายพุ่งไปทางซอมบี้นกอย่างบ้าคลั่ง ในเสี้ยววินาทีนั้นซอมบี้นกก็ยกแขนขึ้นบังทันที
“เกร๊ง เกร๊ง เกร๊ง!”
เสียงคล้ายโลหะกระทบกันดังอย่างต่อเนื่อง!
—————————————————————————–