แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 153 เสาหินวัดระดับ

ณ เมืองเทียนสิง มีคนรวมตัวกันอยู่ไม่น้อย เนื่องจากมีเพียงช่วงเวลานี้เท่านั้นที่เมืองเทียนสิงจะเปิดให้คนเข้ามา ผู้ถูกเลือกจากทุกสารทิศพากันหลั่งไหลเดินทางมา ณ บริเวณหน้าประตูเมือง จะมีเสาหินอยู่ต้นหนึ่ง หากทำให้เสาหินเปลี่ยนเป็นสีเงินได้ จึงจะสามารถเข้าเมือง ส่วนคนอื่นที่อยากเข้าเมืองนั้น จะต้องให้คนที่เปลี่ยนเสาหินได้พาเข้าไป สีเงินพาเข้าไปได้ 1 คน สีดำพาเข้าไปได้ 2 คน สีขาวพาเข้าไปได้ 3 คน ถ้าสีรุ้งสามารถพาเข้าไปได้ถึง 6 คน
จึงมีคนรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณเสาหินไม่น้อย
“โถ่ แค่สีม่วงเอง จะขึ้นไปอีกหน่อยเลยไม่ได้เหรอเนี่ย” ใครบางคนสบถออกมา
“ไม่ผ่าน” บนเสาหินปรากฏตัวอักษสีแดงขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นว่าไม่ผ่าน
“สีเงิน สีเงิน”
“อัจฉริยะ ผ่านด่าน” บนเสาหินปรากฏตัวอักษรสีเงิน
“โถ่ สีเขียว อย่ามาให้ขายขี้หน้าเลย” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น
“ดูแล้วคึกคักมากเลยนะเนี่ย” หลิวหลีมองฝูงชนแล้วกล่าว
“อย่างไรเสียถือเป็นเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นผู้ถูกเลือก” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
“พระเจ้า ผู้ถูกเลือก เขาคือใคร?” ทันใดนั้นเองมีคนได้ระดับสีดำ ผู้คนต่างพากันตะโกนเซ็งแซ่ นี่คือผู้ถูกเลือกคนแรก
“ซ่างกวนอวี้ แห่งหุบเขาพันใบ” มีคนจำขึ้นได้
“ซ่างกวนอวี้ ชื่อนี้คุ้นหูดีจัง” หลิวหลีฟังแล้วก็รู้สึกคุ้นหูอยู่ไม่น้อย
“หลิวหลีเจ้ารู้จักหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนนึกอยู่นาน ก็ยังนึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร
“น่าจะไม่รู้จัก แค่รู้สึกคุ้นหูเท่านั้น” หลิวหลีส่ายหัวแล้วพูดขึ้น
“พวกเราก็ไปกันเถอะ” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว
“ก็ได้ เสี่ยวเสี่ยว เดี๋ยวเจ้าลองวัดระดับดู” หลิวหลีกล่าวกับเสี่ยวเสี่ยวที่ตื่นเต้นที่ข้างกายนาง
“เจ้าค่ะ” หลงเสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า
พวกเขาเบียดขึ้นไปจนถึงหน้าเสาหิน แล้วจึงเห็นคนปล่อยพลังเซียนใส่เสาหิน แล้วสีของเสานั้นจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้าไปลองดู” หลิวหลีให้กำลังใจนาง
“อะไรกัน ผู้บำเพ็ญช่วงสร้างรากฐานระยะปลายอายุยังไม่ถึง 20 ก็กล้ามาที่นี่ นังหนู ยังไม่ได้หย่านมเลยกระมัง รีบกลับบ้านไปสิไป”
“นั่นสิ ผู้ใหญ่ล่ะ ทำไมถึงปล่อยเด็กเถลไถล ที่นี่ใช่สนามเด็กเล่นหรือ”
มีคนพยายามจะพาเสี่ยวเสี่ยวออกไป ก็ถูกหลิวหลีใช้พลังเซียนสร้างกำแพงกันไว้
“มียอดฝีมือ” คนที่จะลงมือไม่กล้าเคลื่อนไหวอีก
เสี่ยวเสี่ยวสูดลมหายใจแล้วปล่อยพลังเซียนออกไป เสาหินเปลี่ยนเป็นสีม่วงทันทีและเริ่มเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนจู่ๆเสาหินก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน ถึงจะไม่ได้สว่างมาก แต่ก็เปลี่ยนเป็นสีเงิน
บนเสาหินปรากฏคำว่า “อัจฉริยะ ผ่าน”
“ท่านพี่ ข้าผ่านแล้ว” เสี่ยวเสี่ยวตื่นเต้นเล็กน้อย นางนึกไม่ถึงว่านางจะได้สีเงิน
“เสี่ยวเสี่ยวสุดยอดมาก อีกสักพัก เจ้าจะกลายเป็นยอดฝีมือแน่” หลิวหลีชมอย่างไม่เกรงใจ
“ท่านพี่ดูสิ บนหน้าผากมีอะไรไม่รู้” เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกร้อนๆ บริเวณหน้าผาก เมื่อหลิวหลีมองดู จึงพบว่าเป็นรอยประทับสีเงิน ซึ่งจะบ่งบอกระดับของเจ้าตัว นี่ออกจะเป็นการโอ้อวดเกินไปไหมนะ
“อายุเกิน” อยู่ดีๆ บนเสาหินก็ปรากฏตัวอักษรที่ไม่ควรจะปรากฏขึ้น มีคนปลอมอายุมางั้นหรือ
“เสาหินนี้ทำมาจากอะไรกัน” หลิวหลีสนใจวัสดุในการทำเสาหิน
“ไม่แน่ใจเช่นกัน ไม่มีใครรู้ประวัติความเป็นมาของเมืองเทียนสิง เป็นเมืองที่จะปรากฏขึ้นเฉพาะในช่วงที่มีการจัดอันดับผู้ถูกเลือกเท่านั้น” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางส่ายหัว
“สีขาว เป็นสุดยอดผู้ถูกเลือก” ทุกคนส่งเสียงจอแจ คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏสีขาวขึ้น
หลิวหลีปรายตามอง ถึงแม้คนผู้นั้นกำลังหัวเราะ แต่หลิวหลีกลับรู้สึกถึงความเยือกเย็น
“คนผู้นี้เป็นผู้บำเพ็ญสายมาร” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว อนึ่งคนผู้นี้ทำให้เขารู้สึกถึงความอันตราย
“ผู้บำเพ็ญสายมาร ผู้บำเพ็ญสายมารคนนี้ดูเป็นผู้เป็นคนกว่าที่เคยเจอมา” หลิวหลีประเมิน
ซึ่งแน่นอนว่าเยี่ยซิงหวงเห็นหลิวหลีท่ามกลางฝูงชน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดมองแค่ปราดเดียว พวกเขาก็แน่ใจเลยว่า ต่างฝ่ายต้องเป็นศัตรูตัวฉกาจแน่นอน
“สหายที่อยู่ทางด้านนั้น มองมาตั้งนานแล้ว ไม่ลองด้วยตัวเองสักหน่อยล่ะ” เยี่ยซิงหวงตะโกนใส่หลิวหลี
“หมายถึงข้าหรือ ได้สิ” หลิวหลีก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างมั่นใจ พลังเซียนถูกส่งเข้าไปในเสาหิน จนเปลี่ยนเป็นสีขาวทันที แต่ไม่ได้หยุดเท่านั้น สียังคงเปลี่ยนแปลงจนเปลี่ยนเป็นสีรุ้งสว่างสดใส
“ผู้ถูกเลือกอัจฉริยะ ผ่าน”
ทุกคนมองเด็กหนุ่มที่หัวเราะสดใสราวบุปผาแรกแย้ม รอยประทับสีรุ้งที่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของอีกฝ่าย มีผู้ถูกเลือกผู้ถูกเลือกอัจฉริยะจริงหรือนี่ อายุน้อยจนน่าหมั่นไส้จริงๆ
“ข้าเดาไว้ไม่ผิด น้องชายมีคุณสมบัติที่โดดเด่นจริงๆ” ใบหน้าเยี่ยซิงหวงฉายแววประหลาดใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติ
“ลางสังหรณ์ของเจ้าแม่นมาก กดถูกใจให้เลย” หลิวหลีพูดพลางยิ้มน้อย ๆ นางไม่อยากจะโดดเด่นยากมากหรืออย่างไร
“ขอบคุณมาก” ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่ากดถูกใจหมายความว่าอะไร แต่แน่ใจว่าจะต้องเป็นคำชมอย่างแน่นอน กล่าวขอบคุณคงจะไม่ผิดพลาด
“ขอตัวก่อน หากมีโอกาสเจอกันในเมือง” เยี่ยซิงหวงชิงขอตัวก่อน
“เป็นคนน่าสนใจจริงๆ” หลิวหลีประเมิน
“ดาวมังกรกับดาวหมาป่าสวรรค์เจอกันแล้ว ไม่มีใครเป็นรองใคร ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว” คนจากหอเทียนจีเก๋อคำนวนแล้วเอ่ยออกมา
“นายท่าน ทำไมท่านถึงไม่ใช้พลังทั้งหมด ทั้งๆที่ท่านก็เป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะ” อั้นอิ่งถามขึ้นอย่างงุนงง
“ใช้พลังทั้งหมดหรือ ทำแล้วได้อะไร เจ้าคิดว่าคนเมื่อครู่ใช้พลังทั้งหมดแล้วหรือ นางไม่ใช้พลังทั้งหมดเสาก็เป็นสีรุ้งอยู่ดี คนผู้นี้จะต้องเป็นภัยต่อข้าในอนาคตแน่” เยี่ยซิงหวงกล่าวขณะมองท้องฟ้า
“นายท่าน หรือพวกเราควรไปจัดการกับนาง” อั้นอิ่งโบกไม้โบกมือ
“ไม่จำเป็น พวกเจ้าไม่ใช่คู่มือของนาง” เยี่ยซิงหวงส่ายหน้า บนโลกนี้ต้องมีคู่มือที่สมน้ำสมเนื้อสักหน่อย
“สุดยอด มีผู้ถูกเลือกอัจฉริยะอีกคนแล้ว แต่สีจางกว่าคนเมื่อครู่เล็กน้อย”
“นังหนู เจ้ากำลังดูอะไร” หนานกงเวิ่นเทียนที่วัดระดับเสร็จก็เดินมา เขามีรอยประทับสีรุ้งเช่นกัน เพียงแต่สีไม่ได้มีเข้มเท่าหลิวหลี
“คนผู้นั้นจะเป็นภัยต่อเราในอนาคต เพียงแต่ตอนนี้คงจะไม่มีอะไร เสี่ยวเทียน ข้ามีความรู้สึกว่า พวกเราจะต้องได้ประมือกันไม่ช้าก็เร็ว” หลิวหลีสัมผัสอะไรได้บางอย่าง คนผู้นี้เป็นหายนะ
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน” อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีผลอะไร
“อืม จริงด้วย พวกเราเองก็เข้าเมืองกันเถอะ เสี่ยวเทียน” เมื่อครู่เสี่ยวเสี่ยวใจลอยไป จนเกือบจะกลายเป็นลิงไปแล้ว
“ก็ดีเหมือนกัน” หนานกงเวิ่นเทียนก็เห็นปัญหานี้เช่นกัน
“เสี่ยวเสี่ยวล่ะ รีบตามพี่มาเร็ว” หลิวหลีจูงเสี่ยวเสี่ยวแล้วรีบเดินไป
“มิน่าล่ะ หากไม่ใช่ยอดฝีมือจะกล้าพาเด็กออกมาเดินเที่ยวได้อย่างไร” ผู้คนกล่าวขึ้นขณะมองแผ่นหลังของหลิวหลีกับเสี่ยวเสี่ยวแล้วพูดขึ้น
“การจัดอันดับผู้ถูกเลือกได้เริ่มต้นขึ้น ผู้ถูกเลือกก็ทยอยปรากฏตัวขึ้น ไม่รู้ว่าคนผู้นี้เป็นใคร ถึงวัดระดับได้สีรุ้ง”
“พูดถึงผู้ถูกเลือกอัจฉริยะ ว่ากันว่าคือหลงหลิวหลี จากสำนักเมฆาคล้อย นางจะต้องเป็นผู้ถูกเลือกอัจฉริยะอย่างแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเมื่อนางจะมาเมื่อไหร่”
เมื่อพูดถึงหลิวหลี ไม่มีใครไม่รู้จัก พรสวรรค์ในการบำเพ็ญเพียรล้ำเลิศ เป็นบุคคลที่ทุกคนไม่กล้าล่วงเกิน หนำซ้ำยังมีสำนักเมฆาคล้อย สกุลหลงและสกุลจ้านคอยหนุนหลัง เผ่าอสูรเทพต่างเคารพนับถือนาง ไม่เพียงมีความสามารถในการปรุงยาที่น่าตกใจ ยังมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ได้ยินมาว่าแม้แต่ผู้บำเพ็ญทางร่างกายก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เมืองเทียนสิง ข้ามาแล้ว” ไม่ว่าฮัวจิงเฟยจะรีบเร่งขนาดไหน ก็มาไม่ทันหลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียน
“เอาล่ะ จิงเฟย พวกเราไปวัดระดับเพื่อเข้าเมืองกัน” ฮัวจิงหงหน้าแดงเล็กน้อย ทำไมเด็กนี่ถึงได้บ้าระห่ำถึงเพียงนี้ กำลังจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูงแล้วแท้ ๆ
“ก็ได้” ฮัวจิงเฟยลูบจมูกตนเองเบาๆ แล้วเตรียมไปทดสอบ。
“สุดยอดผู้ถูกเลือก” ฮัวจิงเฟยค่อนข้างพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้อย่างน้อยก็มาถึงจุดนี้ ส่วนฮัวจิงหงเป็นสุดยอดอัจฉริยะ
“จิงเฟย เมื่อก่อนข้าทรนงตนมากเกินไปจริงๆ” ฮัวจิงหงพูดเยาะเย้ยตนเอง
“จิงหง เจ้าเก่งมากแล้ว จริงๆ นะ อย่าคิดอะไรมากนักเลย อย่างน้อยเราก็ผ่านด่านแรกแล้ว” ฮัวจิงเฟยเข้าไปโอบฮัวจิงหงเอาไว้ เขาไม่รู้จะบอกจิงหงอย่างไร ว่าจริงๆแล้วเขาดื่มเลือดบริสุทธิ์ของเสือขาวเข้าไปจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ นี่คือความลับระหว่างเขากับหลิวหลี จะพูดไม่ได้
จากนั้นผู้มากฝีมือจากสกุลต่างๆและจากสำนักอื่นๆต่างทยอยกันเข้ามา เมื่อเห็นระดับพลังของตัวเอง ก็ได้แต่ยิ้มอมทุกข์ พวกเขาแต่ก่อนทำไมถึงได้ทรนงตนกันขนาดนั้น หลิวหลีที่ทุกคนเฝ้ารอได้เข้าไปในเมืองนานแล้ว
หลงหลิวหลีที่เข้าเมืองแล้ว ก็พบว่ามีแต่ยอดฝีมือ หลิวหลีมองดูตึกต่างๆในเมือง มีทั้ง หอพัก ตึกสีเงิน ตึกสีทอง ตึกสีดำ ตึกขาวและตึกสีรุ้ง และยังมีตึกราชา
“คุณชาย คุณหนู ที่พำนักของพวกท่านอยู่ที่ตึกสีรุ้ง เชิญตามข้ามา” เด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น
“หุ่นเชิด หุ่นเชิดนี้เหมือนคนมากจริงๆ” หลิวหลีมองดูเด็กสาวตรงหน้าที่ใบหน้าไร้อารมณ์อย่างประหลาดใจ เป็นหุ่นเชิดหรือเหมือนคนจริงๆเลย
“ใช่ เชิญตามข้ามา ตอนนี้มีแค่คุณชายกับคุณหนูที่เข้ามาในตึกสีรุ้ง”
“มีแค่พวกเราสองคนหรือ” ทั้งสองหันมองหน้ากัน น้อยเกินไปหรือเปล่านะ
“แค่ตอนนี้เท่านั้น” หุ่นเชิดในร่างเด็กสาวกล่าวตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเราสามารถพาคนเข้าไปได้ไหม”
“คุณหนูท่านนี้เป็นผู้อาศัยในที่พำนักตึกสีเงิน ไม่สามารถตามท่านเข้าไปในตึกสีรุ้งได้”
“ท่านพี่ ไม่เป็นไร ข้าสามารถดูแลตัวเองได้” เสี่ยวเสี่ยวส่ายหัวบอกว่าตนเองสามารถอยู่คนเดียวได้
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากลจงใช้ยันต์ส่งสาร ข้าจะรีบมาทันที” หลิวหลีมอบยันต์เล็กๆ ให้เสี่ยวเสี่ยว
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า
ทั้งสองเดินตามหุ่นเชิดในร่างหญิงสาวเข้าไปในตึกสีรุ้ง ด้านในมีพลังเซียนอบอวล สภาพแวดล้อมแสนงดงาม มีที่พำนักเล็กๆ อยู่ 10 แห่ง
“ทำไมถึงมีที่พำนักถึง 10 แห่ง” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เรียนคุณหนู ทุกปีจะมีผู้ถูกเลือกอัจฉริยะมากที่สุดได้แค่ 10 คน ที่พำนักพวกนี้ถูกเตรียมไว้ให้กับผู้ถูกเลือกอัจฉริยะโดยเฉพาะ”
“นอกจากพวกเราแล้ว ยังมีอีก 8 คน” นี่ไม่เลวเลย จะได้มีแรงกระตุ้น
“ใช่แล้ว เพียงแค่เข้าไปในที่พัก ก็จะมีประกาศทั่วเมืองเทียนสิง ว่าเจ้าของที่พำนักในเขตสีรุ้งนั้นคือผู้ใด คุณหนูสามารถตั้งชื่อได้”
“น่าสนใจดี ข้าตั้งชื่อเรียบร้อยแล้ว แล้วในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกครั้งต่อไปจะทำอย่างไร” ที่พำนักแห่งนี้จะกลายเป็นของนางไปเลยหรือ
“คุณหนูวางใจ เพียงแค่ท่านออกจากเมืองเทียนสิง ของทุกอย่างก็จะหายไปเอง”
“น่าสนใจ”
…………………………………..

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset