เคร้ง!
หลิงม่อขดตัวพุ่งชนบานกระจกเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
หลังจากทิ้งตัวลงพื้นท่ามกลางเศษกระจกที่กระจายไปทั่วว หลิงม่อก็รีบออกวิ่งต่อ เขาวิ่งผ่านชั้นวางของที่ล้มระเนระนาด แล้วพุ่งเข้าไปยังโซนใจกลางของห้างฯ
“อยู่ข้างนอกต่อไปยังไงก็คงสลัดมันไม่หลุด แต่ถ้าเป็นในนี้…แน่จริงก็ลองบินให้ดูสิ”
หลิงม่อกระโดดข้ามประตูกระจกที่เหลือเพียงครึ่งบานอย่างคล่องแคล่ว เพื่อวิ่งเข้าไปในโถงทางเดินตรงหน้า
แวบแรกที่เข้ามาถึง เขายังไม่ค่อยคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมด้านในนัก จึงจำเป็นต้องหยุดวิ่งเพื่อสำรวจดูก่อน
ในห้างฯ มีแสงสว่างค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นปัญหากับหลิงม่อมาก
โครงสร้างภายในทั้งหมด เหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ถูกทะลวงจนกลวงโบ๋
โถงทางเดินคดโค้งทอดยาวจากชั้นล่างสุดขึ้นสู่ชั้นบนสุด เหมือนถนนบนภูเขา
ร้านค้าสองข้างทางเป็นห้องกึ่งเปิดเล็กๆ ที่ถูกกั้นแบ่งโดยตะแกรง ร้านรวงเหล่านี้ถูกตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก
และลิฟท์กระจกที่มีไว้เพื่อบริการลูกค้า ก็อยู่ตรงหน้าหลิงม่อพอดี
ประตูลิฟท์เปิดแง้มไว้เล็กน้อย และตรงช่องนั้นก็มีกระดูกสีขาวท่อนหนึ่งติดแหง็กอยู่
แวบแรก สิ่งที่เห็นในตัวลิฟท์คือคราบเลือดมากมายที่แทบจะกลายเป็นสีดำ แล้วยังมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาอีก
หลิงม่อรู้ทันที ว่าการระบายอากาศของที่นี่ไม่ได้มาตรฐาน
หลิงม่อมองลิฟท์กระจกเพียงแวบเดียว จากนั้นก็เดินไปทางราวกั้นแล้วมองลงไปข้างล่าง
เงามากมายกำลังวิ่งกันให้วุ่น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่านั่นเป็นเงาของเหล่าซอมบี้ที่ถูกเสียงเมื่อกี้ทำให้แตกฮือ
ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่างนี้ เดาว่าคงมีซอมบี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าจะมีซอมบี้บางส่วนเร่ร่อนออกไปหาอาหารข้างนอกบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงมีบางส่วนที่อยู่ต่อ
แกร๊ก!
ทันใดนั้น เสียงเศษกระจกถูกเหยียบแตกก็ดังมาจากด้านหลัง
“กัดไม่ปล่อยเลย!”
หลิงม่อหันกลับไปมองข้างหลัง จากนั้นก็รีบกวาดตามองซ้ายขวา
ไม่มีเวลาแล้ว!
เขาหันขวับกลับไปมองลิฟท์ตัวนั้น แล้วรีบวิ่งไปยืนหันข้างมุดเข้าไปในช่องแคบๆ ที่เปิดแง้มไว้
ทันทีที่เข้าไปในลิฟท์ กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงเสียดแทงจมูกจนทำให้หลิงม่อรู้สึกปวดหัว แม้แต่ตาก็ยังรู้สึกแสบร้อนไปด้วย
ไม่รู้ว่าบนพื้นมีโครงกระดูกอยู่มากเท่าไหร่ เพราะถึงแม้เท้าจะเหยียบพื้น แต่หลิงม่อก็ยังอดรู้สึกไม่ได้ว่าที่นี่ถูกปูไว้ด้วย “พรม”
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาขยะแขยง ถึงแม้จะเป็นชิ้นส่วนอวัยวะภายในหรือเลือดหนืดๆ หากจำเป็นก็ต้องเหยียบ แล้วที่จริงมันอาจถูกลมโกรกจนแห้งไปตั้งนานแล้ว?
หลิงม่อเพิ่งจะเดินเข้าไปได้สองก้าว แต่ทันใดนั้นเขาก็ประสานสายตาเข้ากับสายตาคู่หนึ่งพอดี
เบ้าตาลึกเป็นโพรงดำๆ นั่น “จ้อง” มาที่หลิงม่อ ปากที่กำลังอ้ากว้างนั่นเหมือนพร้อมจะกระโจนเข้าฉีกทึ้งหลิงม่อได้ทุกเมื่อ
หลิงม่อ “ประสานสายตา” กับศพด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์ แล้วยกมือขึ้นปิดจมูก เขาเดินหลบช่องประตูที่เปิดแง้มไว้ เข้าไปในมุมลิฟท์อย่างระมัดระวัง
จากจุดที่เขาอยู่ หากมองออกไปข้างนอกจะสามารถมองเห็นพื้นที่เล็กๆ ได้อย่างชัดเจน
กึก!
เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และไม่นานเสียงนั้นก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าลิฟท์กระจก
หลิงม่อหนังศีรษะตึงชา เขารีบกลั้นหายใจทันที
ตึกๆ!
ซอมบี้นกเดินวนไปวนมาหน้าลิฟท์สองรอบ ขณะเดียวกันหลิงม่อได้ยินเสียงมันสูดหายใจลึกๆ ด้วย
หลิงม่อเกร็งร่างนิ่งไม่กล้าขยับเขยื้อน ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูลิฟท์นั้น
ที่เขาเข้ามาซ่อนข้างในนี้ ด้านหนึ่งก็เพราะมีเวลาไม่มาก ในอีกด้านก็อาศัยหลักความจริงดั้งเดิม : ใต้แสงไฟคือความมืด (สุภาษิตจีน หมายถึง คนเรามักมองข้ามสิ่งใกล้ตัว เหมือนดวงไฟที่เป็นสิ่งให้แสงสว่าง แต่บริเวณใกล้ๆ ดวงไฟกลับมืดมิด)
สติปัญญาของซอมบี้นกไม่สูงนัก เมื่อกี้ก็ถูกหลิงม่อหลอกไปหลายครั้งแล้ว มันไม่มีทางคาดถึงแน่นอนว่าหลิงม่อจะกล้าซ่อนตัวอยู่แค่ใต้จมูกมันอย่างนี้
ถึงแม้การใช้สติปัญญาของมนุษย์จัดการกับซอมบี้จะไม่ใช่เรื่องน่าอวดอะไร แต่สำหรับซอมบี้ราชาตัวนี้ นี่เป็นจุดอ่อนที่เด่นชัดที่สุดของมัน
แต่ถึงแม้จะมีความคิดอย่างนั้น หลิงม่อก็ยังเตรียมหนวดสัมผัสหลายเส้นให้พร้อมใช้งานทุกเมื่อ เผื่อจะต้องพังกระจกด้านหลังตัวเองให้แตก
ต้องเตรียมทางหนีทีไล่ไว้เสมอ!
ตึกๆ!
ซอมบี้นกยังคงวิ่งไปวิ่งมาอยู่ข้างนอกนั่น เห็นชัดว่าความรู้สึกที่สูญเสียเป้าหมายไปอย่างกะทันหันทำให้มันไม่สบอารมณ์สุดขีด ตอนนี้หลิงม่อได้ยินเพียงเสียงเสียดแทงแก้วหูจากการที่มันใช้เล็บแหลมๆ ขูดขีดไปตามผิวหนัง
ทุกครั้งที่ได้ยิน หลิงม่อรู้สึกเหมือนผิวหนังตัวเองถูกไฟช็อตไปด้วย รูขุมขนตั้งชันเหมือนหนังไก่ไปทั้งตัว
เขาข่มใจให้ตัวเองยืนนิ่งอย่างสุดความสามารถ ซอมบี้นกหาเขาไม่เจอในทันที นั่นก็แสดงว่าวิธีนี้ได้ผลจริงๆ
กลิ่นเหม็นฉุน และสภาพแวดล้อมที่เรียกว่าแทบจะปิดสนิท ได้ซ่อนหลิงม่อไว้อย่างมิดชิด
ถ้าหากตอนนี้เขาเผลอตัวจนทำให้ทุกอย่างพัง ก็คงน่าเสียดายไม่น้อย…
ทันใดนั้น เงาสีดำเงาหนึ่งก็โฉบผ่านช่องแคบ
หลิงม่อหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เขาเบิกตากว้างมองไปที่ช่องประตูลิฟท์นั่น
กึก!
เสียงฝีเท้าของซอมบี้นกหยุดชะงัก หลิงม่อมองดูเงาร่างนั้นที่เด่นชัดและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
หนวดสัมผัสสีเลือดลอยตัวขึ้นสูงตั้งท่าเตรียมฉกเหมือนงูพิษ รอเพียงคำสั่งจากหลิงม่อ พวกมันก็จะโจมตีกระจกแตกในทันที
“รออีกหน่อย! รออีกหน่อย…”
หลิงม่อรู้สึกเหมือนเส้นชีพจรตรงขมับกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง ในความกังวลตื่นเต้น เขากลับรวบรวมสมาธิทั้งหมดเข้าด้วยกัน
เสียงเคลื่อนไหวรอบกายพลันชัดเจน แม้แต่การมองเห็นก็ชัดแจ้งขึ้นมาก
เขามองเห็นเงาสีดำนอกประตูได้อย่างชัดเจน และเห็นรูปร่างของซอมบี้นกทั้งตัว ตอนนี้ มันกำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้ตัวลิฟท์อย่างช้าๆ
“บ้าเอ๊ย มันคงไม่คิดจะเข้ามาจริงๆ ใช่ไหม?”
หลิงม่อคำนวณระยะห่างระหว่างตัวเองกับมัน หากมันก้าวเข้ามาอีกสองก้าว เขาก็คงต้องหนีอย่างช่วยไม่ได้แล้วล่ะ!
ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยความเร็วของเจ้าซอมบี้นก เขาอาจหนีไม่ทันก็ได้
“กรร!”
เสียงคำรามของซอมบี้ดังแว่วมาจากชั้นล่าง หลิงม่อใจกระตุกวูบ หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งแผ่ออกไปอย่างเงียบเชียบ
ดวงแสงแห่งจิตดวงที่ใกล้ที่สุดปรากฏอยู่บนทางเดินชั้นล่าง หลังจากเสียงที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นหายไป เดิมซอมบี้เหล่านี้ควรจะกลับไปเดินเร่ร่อนเหมือนเดิม
แต่กลิ่นอายของซอมบี้ระดับสูง กลับทำให้พวกมันหวาดกลัวกว่ายามปกติ พวกมันจึงได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ๆ
ซอมบี้ตัวที่เปล่งเสียงคำรามนี้กำลังกระทืบเท้าตึงตังด้วยความกระวนกระวาย เหมือนมันต้องฉีกทึ้งอะไรบางอย่างจึงจะสามารถระบายความหวาดกลัวที่มีออกมาได้
มันไม่รู้ตัวเลยว่า ตอนนี้หนวดสัมผัสเส้นหนึ่งกำลังเข้าใกล้แผ่นหลังมันอย่างช้าๆ
“อึก…”
ทันใดนั้น ซอมบี้ตัวนี้พลันเบิกตากว้าง ร่างกายของมันเกร็งไปทั้งตัว
หนวดสัมผัสไร้รูปเส้นหนึ่ง “เสียบ” หน้าอก และแทงทะลุดวงแสงแห่งจิตของมัน
ผ่านไปเพียง 1 วินาที สายตาของซอมบี้ตัวนี้ก็แปรเปลี่ยนจากคลุ้มคลั่งเป็นเหม่อลอย
สีหน้าของมันเปลี่ยนจากเดือดดาลเป็นสงบนิ่ง ดวงตาสีแดงเลือดกลอกกลิ้งไปข้างบน
“กร๊อบ!”
หลังจากบิดคอไปมาหนึ่งรอบ ซอมบี้ตัวนี้ก็ย่อร่างกายท่อนบน จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปราวลูกธนู
ในเสี้ยววินาทีที่ใกล้จะถึงราวกั้นชั้นบน มันพลันทะยานตัวขึ้นสูง ใช้เท้าทั้งสองข้างยันราวกั้นแล้วดีดตัวขึ้น
เมื่อกระโดดขึ้นจนถึงจุดสูงสุด ร่างกายของซอมบี้ตัวนี้ก็เริ่มดิ่งลง
แต่ในตอนนั้นเอง มันกลับคว้าราวกั้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว แล้วอาศัยแรงดึงดึงร่างตัวเองโหนข้ามไปยังทางเดินของอีกชั้นหนึ่ง
“ร่างกายของซอมบี้นี่คล่องแคล่วว่องไวดีจริงๆ…” หลิงม่อที่ซ่อนตัวอยู่ในลิฟท์อดคิดในใจไม่ได้
ร่างกายของเขาถูกปรับเปลี่ยนโครงสร้างโดยใช้เชื้อไวรัสในปริมาณน้อยมาเนิ่นนาน แต่ก็ยังคงห่างชั้นกับซอมบี้จริงๆ อยู่อีกมาก
ทว่าในเมื่อไม่อยากติดเชื้อจนทำให้สูญเสียสติปัญญา เขาก็ทำได้เพียงใจเย็นอย่างนี้ต่อไป
ถึงแม้จะเทียบกับซอมบี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็โชคดีกว่าคนทั่วไปมากแล้ว
“กรร!”
เมื่อเท้าแตะพื้น ซอมบี้ตัวนี้ก็อ้าแขนกว้าง และคำรามลั่นจนร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัวทันที
กึก!
นอกประตูลิฟท์ เท้าคู่นั้นที่เร่มปรากฏให้เห็นชัดพลันหยุดกึก
“ขึกๆๆ…”
เสียงหัวเราะแปลกประหลาดหลุดออกจากปากซอมบี้นก มันค่อยๆ หันหน้าไปทางซอมบี้ตัวนั้น แล้วย่างกรายเข้าไปหาช้าๆ
ในสายตาของซอมบี้นก ซอมบี้ธรรมดาอย่างนี้ไม่ต่างอะไรจากมดตัวหนึ่ง
แต่คิดไม่ถึงว่ามดกระจอกๆ ตัวหนึ่งจะกล้าท้าทายมัน ดังนั้นสัญชาตญาณนักฆ่าของซอมบี้นกจึงเดือดพล่านขึ้นมาทันที
ดวงตาสีม่วงคู่นั้นของมันจับจ้องไปที่ร่างกายของซอมบี้ตัวนั้น นิ้วมือของมันงอเข้าหากันทันที
ถึงจะถูกมันมองด้วยสายตาเหมือนกำลังมองหนอนตัวหนึ่ง แต่หลิงม่อกลับถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอก
เบี่ยงเบนความสนใจ…สำเร็จแล้ว!
“พรึ่บ!”
ซอมบี้นกโน้มกายไปข้างหน้าเล็กน้อย มันเขย่งเท้า แล้วพุ่งเข้าไปทางซอมบี้ตัวนั้น
ท่าทางของมันดูไม่ค่อยใส่ใจนัก ถึงอย่างไรในสายตาของมัน แค่มีพลังเหนือกว่าก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
ไม่จำเป็นต้องมีเทคนิคอะไร แมลงไร้ค่าอย่างนี้ กำจัดมันไปซะก็สิ้นเรื่อง
หลังจากจัดการเจ้าเพื่อนร่วมสายพันธุ์กระจอกตัวนี้แล้ว ค่อยไปตามหาเจ้ามนุษย์คนนั้นต่อ!
ซอมบี้นกเคลื่อนตัวเร็วมาก แต่ด้วยพลังจิตของหลิงม่อในตอนนี้ เขาสามารถควบคุมให้หุ่นซอมบี้เคลื่อนไหวไปพร้อมกับการตอบสนองทางจิตของตัวเอง
เขาเตรียมพร้อมไว้แต่แรกแล้ว ดังนั้นในตอนที่ซอมบี้นกเพิ่งจะยกส้นเท้าขึ้น เขาก็รีบควบคุมให้ซอมบี้ตัวนั้นกระโดดออกนอกราวกั้นไป และในระหว่างที่ดิ่งตัวลงเขาก็คว้าราวกั้นไว้ แล้วโหนตัวเข้าไปในทางเดินของชั้นล่าง
—————————————————————————–