“หลิวหลี เจ้ากำลังดูอะไรอยู่ เผ่ามารน่าสนใจจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเอาเรื่องภายในบ้านมาพูดกันต่อหน้าคนมากมาย” หนานกงเวิ่นเทียนมองหลิวหลี พบว่าสายตาของหลิวหลีจ้องสองพี่น้องเผ่ามาร จึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ผู้บำเพ็ญสายมารคงจะทำอะไรตามใจตัวเองจนชิน แต่เสี่ยวเทียนพูดถูก อย่างไรเสียเรื่องภายในของเผ่ามาร หากไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อเรา พวกเราก็คิดเสียว่าดูเรื่องตลกแล้วกัน” หลิวหลีละสายตาจากพวกเขา แล้วหันมาส่งยิ้มให้หนานกงเวิ่นเทียน
“ท่านพี่ เยี่ยซิงขวงน่ารังเกียจจริงๆ คนอื่นเห็นน้องชายตัวเองต่างตื่นเต้น แต่เขากลับหาเรื่องน้องชายตัวเอง” หลงเสี่ยวเสี่ยวไม่ชอบเยี่ยซิงขวงอย่างมาก รู้สึกว่าเขาโอหังไม่เห็นหัวใคร พี่สาวของนางเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำ ยังไม่ทำท่าทางแบบเขาเลย
“อย่างไรเสียเผ่ามารก็แตกต่างจากเรา” หลิวหลีอธิบาย
“นั่นก็จริง เราเป็นสายธรรมะ พวกเขาเป็นสายอธรรม ธรรมะกับอธรรมไม่เข้ากันอยู่แล้ว” หลงเสี่ยวเสี่ยวพูดโดยคิดไปเองว่าตนนั้นเข้าใจ
“ก็ไม่ใช่อย่างนั้นไปเสียหมด เสี่ยวเสี่ยว เจ้าจำเอาไว้ ธรรมะกับอธรรมไม่ได้แบ่งเช่นนั้น อีกหน่อยเจ้าจะเข้าใจเอง” หลิวหลีกล่าวพลางส่ายหัว
หลงเสี่ยวเสี่ยวยังคงไม่เข้าใจ แต่นางพยักหน้าราวเข้าใจ ส่วนคนอื่นๆในบริเวณนั้นเมื่อได้ยินคำพูดหลิวหลีต่างดำดิ่งลงในห้วงความคิด ธรรมมะกับอธรรมไม่ได้แบ่งเช่นนี้หรือ หลิวหลีจากสกุลหลงเช่างน่าสนใจจริง ๆ
“แม้ว่าร้อยอันดับแรกจะมีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือก แต่ว่าลำดับในรายชื่อก็ยังมีความแตกต่าง 30 อันดับสุดท้ายเป็นสีแดง หมายถึงความราบรื่น ส่วนอันดับ 51 ถึง 70 เป็นสีม่วง ซึ่งหมายถึงเมฆสีม่วงมาทางทิศตะวันออก[1] อันดับ 31 ถึง 50 เป็นสีเงินซึ่งยังสามารถพัฒนาได้ อันดับ 11 ถึง 30 เป็นสีทอง อันดับ 2 ถึง 9 เป็นสีขาว อันดับ 1 สีรุ้ง” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวตนนี้มีความเป็นมนุษย์อย่างมาก นางรอจนคนด้านล่างเงียบแล้วจึงพูดต่อ
“ลำดับในรายชื่อยังมีเรื่องความแตกต่างของสี ดูท่าแล้วข้าก็คงเป็นสีแดง”
“ข้าอยู่ปลายๆของระหว่างทั้งสองสี ข้าจะพยายามลองดูสักตั้ง น่าจะได้อะไรกลับมาบ้าง”
“อันดับของข้าถือว่าไม่เลวเลย ข้าจะพยายามรักษามันไว้”
“ไม่รู้ว่าตำแหน่งสีรุ้งเพียงหนึ่งเดียวนั้นจะถูกหลงหลิวหลีครองไปตลอดหรือไม่ อย่างไรเสียนางก็ได้อันดับหนึ่งไปครองในด่านแรก”
“แต่ข้ากลับรู้สึกภูมิใจแล้ว เพราะอันดับหนึ่งเป็นนักบำเพ็ญสายธรรม”
“นั่นสิ ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญสายอสูรหรือมาร”
“แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ หลงหลิวหลีจะตกเป็นเป้าของทุกคน”
“หลงหลิวหลีเป็นใคร นางจะกลัวเรื่องพวกนี้ด้วยหรือ”
“ท่านพี่ ท่านกดดันหรือไม่” เสี่ยวเสี่ยวฟังสิ่งที่คนรอบข้างพูด แล้วถามหลิวหลีด้วยความประหลาดใจ
“กดดันหรือ จะไม่รู้สึกได้อย่างไร ไม่ว่าข้าจะมั่นใจขนาดไหน พอเอาเข้าจริงข้าก็รู้สึกกดดันอยู่ดี ต้องรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน อีกอย่างเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าผู้บำเพ็ญมารกับอสูรได้ใช้พลังทั้งหมดที่พวกเขามีแล้ว” หลิวหลีพูดพลางยักไหล่ ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะยังมีท่าไม้ตายอยู่ แต่เพียงแค่ยังไม่ใช้เท่านั้นเอง
“ท่านพี่เก่งที่สุดเลย” เสี่ยวเสี่ยวยกนิ้วให้กำลังใจหลิวหลี
“จริงด้วย หลิวหลีของข้าเก่งที่สุด” หนานกงเวิ่นเทียนก็พูดเช่นเดียวกัน แค่เขาอยากจะตามนางให้ทัน เขายังต้องพยายามขนาดนี้ นังหนูของเขาจะไม่เก่งได้อย่างไรกัน
“พวกเจ้าก็ยอข้าเก่งเหลือเกิน” หลิวหลีระอาใจ
“ทุกท่าน ชื่อในรายชื่อนั้นเชิญพวกท่านเขียนด้วยตนเอง” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวรอครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ
“ดูแล้วพวกเราคงต้องหาเวลาฝึกคัดลายมือเสียแล้ว” หลิวหลีลูบคางตนเองเหมือนนึกขึ้นได้
“นี่ นังหนู ไม่จำเป็นต้องใส่ใจปัญหานี้ก็ได้” หนานกงเวิ่นเทียนไม่รู้จะพูดอะไร ทุกคนตื่นเต้นกัน ไม่มีใครอยากจะคัดลายมือเหมือนหลิวหลีสักคน
หลิวหลีไม่ตอบ นางจำได้ว่าตอนนางฝึกเขียนอักษรหวัด ขยุกขยิกจนดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นชื่อ หรือนางจะลองสร้างสรรค์สักหน่อย การเขียนตัวอักษรติดกันแบบชาติที่แล้วก็ดูเหมือนจะไม่เลว
“ทุกท่าน คำโบราณกล่าวไว้ หากปลาหลีฮื้อกระโดดผ่านประตูมังกร จะกลายเป็นมังกร สถานที่ประลองครั้งนี้อยู่ในน้ำตก การจัดอันดับจะเรียงตามลำดับก่อนหลังในการออกมาจากน้ำตก ข้างในมีของดีจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับโชคของแต่ละคนแล้วว่าจะได้อะไรกลับมา” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวพูดจบ ด้านล่างก็เกิดเสียงฮือฮา
“มีสมบัติ ด่านนี้ข้าจะต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดี ๆ”
“ไม่แน่ว่าอาจจะได้ยาศักดิ์สิทธิ์กับอาวุธมาก็ได้”
“ช่างโง่เขลาเสียจริง ยังมียันต์ศักดิ์สิทธิ์ ค่ายกล และเขตแดนต้องห้าม”
“ไม่แน่อาจจะมีเคล็ดวิชาก็ได้ แม้ตัวเองจะไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่สามารถเก็บไว้ให้ลูกหลานใช้ในอนาคตได้”
“โถ เจ้าวางแผนระยะยาวจริงๆเลย คิดไม่ถึงว่าจะคิดไปถึงลูกหลานเลยทีเดียว”
“แล้วจะทำไม ลูกชายข้าก็มีแล้ว เรื่องลูกหลานจะไปไหนไกล” คนผู้นั้นกล่าวอย่างไม่ลดละ คนข้างๆนิ่งไป อืมสิ่งที่เขาพูดดูมีเหตุผล
“ในเมื่อเช่นนั้น พวกเราไปเก็บเคล็ดวิชากัน แต่ตอนนี้ตนเองยังไม่มีลูกหลาน แต่ก็สามารถเตรียมเอาไว้ก่อน”
“พวกเขาคิดกันไปไกลเสียจริงๆ” ฮัวจิงเฟยเยาะ คนโสดอย่างเขาผ่านการอกหักจากการแอบรักและการสารภาพรักมาแล้วถึงสองครั้ง ตอนนี้เขาไม่คิดเรื่องแต่งงานแล้ว อีกอย่างเขาถูกมารบางตัวโจมตีจนทำให้รู้สึกว่า ผู้หญิงก็เหมือนเสือ ยิ่งหนีไปได้ไกลก็ยิ่งดี ถึงขนาดที่เห็นผู้หญิงอ่อนโยน เขายังคิดว่าเป็นการเสแสร้งไม่ใช่ผู้หญิง ทัศนคติด้านความงามของเขาได้ผิดเพี้ยนไปแล้ว
“ข้ากลับรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดก็ดูมีเหตุผล เพราะใครจะไปรู้ว่าลูกหลานของข้าจะสามารถฝึกคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณแบบข้าได้หรือเปล่า” หลิวหลีกลับรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาพูดก็ไม่ได้ผิดไปทั้งหมด และถึงแม้ทุกคนในโลกต่างก็รู้จักเคล็ดวิชาของนางกัน แต่คนที่สามารถฝึกฝนได้และฝึกจนสำเร็จได้ก็มีแต่นางเท่านั้น แล้วนางจะแน่ใจได้อย่างไรว่าลูกหลานรุ่นต่อไปจะมีวิชาที่ดี
“โถ หลงหลิวหลี เจ้ายังไม่ได้แต่งงานเลย ก็เริ่มคิดไปไกลแล้วหรือ ช่างเป็นภรรยาที่ดูแลครอบครัวได้ดีจริงๆ” ฮัวจิงเฟยใช้น้ำเสียงประหลาดแทรกกลางคนทั้งสอง
“ข้าหมั้นหมายแล้ว แต่เจ้ายังโสดอยู่ เจ้ามีสิทธิ์พูดด้วยหรือ” หลิวหลีเหล่หางตามองฮัวจิงเฟย
ฮัวจิงเฟยรู้สึกเหมือนโดนธนูปักเข้ากลางใจ เขาเข้าใจความหมายที่นางสื่อเป็นอย่างดี แต่เขาโสดก็เป็นเพราะนางไม่ใช่หรือ
“เจ้าใช้เงินฟุ่มเฟือยขนาดนั้น โตมาอย่างไรกัน ดูไปแล้วสกุลฮัวคงจะร่ำรวยที่สุดในทั้งห้าสกุล รอกลับไป ข้าจะไปคุยกับผู้นำสกุลฮัวดู” หลิวหลีพูดต่อ
ฮัวจิงเฟยเหมือนโดนธนูอีกดอกปักซ้ำเข้าไป ถ้าทำเช่นนั้นจริงๆ ท่านลุงต้องจัดการเขาแน่
“มิน่า หงหลินถึงไม่ชอบเจ้า หาเลี้ยงครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้ ใครจะไปชอบผู้ชายแบบนี้” หลิวหลีว่าอีกฝ่ายตรงๆ
ฮัวจิงเฟยโดนธนูสามดอกจนตายคาสนามรบ หลงหลิวหลีแค่เขาล้อเล่นเพียงประโยคเดียว ถึงขนาดต้องทำร้ายเขาขนาดนี้เลยหรือ
“อาเลี่ย อาเลี่ย” หลิวหลีเรียกหาเอ๋าเลี่ยที่อยู่ในมิติ
“นังหนู ทำไมถึงเรียกหาข้า เจ้าผ่านด่านนี้ไปไม่ได้เหรอ” เอ๋าเลี่ยถามด้วยความสงสัย นังหนูของเขาไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นสักหน่อย
“ไม่ใช่ เพียงแต่มีข้อสงสัย อยากให้อาเลี่ยอธิบายให้ฟังหน่อย” หลิวหลีแสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น
“ข้อสงสัยอะไรหรือ” เอ๋าเลี่ยก็นึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
“ปลาหลีฮื้อข้ามประตูมังกรจะกลายเป็นมังกรจริงๆหรือ” หลิวหลีสงสัยเรื่องนี้มาก เพราะในชาติที่แล้วของนางก็มีประโยคเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ฮ่าฮ่า นังหนู เจ้ากลับสงสัยเรื่องนี้หรือ ก็ได้ ปลาหลีฮื้อข้ามผ่านประตูมังกร สามารถกลายเป็นมังกรได้จริงๆ แต่ต้องเป็นปลามังกรหลีฮื้อเท่านั้นจึงจะทำได้ ถ้าไม่มีสายเลือดมังกรเลยจะกลายเป็นมังกรได้อย่างไร” เอ๋าเลี่ยอธิบายด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามราวดูถูกปลาที่ข้ามประตูมังกรพวกนี้
“เป็นเช่นนี้นี่เอง” หลิวหลีเข้าใจแจ่มแจ้ง
“อีกอย่าง ปลาที่ข้ามประตูมังกรพวกนี้ไม่ใช่มังกรแท้ๆ แต่เป็นมังกรผสม ปกติมังกรแท้ไม่ยอมรับพวกเขาเป็นเผ่าเดียวกันด้วยซ้ำ” อสูรเทพมีการแบ่งชนชั้นทางสายเลือดอย่างชัดเจน ถึงแม้จะข้ามประตูมังกรได้ แต่สถานะในเผ่ามังกรก็ด้อยกว่าพวกที่เป็นมังกรแท้ๆอยู่ดี ดังนั้นเลยมีบางคนคิดว่าปลาที่ข้ามผ่านประตูมังกรคือพวกที่พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วประสบผลสำเร็จเป็นเพียงการขายฝันเท่านั้น
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะมีเรื่องหักมุมขนาดนี้” หลิวหลีถอนหายใจ
“นังหนู นี่เป็นการเปรียบเทียบเท่านั้น หากเจ้าได้อะไรกลับไป ย่อมต่างปลาหลีฮื้อแน่นอน” เอ๋าเลี่ยกล่าว
“เรื่องนี้ข้าเข้าใจอยู่แล้ว ข้าไม่ใช่ปลาหลีฮื้อเสียหน่อย” หลิวหลีทำทีว่าเข้าใจ
“เชิญทุกท่านเข้าไปเถอะ ส่วนจะได้อะไรกลับมาหรือไม่นั้นก็อยู่ที่ตัวพวกท่านเองแล้ว” หุ่นเชิดร่างเด็กสาวพูดจบ ก็พบว่าน้ำตกปรากฏขึ้นตรงหน้า ทุกคนต่างแย่งกันกระโดดลงไปในน้ำตกทันที
“หลิวหลี พวกเราไปด้วยกันเถอะ” หยวนเทียนเดินเข้ามาหา
“ได้” หลิวหลีไม่มีข้อโต้แย้ง ถึงฮัวจิงเฟยจะถูกหลิวหลียั่วโมโหจนแทบกระอักเลือด แต่ก็ยังแบกหน้าขอไปพร้อมหลิวหลี หลิวหลีไม่พูดอะไร เมื่อครู่ทำร้ายจิตใจเขาไปขนาดนั้น ถ้าอยากตามมาก็เชิญ
แต่พอเข้าไปแล้ว หลิวหลีพบว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ทุกคนหายตัวไปหมด เหลือแค่ตัวเองเพียงลำพัง น่าสนใจจริงๆ
“ดูแล้วที่นี่น่าจะสุ่ม ทางเดินของทุกคนคงแตกต่างกัน แต่คงมีทางออกทางเดียวกัน ได้แต่หวังว่าเสี่ยวเสี่ยวจะไม่เป็นอะไร” หลิวหลีเป็นห่วงเสี่ยวเสี่ยวเล็กน้อย เพราะอย่างไรเสียพลังบำเพ็ญเพียรของนางค่อนข้างต่ำ
“แยกจากหลิวหลีแล้วหรือเนี่ย ทั้งที่เข้ามาด้วยกันแท้ๆ ดูแล้วข้าต้องรีบหาหลิวหลีให้เจอ” หนานกงเวิ่นเทียนมองดูรอบข้างที่ไร้คน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น
“คิดว่าจะมีเพื่อน แต่สุดท้ายก็เหลือแค่ตัวเองเหมือนเดิม” หยวนเทียนพูดอย่างเบื่อหน่าย
“เฮ้อ อุตส่าห์คิดว่าจะอาศัยเก็บเศษเหลือๆจากหลิวหลี แต่ความจริงได้บอกข้าว่าข้าคิดมากไปเอง” ฮัวจิงเฟยทอดสายตามองบนถ้ำแล้วกล่าว
“ท่านพี่ไม่อยู่ ข้าจะต้องเข้มแข็ง ต้องทำให้นางได้เห็นว่าเสี่ยวเสี่ยวเก่งแค่ไหน” หลงเสี่ยวเสี่ยวบีบมือให้กำลังใจตัวเอง
หลิวหลีเดินไปตามทาง พบว่าทั่วบริเวณเต็มไปด้วยสมบัติ กระทั่งอาวุธรบของสมัยโบราณยังมี หลิวหลีโยนของพวกนี้เข้าไปในมิติอย่างไม่เกรงใจ เอ๋าเลี่ยมองดูของกองพะเนินอย่างหมดคำพูด แถมพวกเศษเหล็กทองแดงที่อายุไม่น้อยพวกนี้นังหนูจะไปเก็บเศษของพวกนี้มาทำไม ถึงแม้ว่าในใจจะไม่ยินดีนัก แต่เอ๋าเลี่ยก็ลากจื่อฉีกับโม่หรานไปช่วยกันแยกของให้หลิวหลี
หลิวหลีเดินอยู่พักใหญ่ๆ แต่นางไม่เจอใครแม้แต่คนเดียว ใช้ประสาทเซียนสำรวจก็ไม่พบคน น้ำตกแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหนกันแน่ เดินตั้งนานแต่ก็ยังไม่เห็นเงาคนสักคน
[1] เป็นสำนวนจีนในบันทึกประวัติศาสตร์หมายถึงสิ่งอันเป็นมงคลมาทางทิศตะวันออก
………………………………………………………..