แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 148 15 ปี

“15 ปีแล้ว นังหนูหลงหลิวหลีคนนี้ไปอยู่ที่ไหน  เสี่ยวเสี่ยวที่พาไปด้วยก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเช่นกัน” หลงเหวินเซวียนพูดพลางมองท้องฟ้าด้านนอก
นังหนูหายไปไม่เห็นเงา ทำให้เวลาผู้เฒ่าเจ็ดว่างๆ ก็มักจะมาหาเขา คุยนู่นนี่ จริงๆ คืออยากถามว่า เสี่ยวเสี่ยวจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ก็ทำได้เพียงคุยสัพเพเหระ คุยไปคุยมาก็เป็นระยะเวลา 15 ปีเข้าไปแล้ว
ณ มิติของหลิวหลี  เสี่ยวเสี่ยวเหมือนได้ม้าป่าที่ถูกปลดปล่อย นางวิ่งเล่นอย่างร่าเริง เมื่อ 15 ปีก่อน ตอนหลิวหลีพานางมาที่นี่ ตอนแรกที่ต้องชำระล้างร่างกาย  เสี่ยวเสี่ยวเจ็บปวดเจียนตาย แต่ว่านางก็สามารถทนได้ จนกระทั่ง
“ท่านพี่ ถึงแม้ข้ายังเด็ก แต่ข้าก็รู้มูลค่าของของสิ่งนี้ ข้ารับมันไว้ไม่ได้”  เสี่ยวเสี่ยวผลักขวดขนาดเล็กตรงหน้าออกไป
“รับไว้เถอะ นอกจากเจ้าแล้ว ข้าก็คงไม่ให้คนบ้านสกุลหลินคนไหนแล้วล่ะ” หลิวหลีผลักขวดกลับ
“ท่านพี่ ข้าเคยได้ยินคนบอกว่า นี่คือเลือดบริสุทธิ์ของเต่าดำ ล้ำค่านักให้คนที่จำเป็นต้องใช้เถอะ  เสี่ยวเสี่ยวยังเด็กอยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้”  เสี่ยวเสี่ยวผลักออกไปอีกครั้ง
“ใช่ เพราะเจ้าคือเสี่ยวเสี่ยว เจ้าจะไม่โตหรอก จงเชื่อฟังคำผู้ใหญ่ พี่บอกให้เจ้าเก็บไว้ก็เก็บไปเถอะ อีกอย่างนอกจากเจ้าแล้ว ข้าไม่ชอบใครในสกุลหลินเลย หากเจ้าไม่ต้องการข้าจะเอาไปทิ้ง ใครเก็บได้ก็ถือว่าเป็นโอกาสของเขาไป”
 เสี่ยวเสี่ยวเม้มปาก ชื่อนี้ของนางท่านแม่เป็นคนตั้ง ท่านแม่บอกตอนที่นางเกิดออกมาตัวเล็ก จึงเลยให้ใช้ชื่อว่า  เสี่ยวเสี่ยว จากคำพูดพี่สาว นางจะไม่มีวันโตแล้วใช่หรือไม่
“ท่านพี่ ทำไมท่านถึงดีกับข้าเช่นนี้”  เสี่ยวเสี่ยวถามอย่างสงสัย
“ดีกับคนคนหนึ่งจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือ พี่ชอบเสี่ยวเสี่ยว เพราะเสี่ยวเสี่ยวเป็นคนพิเศษ ถึงจะเป็นเด็กแต่กลับฉลาดปราดเปรื่อง เจ้าเป็นร่างดวงจิตสวรรค์ อาจทำให้เจ้าตั้งมาตรฐานกับตัวเองเอาไว้สูง ดังนั้นเสี่ยวเสี่ยว เลือดบริสุทธิ์ของเต่าดำจะช่วยปรับสภาพร่างกายของเจ้าให้มีความสมดุลยิ่งขึ้น เจ้าจะบำเพ็ญเพียรได้ง่ายขึ้น ทางที่ดีที่สุดหาเคล็ดวิชาฝึกฝนร่างกายด้วย รับรองว่าร่างกายของเจ้าจะตอบสนองพรสวรรค์ของเจ้าได้เต็มที่มากขึ้น” หลิวหลีพูดเน้นย้ำ พลางมองตาเสี่ยวเสี่ยว ใครๆต่างบอกว่าดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจเสี่ยวเสี่ยวสบตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจของอีกฝ่าย พี่หลิวหลีหวังดีกับนางจริงๆ
“เดี๋ยวพี่จะร่ายมนตร์คุ้มครองให้” หลิวหลีกล่าว
 เสี่ยวเสี่ยวดูดซึมเลือดบริสุทธิ์ของเต่าดำอย่างรวดเร็ว ระหว่างนี้ หงหลินก็กลายร่างกลับเป็นคน ทำให้ เสี่ยวเสี่ยวเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงเป็นคนที่สอง เพราะว่าคนอื่นต่างเป็นอสูรเทพ ไม่นานนักจื่อฉีก็ออกจากการเข้าฌาน พลังบำเพ็ญเพียรพัฒนาขึ้นไปมาก เขาฝึกฝนเนตรกิเลนบางส่วน ทำให้ดวงตาว่องไวขึ้นและมองทะลุสิ่งของได้ดีขึ้น สุดท้ายเอ๋าเลี่ยก็ออกฌาน แม้ตอนแรกจะถูกหงหลินกวนจนไม่สามารถเข้าฌานได้ แต่หลังจากนั้นก็พยายามทำจิตใจให้สงบลง ก็ได้ฝึกฝนหัวใจมังกรส่วนหนึ่ง ทำให้รายกายแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย จนเริ่มมีร่องรอยอสูรเทพบรรพกาล
อสูรเทพที่ออกจากฌานพวกนี้ต่างชอบเสี่ยวเสี่ยว ให้ของกับหลิวหลีไม่น้อย และมอบของขวัญให้เสี่ยวเสี่ยวมากมาย เสี่ยวเสี่ยวเองก็พอจะรู้ว่าคนที่เป็นลำดับหนึ่งคือใคร
“ เสี่ยวเสี่ยว เจ้าช้าหน่อย” เสวียนเช่อคลานช้าๆอยู่ด้านหลัง
“อาเช่อ เจ้าช้าเกินไปแล้ว”  เสี่ยวเสี่ยวหันกลับไปพูด
“เสี่ยวเสี่ยว รังแกคนอื่น”
เสวียนเช่อเป็นเต่าดำตัวน้อยจากเผ่าเต่าดำ หลิวหลีเป็นคนพา เสี่ยวเสี่ยวไปหาคู่พันธสัญญาที่เผ่าตำดำ ตั้งแต่ตอนเสวียนเช่อยังเป็นไข่  เสี่ยวเสี่ยวชอบไข่เสวียนเช่อมากเลยทำพันธสัญญากับเขา หัวหน้าเผ่าเต่าดำนึกไม่ถึงว่า เสี่ยวเสี่ยวจะเลือกไข่เต่าดำตัวน้อยที่ไม่ยอมฟักออกเป็นตัวเสียที
สุดท้ายแล้ว เสี่ยวเสี่ยวก็แสดงให้เห็นว่าสัญชาตญาณของนางนั้นแม่นยำ เสวียนเช่อเป็นอสูรเทพที่หาทำพันธสัญญาด้วยได้ยาก เสวียนเช่อมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง สามารถช่วยเสริมข้อด้อยของ เสี่ยวเสี่ยวที่มีสภาพร่างกายที่อ่อนแอได้ ใช่แล้ว เพราะว่าเป็นร่างดวงจิตสวรรค์ ต่อให้คุณสมบัติร่างกายนางดีเท่าไหร่แต่ว่าร่างกายก็ยังมีความอ่อนแออยู่ดี
“หากเจ้ารังแกข้าอีก ข้าจะไปฟ้องพี่จื่อฉีแน่” เสวียนเช่อโวยวาย คู่พันธสัญญาของเขาดีทุกอย่าง ติดอยู่อย่างเดียวก็คือชอบแกล้งเขา
พูดมาถึงตรงนี้ จะไม่พูดถึงจื่อฉีก็ไม่ได้ เมื่อก่อนจื่อฉีเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด แต่จู่ๆก็มีคนที่อายุน้อยกว่าตัวเองโผล่ออกมา ความเป็นพี่ของจื่อฉีจึงได้แสดงออก ตอนนี้คนที่รักเสวียนเช่อที่สุด พูดได้ว่าไม่ใช่คู่พันธสัญญาของเขา แต่คือจื่อฉี
“ เสี่ยวเสี่ยว เจ้ารังแกเสวียนเช่ออีกแล้วหรือ” พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา จื่อฉีอุ้มเสวียนเช่อที่พยายามคลานแต่ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ขึ้นมา แล้วจิ้มหน้าผาก เสี่ยวเสี่ยวเบาๆ
“พี่จื่อฉี ข้าแค่แกล้งเสวียนเช่อเล่นเท่านั้นเอง”  เสี่ยวเสี่ยวแลบลิ้น พี่จื่อฉีถูกพี่สาวเรียกไปแล้วไม่ใช่หรือ นางเพิ่งจะได้แกล้งเสวียนเช่อเอง ทำไมถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้
“เจ้านี่นะ  จริงสิพี่สาวเรียกให้เจ้าไปหา” จื่อฉีนึกถึงจุดประสงค์ที่มา
“ท่านพี่เรียกหาข้าหรือ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”  เสี่ยวเสี่ยวสงสัย ท่านพี่ตามหานาง มีเรื่องอะไรกันนะ
“ท่านพี่ ท่านพี่ ท่านหาข้าหรือ” เสียงเสี่ยวเสี่ยวลอยเข้ามาก่อนตัวเสียอีก
“อืม  เสี่ยวเสี่ยว ตอนนี้เจ้าโตเป็นสาวแล้ว” หลิวหลีมองดูเสี่ยวเสี่ยวที่แต่งตัวเหมือนนาง ก็ชวนให้รู้สึกผิดต่อท่านตาเจ็ดน้อยๆ เอ่อ เด็กสาวผู้น่ารักในตอนนั้นถูกนางเลี้ยงจนโตมาเป็นผู้หญิงอกสามศอก ท่านตาเจ็ดคงจะไม่ว่าอะไรนางใช่หรือไม่ หลิวหลีทอดสายตามองออกไปไกล
“เจ้าค่ะ ท่านพี่”  เสี่ยวเสี่ยวยังจำได้ว่าตัวเองค่อยๆก้าวมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เป็นเพราะความช่วยเหลือจากพี่สาวคนตรงหน้า
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ควรกลับบ้านได้แล้ว 15 ปีแล้ว พวกเราควรกลับบ้านได้แล้ว อีกอย่าง การจัดอันดับผู้ถูกเลือกก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้า”
“จะกลับไปแล้วหรือ ก็ดีเหมือนกัน จะได้กลับไปเยี่ยมท่านตากับท่านแม่”  เสี่ยวเสี่ยวชะงักไปแต่ก็ตอบตกลงทันที นางควรกลับบ้านได้แล้ว
“ท่านพี่ ท่านคิดว่าข้าเข้าร่วมการจัดอันดับรายชื่อผู้ถูกเลือกด้วยดีหรือไม่”  เสี่ยวเสี่ยวพูดพลางเขย่าแขนหลิวหลี
“ได้สิ ก็คิดว่าไปเที่ยวก็ได้” เอ๋าเลี่ยที่แกล้งหลับอยู่ข้างๆ กระตุกมุมปากเล็กน้อย ไปเที่ยวหรือ ความคิดของนังหนูต่างจากคนทั่วไปเหมือนเดิม
“ดีจังเจ้าค่ะ ข้าจะได้ไปเที่ยวแล้ว”  เสี่ยวเสี่ยวดีใจมาก
เราต้องมาพูดถึง เสี่ยวเสี่ยวกันสักเล็กน้อยก่อน นางมีแกนวิญญาณเดี่ยวธาตุดิน เป็นแกนวิญญาณบริสุทธ์ 96  ส่วน คุณสมบัติร่างกายโดดเด่น บวกกับการดูแลมั่วๆ ของหลิวหลี อีกทั้งยังเป็นร่างดวงจิตสวรรค์ ทำให้ความสามารถปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดตามพลังบำเพ็ญเพียรที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้เสี่ยวเสี่ยวจะมีพลังบำเพ็ญเพียรที่ไม่สูงนัก แต่หลิวหลีก็ไม่เป็นห่วงเลยว่า นางออกไปข้างนอกแล้วนางจะเสียเปรียบ
ณ บ้านสกุลหลง หลงหลิวหลีเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย  เสี่ยวเสี่ยวสูดหายใจเข้าปอดลึกเตรียมจะก้าวเข้าไป แต่ก็ถูกผู้เฝ้าประตูขวางเอาไว้ นางหยิบป้ายหยกแสดงสถานะออกมา ถึงสามารถเข้าไปได้
“หลงเสี่ยวเสี่ยว ไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่ป้ายหยกเป็นของสกุลหลงจริง ๆ” ลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูสงสัยว่าเป็นลูกหลานสกุลหลงคนไหน
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน น่าจะเป็นญาติห่างๆ ของสกุลหลง ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย” ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งกล่าว
“เมื่อครู่เจ้าบอกว่าคนที่เข้าไปคือหลงเสี่ยวเสี่ยวหรือ” หลงจิ่งหลินที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ได้ยินผู้ดูแลประตูพูดกันถึงชื่อ เสี่ยวเสี่ยวพอดี จึงถามด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้
“ขอรับ คุณชายสาม บนหยกปรากฏเป็นชื่อนั้น” หนึ่งในลูกศิษย์ที่เฝ้าประตูพูดขึ้น
“ เสี่ยวเสี่ยวกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นหลิวหลีก็กลับมาแล้ว เด็กบ้า ในที่สุดก็ยอมกลับมาเสียที” ปากหลงจิ่งหลินก็บ่นพึมพำ แต่รีบเดินเร็วขึ้น
ผู้เฝ้าประตูสองคนหันมาสบตากัน เด็กบ้าที่กล่าวถึงเมื่อครู่ คงไม่ใช่หลงหลิวหลีบุคคลที่เป็นความภาคภูมิใจของบ้านสกุลหลงกระมัง
 เสี่ยวเสี่ยวอยู่ในระหว่างทางที่จะเดินไปตำหนักท่านตา นางรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยคิดไม่ถึงเลยว่าหลงเหวินชิงกำลังจะไปหาพี่สามของเขา พร้อมกับถามเรื่อง เสี่ยวเสี่ยวพอดี เขามีหลงจิ่งหลิงเป็นลูกสาวเพียงคนเดียว  เสี่ยวเสี่ยวถือว่าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของเขา เขาเห็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาไม่คุ้นเคยยืนอยู่นอกตำหนักของเขา เป็นใครกัน หน้าตาไม่คุ้นเคยแต่กลับให้ความรู้สึกที่คุ้นเคย มีความคล้ายคลึงกับลูกสาวของเขาจิ่งหลิงอยู่เหมือนกัน หรือว่า
“ใช่ เสี่ยวเสี่ยวหรือเปล่า  เสี่ยวเสี่ยว เจ้ากลับมาแล้ว ไหนขอตาดูหน่อย” หลงเหวินชิงมองเด็กหนุ่มคนตรงหน้า ไม่ใช่สิ เด็กสาว โตแล้ว พลังบำเพ็ญเพียรใช้ได้เลย ขั้นพื้นฐานระยะปลายคงที่อย่างมาก ร่างกายก็แข็งแกร่งใช้ได้ 15 ปีมานี้หลิวหลีดูแลนังหนูได้ไม่เลวเลย หลงเหวินชิงเริ่มคิดว่าจะให้อะไรหลิวหลีดี
“ท่านตา ข้ากลับมาแล้ว”  เสี่ยวเสี่ยวตื่นเต้นน้อยๆ ท่านตายังจำตัวเองได้ นางรีบวิ่งไปหาหลงเหวินชิง ใช้หัวคลอเคลียไหล่หลงเหวินชิง
“นังหนูนี่ ยิ่งโตยิ่งขี้อ้อน” หลงเหวินชิงลูบหัวที่พาดบนไหล่อย่างเอ็นดู แต่ก็ว่าไม่ควรคาดหวังในตัวหลิวหลีมากเกินไป นังหนูโตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังแต่งตัวเป็นเด็กผู้ชายอยู่ ความเป็นผู้หญิงไม่มีเลยแม้แต่น้อย
“พี่สาวหลิวหลีของเจ้าล่ะ” ทำไมถึงไม่ได้มาด้วยกัน
“ได้ยินว่าคิดถึงท่านตาสามเป็นอย่างมาก จึงไปเยี่ยมท่านตาสามแล้วเจ้าค่ะ”  เสี่ยวเสี่ยวนึกถึงคำพูดของพี่สาวตอนแยกกับนางตรงหน้าประตู ทว่าอย่านึกว่านางไม่รู้ว่าพี่สาวไปเพื่อปลอบโยนท่านตาสาม กลัวว่า 15 ปีมานี้เขาจะถูกท่านตาของนางกดดันจนจะเป็นบ้าไป
“จริงสิ  เสี่ยวเสี่ยว ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ก็หาเวลาไปที่เผ่ามังกร เจ้าควรจะเลือกคู่พันธสัญญาได้แล้ว” หลงเหวินชิงกล่าว อย่างไรเสียหลานสาวของเขาก็ควรจะต้องทำพันธสัญญากับมังกรสักตัว
“ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ท่านตา ข้ามีคู่พันธสัญญาแล้ว”  เสี่ยวเสี่ยวส่ายหัว
“เจ้ามีคู่พันธสัญญาแล้วหรือ” หลงเหวินชิงอึ้งไป นังหนูไม่ได้ไปทำพันธสัญญามั่วๆ ใช่หรือไม่
“เจ้าค่ะ อาเช่อออกมา”  เสี่ยวเสี่ยวยิ้มพลางเรียกเสวียนเช่อออกมา
หลงเหวินชิงมองดูเต่าดำตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง หลานสาวของเขาทำพันธสัญญากับเต่าดำ ทำไมถึงได้สืบทอดการทำพันธสัญญาจากฝั่งสกุลหลิน มังกรไม่ดีหรือ ว่าแต่พวกเขาไปทำพันธสัญญากับเต่าดำที่ไหน ไม่เห็นเคยได้ยินว่าเผ่าเต่าดำมีเต่าดำที่หลุดออกไปอยู่ข้างนอก
“เรียกหาอาเช่อหรือ” เสวียนเช่อตอบกลับด้วยท่าทางน่ารัก
มองดูเต่าดำที่น่ารักน่าชัง แล้วพอนึกถึงคุณสมบัติร่างกายหลานสาว หลงเหวินชิงก็เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมา
“เจ้าชื่ออาเช่องั้นหรือ ขอบคุณที่เจ้าช่วยดูแลเสี่ยวเสี่ยว” หลงเหวินชิงขอบคุณจากใจจริง เผ่าเต่าดำก็ดี มังกรก็ดี ไม่ว่าเสี่ยวเสี่ยวจะเลือกอะไร เขาก็จะเคารพการตัดสินใจของนาง
……………………………….

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset