แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 140 ฮัวจิงเฟยเปลี่ยนเป้าหมายแล้ว

“ท่านพี่ นี่คือสิ่งใดหรือ หวานจัง”
“ผลไม้เคลือบน้ำตาล”
“ท่านพี่เจ้าคะ นี่คืออะไรหรือ แปลกใหม่จัง”
“ขนมสอดไส้ กุ้ยช่ายกุ้งใส่ไข่ “
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าพวกนี้คือเนื้อ”
พวกเขาก็คือหลิวหลีกับหงหลินที่รู้สึกเบื่อเพราะยังไม่มีใครออกจากฌาน เนื่องจากผมสีแดงของหงหลินค่อนข้างจะโดดเด่น นางจึงต้องใช้พืชศักดิ์สิทธิ์สีดำมาเปลี่ยนสีผมให้หงหลิน พอหงหลินมีผมสีดำแล้วดูคล้ายคลึงกับหลิวหลีมาก ตอนอยู่ข้างนอกหลิวหลีจึงให้เรียกนางว่าท่านพี่ เมื่อหงหลินได้ยินว่าจะออกมาเที่ยวก็รีบพยักหน้าหงึกหงัก หลิวหลีรับบทเป็นคุณชาย หงหลินเลือกซื้ออยู่ข้างหน้า หลิวหลีตามจ่ายเงินอยู่ข้างหลัง
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในร้านอาหารร้านหนึ่ง แขกทุกคนมองหงหลินที่หน้าตาสะสวยแต่มีการกินอันน่าสะพรึง และหนุ่มหน้าตาคล้ายคลึงกันนั่งดื่มชาศักดิ์สิทธิ์อยู่ข้างๆอย่างใจเย็น ช่างเป็นพี่น้องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่หงหลินกินเสร็จ หลิวหลีก็ถอนหายใจแล้วหยิบผ้าออกมาเช็ดปากให้ คนที่มองอยู่ก็อยากจะมาเช็ดให้แทน ถึงแม้ท่ากินจะน่าเกลียดไปหน่อยแต่อย่างน้อยก็เป็นสาวน้อย
“ท่านพี่เจ้าคะ อาหารที่นี่รสชาติธรรมดามาก ยังไม่อร่อยเท่าที่ท่านพี่ทำเลย” หงหลินบอกว่าหลิวหลีทำอาหารได้อร่อยที่สุด ไม่มีใครสามารถเทียบได้
“ขอบใจที่ชม แต่ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้ เจ้าของร้านคงไม่ยอมให้พี่ออกจากร้านแน่” หลิวหลีมองหงหลินที่พูดตรงไปตรงมา
“เขาจะกล้าหรือ ถ้าเขาไม่ให้พี่ออกจากร้าน ข้าก็จะกัดเขาให้ตายเลย” หงหลินกล่าวพลางยิงฟัน
“หงหลิน เจ้าเป็นผู้หญิง ท่าทางแบบนี้ไม่เหมาะกับเจ้าเลย” นิสัยนี้คงต้องใช้เวลาในการปรับแก้ไข
“ก็ได้ แต่ถ้ามีใครมาแกล้งท่านพี่ ข้าก็จะต่อยเขาให้หมด” หงหลินว่าพลางเหวี่ยงหมัดน้อยๆ
ฮัวจิงเฟยมองหลิวหลีทั้งสองคนด้วยความสับสน หลิวหลีที่แต่งหญิงนั้นช่างงดงามจริงๆ เขารู้สึกเหมือนใจของเขาเต้นแรงอีกครั้ง ที่แท้นางฟ้าของเขาใส่ชุดผู้หญิงแล้วงดงามเช่นนี้นี่เอง ใช่แล้ว บนตัวหงหลินใส่ชุดที่ฮัวจิงเฟยเคยให้หลิวหลี ถึงแม้หลิวหลีจะไม่ได้ใส่ใจแต่สามารถสัมผัสได้ว่าหนานกงเวิ่นเทียนไม่ชอบชุดนี้ จึงนำชุดนี้มอบให้กับหงหลิน
“นางฟ้า ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้” ฮัวจิงเฟยรู้สึกว่าตัวเองควรจะเข้าไปทักทาย
“เจ้าเป็นใคร” หงหลินมองฮัวจิงเฟยอย่างหวาดระแวง
“จิงเฟยจากสกุลฮัว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” หลิวหลีเลิกคิ้วถามใครบางคนที่ควรอยู่ในโลกอสูรเทพ
“หลิวหลี คนผู้นี้คือใครกัน จะไม่แนะนำหน่อยหรือ” ฮัวจิงเฟยใบหน้าแดงก่ำมองหงหลินอย่างคาดหวังว่าจะได้รู้จักชื่อของนาง
“หงหลิน” เรียกชื่อนางเลยหรือ ถ้านางจำไม่ผิดก่อนหน้านี้ฮัวจิงเฟยเรียกว่านางฟ้ามาตลอดเลยนี่
“หงหลิน ชื่อช่างไพเราะเสียจริง ข้าชื่อฮัวจิงเฟย เป็นคนบ้านสกุลฮัว ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮัวจิงเฟยจับมือหงหลินแล้วพูดขึ้น ว้าว มือของนางฟ้าเย็นมาก รู้สึกสบายจริง ๆ
“ผลั่ก!” หงหลินต่อยคนบางคนกระเด็นออกไปอย่างไม่ลังเลใจ
“ท่านพี่ คนผู้นี้สติไม่ค่อยดี” หงหลินนึกถึงจุดเด่นของคนประเภทนี้ที่หลิวหลีเคยบอก ตรงเป๊ะเลย
“ทำได้ดี หงหลิน คนที่มาหลอกแตะเนื้อต้องตัวเจ้า ห้ามปล่อยไปเด็ดขาด” หลิวหลีไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่หงหลินทำ เด็กที่นางเพิ่งเลี้ยงจนโตเพิ่งจะกลายร่างก็เจอโรคจิตเข้าแล้ว คงต้องลงมือให้รุนแรงสักหน่อย ขนาดนางยังอยากลงมือเองเลย
ฮัวจิงเฟยลุกขึ้นยืนได้อย่างรวดเร็ว นางฟ้าแรงเยอะทีเดียว
“ฮัวจิงเฟย อย่ามาเดินตามพวกข้า” หลิวหลีกล่าวเตือน พวกเขาไม่ได้ถือว่าสนิทกันสักหน่อย
“เอ่อ หลิวหลี เจ้านอกใจเขาหรือ เจ้าไม่เอาหนานกงเวิ่นเทียนแล้วหรือ เจ้าทำเกินไปหรือเปล่า เจ้ามีหนานกงเวิ่นเทียนอยู่แล้ว แต่ผู้หญิงก็ยังจะเอาด้วยหรือ” ฮัวจิงเฟยชี้หน้าหลิวหลีแล้วพูดขึ้นด้วยความโมโห
ผู้คนที่มุงดูอยู่ทำเหมือนได้ยินเรื่องที่น่าประหลาด หลงหลิวหลีทิ้งหนานกงเวิ่นเทียนแล้วไปหาหญิงอื่น นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ได้เลย
“หึ ถึงข้าจะมีหนานกงเวิ่นเทียน หงหลินก็จะตามข้าอยู่ดี ข้ามีคนให้โอบทั้งซ้ายและขวา เจ้าไม่มีแล้วจะมายุ่งอะไรกับข้าด้วย” หัวหน้าบ้านสกุลฮัวหายไปไหน ทำไมถึงปล่อยคนสติไม่ดีออกมาข้างนอกได้นะ
“หงหลิน” หลิวหลีเรียกหงหลินแล้วชี้หน้าตัวเอง หงหลินยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอย่างว่าง่าย แล้วนางก็หันไปหอมแก้มอีกฝ่ายคืนเช่นกัน ฮัวจิงเฟยที่มองอยู่รู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย
ผู้คนที่ยืมรุมอยู่ก็นิ่งไป พวกเขาก็อยากถูกหอมแก้มเหมือนกัน
หลิวหลีเห็นฮัวจิงเฟยพูดอะไรไม่ออกจึงโอบหงหลินแล้วออกไปจากตรงนั้น
ฮัวจิงเฟยรู้สึกว่าความรักของเขาที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นได้ถูกดับลงแล้ว ผู้หญิงจะรักหลิวหลีได้อย่างไร นางเป็นผู้หญิง ผู้หญิงนะ ผู้หญิง
หลังจากหลิวหลีเดินออกไปได้ไม่นาน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามนาง หลิวหลีไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก พวกเขาเป็นแค่คนที่ฝีมือด้อยกว่า นางจึงไม่จำเป็นต้องสนใจอะไร ฮัวจิงเฟยที่เริ่มตั้งสติได้ก็พลันรู้สึกว่าจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้จึงเดินตามไป
หลิวหลีจงใจเลือกทางที่ไม่มีคนสัญจรไปมา ถึงขนาดเดินเข้าไปในป่าที่ไม่มีผู้คนเพื่อให้ความร่วมมือกับเขา ต้องให้คู่ควรกับที่นางยอมให้ความร่วมมือขนาดนี้
“ระวัง” หลิวหลีผลักหงหลินไปข้างๆ แล้วเข็มเงินก็ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
“หึ หลงหลิวหลี อยากเจอเจ้าสักครั้งนี่ยากจริงๆนะ” คนที่เป็นหัวหน้าพูดขึ้นมา
“พวกเจ้าเป็นใครถึงมาหาข้า แต่เหมือนข้าจะไม่รู้จักพวกเจ้าสักหน่อย” คนที่หลิวหลีรู้จักมีเพียงหนึ่งมือ นางไม่รู้จักคนพวกนี้จริงๆ
“เดี๋ยวก็รู้จักกันแล้ว ถ้าไม่อยากทำให้มันยุ่งยากก็ไปกับข้าเสียสิ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสาวน้อยผู้นี้” ผู้เป็นหัวหน้าชี้ไปทางด้านหลังก็เห็นหงหลินที่ถูกจับกุมตัวไว้
“พวกเจ้าเป็นใคร ปล่อยหงหลินเดี๋ยวนี้นะ” หลิวหลียังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฮัวจิงเฟยที่มาทีหลังกลับโมโห กล้าใช้มือสกปรกนั่นจับมืออันนุ่มนิ่มของนางฟ้า
“แล้วนี่คือใคร ได้โปรดหลีกไปเถอะ เป้าหมายของพวกเราคือหลงหลิวหลี” คนที่เป็นหัวหน้ามองคนที่เพิ่งปรากฏตัวด้วยสายตาเหยียดหยาม
“หลงหลิวหลี ทำไมเจ้าไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย หงหลินถูกจับนะ” ฮัวจิงเฟยพูดด้วยความร้อนรน
“ปฏิกิริยา มีสิ หงหลิน เจ้าถูกจับอยู่สนุกไหมยังไม่มานี่อีก” หลิวหลีกลอกตา จะรีบร้อนไปทำไม คนพวกนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหงหลินด้วยซ้ำ แค่หงหลินกลับสู่ร่างเดิมแล้ว คนพวกนี้ก็ไม่คณามือนางด้วยซ้ำ
หงหลินไม่พูดไม่จา แต่จู่ๆก็เคลื่อนตัวออกจากมือชายร่างใหญ่คนนั้นราวกับไม่มีกระดูก เมื่อแสงสีแดงพาดผ่านแวบเดียวหงหลินก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างกายของหลิวหลีแล้ว
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าก็แค่อยากรู้เฉยๆ” หงหลินแลบลิ้นปลิ้นตา
“ดังนั้นพวกเจ้าจะบอกเหตุผลที่มาหาข้าได้หรือยัง ไม่แน่ข้าอาจจะใจดีตอบเจ้าก็ได้” หลิวหลีกล่าว จะสู้ด้วยก็ไร้วิทยายุทธ จะสู้ด้วยสติปัญญาก็ไร้สมอง หัวหน้าของพวกเขาวางใจให้ลูกน้องพวกนี้ออกมาได้อย่างไรกัน
“ท่านหลง ข้าคือลูกน้องของฉีซือหลี่คุณชายรองบ้านสกุลฉีจากเมืองฉีคัง นามว่าลู่เฉียง ก่อนหน้านี้คุณชายถูกคนทำร้าย มีเพียงแต่ยาโสมหิมะระดับ 6 เท่านั้นที่จะช่วยชีวิตได้ ถึงแม้ว่าบ้านสกุลฉีจะเป็นบ้านสกุลใหญ่ของเมืองฉีคัง แต่เมืองฉีคังเป็นแค่เมืองเล็กๆ คนในสกุลสามารถปรุงได้แค่ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 4 เท่านั้น ได้ยินมาว่าท่านออกมาแสวงหาโอกาสข้างนอก พวกข้าเลยมาลองเสี่ยงดวงดู” ลู่เฉียงถอนหายใจแล้วพูดขึ้น คุณชายรองบ้านสกุลฉีมีพระคุณต่อพวกเขามาก พวกเขาจำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณ
“แล้วทำไมต้องใช้คนอื่นมาบังคับข้าด้วย” หลิวหลีถามด้วยความสงสัย ดูเหมือนเรื่องราวจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่การมาปล้นนางเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“ท่านหลง มันเป็นแค่ความคิดชั่ววูบของข้า ตอนเห็นหญิงสาวผู้นี้อยู่กับท่านจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา” ลู่เฉียงตอบด้วยสีหน้าซีดเผือด ถ้าเขาพลาดไปคงต้องเสียดายไปทั้งชีวิต
“เจอข้าแล้วอย่างไร บ้านสกุลฉีจะให้อะไรตอบแทนข้า เมื่อครู่เจ้าบอกว่าบ้านสกุลฉีมีแค่ยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 4 แล้วยาศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 ของข้าบ้านสกุลฉีจะมีหินวิญญาณพอซื้อไหมล่ะ” หลิวหลีเอ่ยถามตามความเป็นจริง สีหน้าลู่เฉียงซีดลงกว่าเดิม ถ้าสามารถซื้อได้พวกเขาจะยอมมาเสี่ยงดวงกับหลิวหลีหรอก
“ท่านพี่เจ้าคะ” หงหลินดึงเสื้อของหลิวหลี
“มีอะไรหรือ หงหลิน” สำหรับหงหลินแล้ว หลิวหลียังมีความอดทนอยู่
“คนที่เขาพูดถึงคือใคร หงหลินไม่รู้จัก แล้วทำไมคุณชายบ้านเขาบาดเจ็บแต่ว่ามีแต่พี่ที่สามารถช่วยได้ล่ะ” หงหลินเอียงคอถาม สีหน้าหงหลินตอนนี้น่ารักมากๆ
“หงหลินพูดถูก” หลิวหลีเห็นด้วย บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ทำไมนางจะต้องเปลืองแรงช่วยคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางด้วย
ฮัวจิงเฟยยืนอยู่ข้างๆไม่พูดจา เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่หลิวหลีพูดมาไม่ผิด อีกอย่างดูเหมือนหงหลินจะมีฝีมือไม่เบาเช่นกัน
อยู่ๆหลิวหลีก็ขมวดคิ้ว นางเจอคนรู้จักแล้ว
“ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน” พูดจบหลิวหลีก็ดึงหงหลินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น”
“มีกลิ่นคาวเลือด คนที่พี่รู้จักเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ” หลิวหลีเดินไปพูดไป
ฮัวจิงเฟยกับลู่เฉียงที่ยืนอยู่หันหน้ามองกัน ในใจฮัวจิงเฟยกำลังร้องไห้ หลงหลิวหลีทำไมเจ้าไม่พาข้าไปด้วย ส่วนลู่เฉียงกลับเศร้าเสียใจเตรียมตัวจะไปหานักปรุงยาท่านอื่น
ตอนที่หลิวหลีไปถึงก็เห็นจิ้งจอกที่เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายกับกลุ่มคนที่กำลังทำร้ายเขา
“หยุดนะ ปล่อยจิ้งจอกตัวนั้นไปเสีย” หลิวหลีคำรามขึ้นมา
ทุกคนชะงักมือแล้วมองคนอายุน้อยที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับสาวน้อย
“หนุ่มน้อย อย่าทำตัวเป็นคนใจบุญไปนักเลย ตอนนี้พานังหนูคนนั้นไปเถอะ ข้าจะทำเป็นไม่เห็นอะไร” คนที่เป็นหัวหน้ากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
“ข้ารู้จักจิ้งจอกตัวนั้น ได้โปรดเมตตาปล่อยเขาไปได้ไหม” หลิวหลีกล่าว
“หนุ่มน้อยจากไหนเนี่ย ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ ตอนนี้ข้าจะปล่อยจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไว้ แล้วเอาชีวิตคนที่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นอย่างเจ้าก่อนแล้วกัน” พูดจบก็พุ่งเข้าหาหลิวหลี หลิวหลีดึงหงหลินให้ไปหลบด้านข้าง
“หึ หนุ่มน้อย วันนี้จะสอนบทเรียนสุดท้ายให้นะ การยุ่งไม่เข้าเรื่องอาจจะทำให้ตายได้”
หลิวหลีหลบซ้ายหลบขวา หลังจากที่แน่ใจว่าจิ้งจอกยังไม่ตาย นางก็ปล่อยพลังอัคคีออกมา
“วันนี้กข้าจะสอนเจ้าเช่นกันว่าไม่ควรมองอะไรแค่ผิวเผิน” พูดจบหลิวหลีก็เริ่มโต้กลับ หงหลินก็โดนจู่โจมจนเริ่มโกรธ นางเลียริมฝีปากแล้วกลับร่างเดิม
“พระเจ้า ที่แท้หงหลินเป็นอสูรหรือ” ฮัวจิงเฟยที่ยังไม่ถอดใจ ทันตามมาเห็นตอนหงหลินกำลังกลายร่างกลับเป็นงูหลามเพลิงพอดี ทำไมรู้สึกเหมือนใจแตกสลายนะ
………………………………………………………….

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset