แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 12 ยารสสตอว์เบอร์รี่

หลายวันมานี้หลิวหลีใช้เวลาทั้งหมดไปกับการกลั่นยาและนางสามารถเรียนรู้ที่จะกลั่นส่วนที่ดีที่สุดของพืชศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว เอ๋าเลี่ยพอใจในความมุมานะของนางอย่างมาก เป็นเด็กก็ควรจะขยันเช่นนี้ เพียงแต่เนื่องจากนางไม่กินไม่นอน คุณภาพในการทำอาหารก็ลดลงไปมาก เอ๋าเลี่ยลิ้มรสเนื้อในปาก เฮ้อ นังหนูทุ่มเทมากไปก็ใช่ว่าจะดี ตอนนี้เนื้อย่างนางเพียงใช้เกลือทาเท่านั้น รสชาติไม่หอมหวานเอาเสียเลย กระทั่งมังกรยังรังเกียจอาหารเหล่านี้
นางหมดเวลาแต่ละวันไปกับการปรุงยา เป็นเวลาสองเดือนเต็มที่หลิวหลีง่วนกับการปรุงยา แม้ว่าเสวียนเย่าจะไม่ปรากฎตัว แต่ก็สังเกตทุกการกระทำของลูกศิษย์ตัวน้อยอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะเวลาที่นางไปเชิญศิษย์พี่เพื่อจะให้ไปตรวจสอบการผสมตัวยาด้วยตัวเองในตอนที่นางไม่แน่ใจ รวมถึงความสามารถจับจุดในการปรุงยาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนความบริสุทธิ์ของพืชศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็ต้องดูความสามารถในการควบคุมไฟของนางแล้ว
หลิวหลีมองไปยังขวดและโถตรงหน้า ล้วนแต่เป็นผลงานในสองเดือนนี้ ขาดแต่ควบคุมไฟให้ดีเท่านั้นผลงานที่ทำออกมาก็จะใช้ได้แล้ว ใช่แล้ว ระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา หลิวหลีได้ข้อสรุปว่า หากต้องการรังสรรค์สิ่งเลิศรส วัตถุดิบเป็นเรื่องสำคัญ หรือพูดอีกอย่างคือ หากต้องการปรุงยารสเลิศ ความบริสุทธิ์ของพืชศักดิ์สิทธิ์สำคัญเป็นเรื่องสำคัญ ใช่แล้ว ยารสเลิศ นางได้ลิ้มลองยาแล้ว มันขมเสียจนนางแทบจะตัดลิ้นทิ้ง ว่ากันว่า ยายิ่งขม สรรพคุณยิ่งดี นางจึงเดาว่าเหล่าผู้บำเพ็ญที่บาดเจ็บเหล่านั้น คงขมตายไปกว่าครึ่งยุทธภพแล้ว
หลิวหลีพยายามทำให้พืชศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ตามเงื่อนไขที่จำเป็น นางปล่อยเอ๋าเลี่ยออกมา และใช้ไฟอ่อนค่อยๆอบให้แห้ง และก็พบว่าถึงนางจะใช้ไฟอัคคีของเอ๋าเลี่ยปรุงยา ก็ยังมีฝุ่นที่เกิดจากเศษยาที่ถูกเผาอยู่ดี การค้นพบนี้ทำให้นางรู้ว่าการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เดิมเข้าใจว่าจะออกมาไร้ที่ติ ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วยากลำบากยิ่งนัก
คราวนี้ หลิวหลีปรุงยาออกมาได้จริงๆ หากแต่รสชาติของมันทำให้หลิวหลีต้องขมวดคิ้ว มันเหม็นเสียเหลือเกิน จะให้คนดื่มได้อย่างไร
เอ๋าเลี่ยมองหลิวหลีที่ปรุงยาออกมาได้อย่างราบรื่นแล้วยังเอาแต่ขมวดคิ้ว นางทำไม่สำเร็จหรือ เอ๋าเลี่ยตรวจสอบยาก็ไม่ได้ล้มเหลวนี่นา
“นังหนูมีอะไรไม่ถูกต้องหรือ”
“รสชาติยังใช้ไม่ได้” หลิวหลีขมวดคิ้วพลางเอ่ยตอบ
“รสชาติหรือ” ขออภัยที่เขาอายุแก่ปูนนี้แล้ว เพิ่งได้ยินเรื่องรสชาติของยาเป็นครั้งแรก ก็รสชาติเดียวกันหมดมิใช่หรือ
“ใช่แล้ว รสชาติยังใช้ไม่ได้ ขมเกินไป กลืนไม่ลง” ขมขนาดนี้ จะให้ดื่มอย่างไรเล่า หากท้ายที่สุดแล้วโรคเล็กน้อยอาการสาหัสขึ้นเพราะยาขมจนเกินไปจะทำเช่นไร
ขมไปหรือ นังหนู ยาจะไม่ขมได้อย่างไร ขอโทษด้วยที่เขาอายุกว่าหมื่นปีแต่ตามความคิดของนังหนูไม่ทัน
หลิวหลีครุ่นคิด ในสมองของนางปรากฎข้อมูลและลักษณะพิเศษเกี่ยวกับพืชศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที น่าจะมีพืชศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่เพิ่มเข้าไปแล้วมีผลต่อรสชาติบ้างสิ
เอ๋าเลี่ยมองนางที่ทิ้งยาไปทำอย่างอื่น ไม่ได้ปรุงสำเร็จแล้วหรอกหรือ ยังจะย้ายอะไรอีกเล่า ผ่านไปอีกหลายวันจึงได้ยินว่า “อาเลี่ย ใช้ไฟอัคคีทำอาหารสิ” ต้องขอบคุณนางในเรื่องนี้  เอ๋าเลี่ยรู้สึกว่าตนสามารถควบคุมไฟได้ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน พลังบำเพ็ญเพียรของนางเองก็พัฒนาขึ้นด้วยเช่นกัน หากแต่ยังไม่บรรลุช่วงพลังเท่านั้น
จวบจนถึงวันนัดหมาย เสวียนเย่าก็ปรากฎกายอย่างปลื้มใจ เพราะรู้อยู่แล้วว่าศิษย์ตัวน้อยของตนต้องทำได้สำเร็จ
เมื่อนำศิษย์ตัวน้อยมาถึงประตูสำนักโอสถ เทียนเย่าเปิดประตูต้อนรับอาจารย์และศิษย์น้องตนอย่างเบื่อหน่าย เฮ้อ ตั้งแต่มีศิษย์น้องผู้นี้ เขาก็ได้พบหน้าอาจารย์ลุงบ่อยเสียเหลือเหลือเกิน
“อาจารย์ลุง ศิษย์น้อง”
“ศิษย์พี่” หลิวหลีทักทายอย่างว่าง่าย
“นำยาที่เจ้าปรุงเสร็จแล้วออกมาสิ” เสวียนเย่ากำชับเสียงเรียบ
“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์” นางนำยาที่ตนฝึกปรุงออกมา แววตาเต็มไปด้วยความคาดหวัง จากเดิมนางคือเด็กน้อย แต่อีกไม่กี่อึดใจก็จะก้าวทะยานไปเป็นนังหนูผู้เก่งกาจเสียที
เทียนเย่ารับยาที่นางปรุงเอาไว้ สามเดือนหรือ ช่างเก่งกาจเสียเหลือเกิน
พลางส่งยาให้ลูกศิษย์ของตนนำไปทดสอบ คนเหล่านั้นพากันนั่งดื่มชาเพื่อรอบทสรุป ส่วนหลิวหลีไม่ขยับตัว นางมองไปด้านนอกเป็นครั้งคราว
ท่าทางของเด็กน้อยที่รอคอยคำชื่นชมทำให้แทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่ไหวทำให้ผู้อาวุโสที่อายุหลายร้อยปีทั้งสองอดที่จะคิดถึงท่าทางของตนในวัยนั้นเช่นกัน ช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียเหลือเกิน
ไม่นานลูกศิษย์ของเขาก็กลับมา
“รายงานเจ้าตำหนัก ความบริสุทธิ์ของยาที่ท่านส่งไปสูงถึง 90 ส่วน ที่สำคัญคือยารสชาติดีนัก ซึมซับได้ดีเลยทีเดียว” ศิษย์ของสำนักโอสถค่อนข้างตื่นเต้น ช่างมีความสามารถเสียจริง ไม่สิ อัจฉริยะเลยต่างหากล่ะ
ศิษย์น้องร่างสะโอดสะองที่อยู่ด้านนอกได้รับบาดเจ็บภายในเล็กน้อย พอดีกับที่ตัวยาได้รับการตรวจความบริสุทธิ์ออกมาพอดี ศิษย์น้องผู้นั้นจึงกลืนลงไปในอึกเดียว ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าให้ผู้ใดทำการทดสอบตัวยานี้ มิทันไรก็เห็นศิษย์น้องห่อปากพลางเอ่ย “รส..รส…สตอว์เบอร์รี่ รสชาติดีนัก” เอ๊ะ อาการบาดเจ็บภายในดีขึ้นถึงแปดส่วนแล้ว
ได้ฟังคำพูดศิษย์น้องแล้ว เป็นธรรมดาที่จะมีผู้บำเพ็ญระดับสูงเข้ามาตรวจสอบ พบว่าผลลัพธ์เป็นดั่งที่นางว่าไว้ แถมยังได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของผลไม้อีกด้วย นับว่าช่างน่าอัศจรรย์นัก
เทียนเย่าและเสวียนหั่วต่างตกตะลึง นี่มันพรสวรรค์ชัดๆ สักวันนังหนูจะต้องเหนือกว่าอาจารย์เป็นแน่
“นังหนู ตัวยาที่เจ้าปรุงยังมีอยู่อีกหรือไม่” เสวียนหั่วเอ่ยถาม
“มีเจ้าค่ะ” นางหยิบขวดยาอีกขวดหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของแล้วมอบให้เสวียนหั่ว เหตุใดนางจึงเก็บรักษาความบริสุทธิ์ของยาได้เพียงเก้าส่วน มีขั้นตอนใดไม่เหมาะสมหรือ
หลิวหลีขมวดคิ้วพลางขบคิดหาจุดที่เกิดปัญหาขึ้น ในเรื่องรสชาตินางให้อาเลี่ยทดสอบก่อนแล้ว อาเลี่ยชื่นชอบเป็นอย่างมาก
เสวียนหั่วเปิดจุกยา กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมา เขาเทยาออกมาบางส่วน เห็นเป็นสีแดงกุหลาบ ช่างงดงามยิ่งนัก เสวียนหั่วกับเทียนเย่าทดลองชิมไปเล็กน้อย ไม่นาน ทั้งสองก็ต้องขมวดคิ้ว สำหรับพวกเขาแล้วเรื่องรสชาติเป็นเรื่องรอง ทว่าผลลัพธ์ของยานี้ช่างดีจนน่าอัศจรรย์ใจ ทั้งสองเริ่มถกกันกันเรื่องส่วนประกอบของยา แล้วพบว่านางรักษาความบริสุทธิ์ของพืชศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้เป็นอย่างดี ผสมผสานกันได้ไม่เลว การควบคุมไฟก็ไม่มีปัญหา เรื่องเหล่านี้ทำให้คนทั้งสองชิมยาอีกครั้งเพื่อแยกแยะให้ละเอียด
“เจ้าใส่หญ้าสะท้อนแสงลงไปหรือเปล่า” เสวียนหั่วกับทียนเย่าเอ่ยถามเป็นเสียงเดียวกัน
“ใช่เจ้าค่ะ แต่หญ้าสะท้อนแสงไม่มีผลต่อตัวยา” หลิวหลีเน้นย้ำ มันไม่มีผลต่อสรรพคุณของตัวยาจริงๆ นางถึงได้ใส่ลงไป
“น่าจะใส่อย่างอื่นลงไปอีก” เสวียนหั่วเอ่ย
เทียนเย่าลอบถอนหายใจ เมื่อเทียบกับอาจารย์ลุงแล้ว ถืว่ายังห่างไกลนัก
“ข้าใส่ผงสตอว์เบอร์รี่ลงไปด้วยเจ้าค่ะ” หลิวหลีเอ่ยจบ รู้สึกใจหาย หากท่านอาจารย์ไม่ปรุงยาอายุวัฒนะจะต้องเป็นพ่อครัวที่ดีได้แน่
“ผงสตอว์เบอร์รี่หรือ” เป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ชนิดใดกัน
“ใช้ไฟอัคคีอบสตอว์เบอร์รี่ให้แห้ง หลังจากนั้นจึงบดให้เป็นผง หญ้าสะท้อนแสงมีสรรพคุณในการปรุงรส  ทว่ามันเพียงกระตุ้นรสชาติเท่านั้น ต้องเพิ่มรสชาติลงไป แล้วหญ้าสะท้อนแสงก็จะกระตุ้นรสชาติออกมา” หลิวหลีอธิบาย นี่เป็นผลการทดลองกว่าร้อยครั้งของนาง มีหลักฐานที่สามารถใช้อ้างอิงได้
“นังหนู เจ้าคิดออกมาได้อย่างไร” เสวียนหั่วรู้สึกว่านางช่างน่าอัศจรรย์ สมองของศิษย์คนนี้รูปร่างอย่างไรกันนะ เทียนเย่าเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน ศิษย์น้องนึกถึงหญ้าสะท้อนแสงได้อย่างไร
“ก็รสชาติขมเหลือเกินนี่เจ้าคะ” หลิวหลีคิดถึงครั้งแรกที่นางลองชิมยา ให้ตายเถอะ ขมเสียจริง
มุมปากของเทียนเย่าและเสวียนหั่วกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง รสชาติขมไปหรือ ยาชนิดผงและลูกกลอนก็รสชาติแบบนี้กันทั้งนั้นมิใช่หรือ นับตั้งแต่มีบันทึกประวัติศาสตร์ นางเป็นคนแรกที่มีมีปัญหากับรสชาติยา
“รายงานเจ้าตำหนัก ศิษย์มีเรื่องรายงาน” ศิษย์ผู้หนึ่งเข้ามาขัดจังหวะความคิดของทั้งสอง
“ว่ามา”
“รายงานเจ้าตำหนัก นับตั้งแต่ที่ศิษย์นอกสำนักผู้นั้นทดลองยาชนิดใหม่ ก็มีศิษย์นอกสำนักจำนวนมากใช้คะแนนสะสมมาแลกยาชนิดใหม่ หากนักปรุงยาทั้งหมดก็ปรุงยารสชาตินี้ไม่ได้” ศิษย์ในสำนัก สีหน้าแดงระเรื่อ รสชาติที่ว่าก็ไม่ต้องพูดถึงอีกแล้ว โธ่
“เจ้าหมายความว่ามีคนจำนวนไม่น้อยต้องการเบิกยาชนิดใหม่งั้นหรือ” เทียนเย่าเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“ใช่ขอรับ ผู้อาวุโสในสำนักเองก็มาเบิกยาไปให้หลานสาว” ศิษย์ในสำนักเอ่ย หากมิใช่เพราะผู้อาวุโสท่านนี้มาเบิกยา เขาเองก็คงไม่ลนลานวิ่งมาขอตัวยานี้กับเจ้าตำหนัก ศิษย์ในตำหนักต่างทดลองปรุงยาตัวนี้ ส่วนผลลัพธ์นั้นไม่ต้องเอ่ยถึง
“หลานสาวของอาวุโสหรือ” เทียนเย่าขมวดคิ้ว ตัวยานี้เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ ในเมื่อเป็นการฝึกฝนของศิษย์น้อง จะจัดการอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องของอาจารย์ลุงและศิษย์น้องแล้ว
“ขอรับ”
“อาจารย์ลุง ท่านว่าควรจัดการอย่างไรดี ในเมื่อบรรดาศิษย์ในสำนักต่างก็ยอมรับในตัวยาของศิษย์น้องถึงเพียงนี้”
เสวียนหั่วที่นั่งอยู่บนตำแหน่งประมุขครุ่นคิดอยู่สักครู่ “นังหนู เจ้ายังมียาอีกหรือไม่”
“มีเจ้าค่ะ” หลิวหลีหยิบยาออกมาจากแหวนเก็บของอีกสองสามขวด
เสวียนหั่วรับเอาไว้
“เทียนเย่า เจ้านำยาชนิดนี้แจกจ่ายออกไป ให้เฉพาะศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ทดสอบตัวยาเสียหน่อย แล้วนำผลการทดสอบมารายงานข้าอย่าให้ตกหล่น” พลางโยนยาให้แก่เทียนเย่า
“ขอรับ อาจารย์ลุง” เทียนเย่าพยักหน้า
ไม่นาน สำนักโอสถก็ถูกห้อมล้อมเอาไว้ ทุกคนต่างเงยหน้ารอดูยาชนิดใหม่ ส่วนมากเป็นจอมยุทธหญิง
“หลีกทางหน่อยๆ ยาตัวใหม่มาแล้ว”
ผู้คนทั้งหมดรีบหลีกทางให้ทันที ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้ซื้อยา
“เจ้าตำหนักมีคำสั่ง ครั้งนี้จะขายยาตัวใหม่ให้กับศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น และศิษย์ในหอยาจะต้องจดบันทึกผลการรักษาในทุกๆขั้นตอนเอาไว้ด้วย”
ศิษย์ผู้นี้เข้ามาจัดการด้วยตนเอง เลือกศิษย์จากทุกๆตำหนัก เมื่อหลายคนดื่มยาเข้าไป ผลตอบรับเรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์ใจ
“รสสตอว์เบอร์รี่ ซึมซับได้เร็วกว่ายาตัวเดิมถึง 2 เท่า”
“รสมะม่วง ซึมซับได้เร็วกว่ายาเดิมถึงเท่าครึ่ง”
“รสชาติสดชื่นยิ่งนัก มีความหวานเล็กน้อย ซึมซับได้ดีกว่ายาตัวก่อนเป็นเท่าตัว”
“เป็นรสชาติรสสตอว์เบอร์รี่เหมือนกัน อาจเพราะข้าบาดเจ็บไม่มาก จึงซึมซับฤทธิ์ยาได้เร็วกว่าถึงสามเท่า”
ผู้คนด้านล่างพูดกันอื้ออึง สวรรค์ รสชาติดีอีกทั้งประสิทธิภาพของยายังดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะแพงเท่าไร ก็ควรค่าแก่การซื้อมากักตุนไว้สักชุด
“ทุกท่านเงียบเสียงลงก่อน ข้าจะกลับไปรายงานเจ้าตำหนักเดี๋ยวนี้” ศิษย์ในสำนักโอสถต่างก็ตื่นเต้นดีใจ
ไม่นาน ก็มีลูกศิษย์กลับมาหานงานเจ้าตำหนักเทียนเย่า
“รายงานเจ้าตำหนัก ตัวยามีสามรสชาติ การซึมซับต่างก็ดีกว่าตัวยาเดิมหลายเท่า”
“อาจารย์ลุง ท่านดูเอาเถิด” แม้จะเป็นเพียงยาระดับล่าง ทว่าเทียนเย่าเองก็คล้อยตามไปด้วย ยาชนิดนี้เป็นฝีมือของศิษย์เพื่อนสนิทที่บำเพ็ญเพียรระดับล่าง ไม่รู้ว่ายาอายุวัฒนะจะใช้ได้หรือไม่
“นังหนู เจ้าต้องถ่ายทอดวิธีปรุงยาแล้วละ ต่อไปหากมีการแลกเปลี่ยนยาของเจ้า ก็จะสะสมแต้มได้ถึงห้าแต้ม อีกอย่าง เมื่อวิธีปรุงยาของเจ้าเผยแพร่ออกไป เจ้าสำนักก็จะให้คะแนนสะสมเจ้าแสนแต้ม นอกจากนั้นเจ้ายังสามารถไปที่หอหลิงเป่าเพื่อเลือกอาวุธได้หนึ่งชิ้นอีกด้วย” เสวียนหั่วเอ่ย
“เจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ ว่าแต่คะแนนสะสมมีประโยชน์อย่างไรหรือเจ้าคะ” หลิวหลีตอบไปอย่างไม่ลังเล อย่างไรนางก็มีวิธีทำอยู่แล้ว นางเพียงแต่เติมบางอย่างลงไปเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าปิดบัง คนครัวเซียนที่เก่งกาจต่างก็ทำออกมาได้ทั้งนั้น หลิวหลีลืมไปว่า โลกแห่งการฝึกวิชามีเพียงนักปรุงยาเท่านั้น คนครัวหาได้ยากยิ่ง
…………………………………………………

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset