“ที่นี่ก็คือโลกพุทธะ กลิ่นอายช่างสงบนัก” หลิวหลีกล่าว นางสูดลมหายใจเข้าลึก มีพลังของพุทธะหลั่งไหลเข้าร่างกาย ทำให้จิตใจสงบขึ้นไม่น้อย
“จริงด้วย ให้ความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ” ชิงหลวนก็รู้สึกดีเช่นกัน ในระหว่างทางชิงหลวนกับหลิวหลีพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องหลักธรรมของเต๋า คำพูดที่แสนตกตะลึงของหลิวหลีทำให้นางรับรู้อะไรไม่น้อย จนมีแนวโน้มที่จะบรรลุช่วงพลังทีเดียว
“หลักพระธรรมคำสอนที่นี่เจริญรุ่งเรือง ควันธูปลอยอบอวล พวกเราน่าจะถึงกันแล้ว” หลิวหลีพบว่าลูกประคำส่องแสงเปล่งประกาย คาดว่าไต้ซือหยวนเจินน่าจะอยู่ไม่ไกล
คนในโลกพุทธะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายคนแปลกหน้าสองคน คาดว่าคงเป็นคนเมตตา
“ท่านทั้งสองเพิ่งจะเคยมาที่โลกพุทธะครั้งแรกใช่หรือไม่ ไม่ทราบว่ามาแสวงหาโอกาสหรือมาหานักบวชท่านใด” เมื่อเห็นว่าพวกหลิวหลีมีกลิ่นอายพลังที่สงบสุข จึงเอ่ยปากถาม
“ใช่ ข้ามาหาไต้ซือ สหาย ข้าขอถามได้หรือไม่ วัดฝ่าติ้งอยู่ในดินแดนแห่งนี้ใช่หรือไม่ ข้าจะไปวัดฝ่าติ้งเพื่อไปหาไต้ซือหยวนเจิน” หลิวหลีพูดอย่างอ่อนโยน
“ได้ยินแล้วใช่ไหม คนผู้นี้จะมาหาไต้ซือหยวนเจิน ตั้งแต่ไต้ซือหยวนเจินกลับมาจากการจัดอันดับผู้ถูกเลือกก็ไม่รับแขกอีกเลย”
“นั่นสิ คนผู้นี้คงจะต้องโดนปฏิเสธแน่ ๆ”
“สหาย ท่านคงไม่รู้ใช่หรือไม่ว่าไต้ซือหยวนเจินไม่รับแขก”
“สหายท่านนี้ไม่ธรรมดาเลย ข้ามองพลังบำเพ็ญเพียรของเขาไม่ออกเลย”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพลังบำเพ็ญเพียร ไต้ซือหยวนเจินไม่สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”
“สหาย ท่านคงจะได้ยินแล้ว ไต้ซือหยวนเจินไม่รับแขก วัดฝ่าติ้งอยู่ตรงนั้น” ผู้บำเพ็ญที่เป็นคู่สนทนาของหลิวหลีพูดขึ้น
“ขอบคุณท่านมาก นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆอาจจะไม่ได้มากมายอะไร ชิงหลวน พวกเราไป” หลิวหลีพูดจบ ก็ลากชิงหลวนย่อขนาดพื้นที่ แล้วจากไป
“ย่อขนาดพื้นที่ได้ คนผู้นี้พลังบำเพ็ญเพียรสูงจริง ๆ”
“ไม่รู้ว่าจะได้เจอไต้ซือหยวนเจินหรือไม่ สหายท่านนั้นจะโดนปฏิเสธไหม”
“สหายท่านนี้พลังบำเพ็ญเพียรสูง ไม่รู้ว่านางให้อะไรมา เป็นยาเม็ดศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศระดับ 5” คู่สนทนาของหลิวหลีเมื่อครู่คนนั้นรู้สึกประหลาดใจ ช่างเป็นคนใจกว้างจริง ๆ
“ไป พวกเราไปวัดฝ่าติ้งกันสักหน่อย”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าคนผู้นี้จะได้เจอกับไต้ซือหยวนเจินอย่างแน่นอนล่ะ”
“อย่าล้อเล่นเลย ถึงจะเป็นเจ้าสำนักอันดับหนึ่งก็ไม่ได้เจอกับไต้ซือหยวนเจินอยู่ดี เด็กนั่นเป็นใคร เส้นใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ”
ณ วัดฝ่าติ้ง หลิวหลีกราบพระพุทธรูป แล้วคุยกับเณรน้อยที่ข้างๆ
“อมิตาพุทธ ไม่ทราบว่าโยมมีเรื่องอันใด” เณรน้อยพนมมือแล้วถามขึ้น
“เณรน้อย รบกวนช่วยบอกไต้ซือหยวนเจินให้หน่อยได้หรือไม่ ว่ามีสหายมาเยี่ยมเยือน” หลิวหลีกล่าว
“โยม ตั้งแต่ไต้ซือหยวนเจินกลับมาจากการจัดอันดับผู้ถูกเลือกก็ไม่เจอคนนอกและสหายท่านใดอีกเลย” เณรน้อยปฏิเสธอ้อมๆ
“เณรน้อย มอบสร้อยประคำเส้นนี้ให้แก่ไต้ซือหยวนเจิน และนี่ด้วย ไต้ซือหยวนเจินจะมาพบข้าเอง รบกวนเณรน้อยด้วย” หลิวหลีนำสร้อยประคำมอบให้กับเณรน้อย แล้วก็เขียนตัวอักษรตัวหนึ่งบนมือของเณรน้อย
“โยม อาตมาจะไปรายงานให้ท่านทราบ ส่วนเรื่องท่านจะยอมมาพบหรือไม่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องของอาตมาแล้ว”
“ถ้าเช่นนั้น ก็ขอรบกวนเณรน้อยด้วย”
หลังจากที่เณรน้อยเดินไป หลิวหลีกับชิงหลวนก็ไปเดินดูรอบๆแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรคนรอบข้างแม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์ ด้านนอกมีสหายท่านหนึ่งจะมาเข้าพบท่านปรมาจารย์หยวนเจิน บอกว่าหากท่านปรมาจารย์เห็นสร้อยประคำเส้นนี้จะยอมพบเขาเอง”
“ปู้อวี่ ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่าปรมาจารย์ของเจ้าไม่เจอคนนอก เดี๋ยวนี้คนถึงกับทำสร้อยประคำปลอมเพื่อจะได้พบปรมาจารย์หยวนเจินเลยหรือนี่” เฉิงหลิงนึกว่าจะเป็นพวกคนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะได้เข้าพบอาจารย์อาหยวนเจิน เฉิงหลิงรับสร้อยประคำมา พลังแห่งพุทธะเปี่ยมล้น และรู้สึกคุ้นตาไม่น้อยทีเดียว
“ไป ปู้อวี่ ไปพบท่านปรมาจารย์หยวนเจินกับข้า” ในที่สุดเฉิงหลิงก็นึกออก สร้อยประคำเส้นนี้เป็นของอาจารย์อาหยวนเจินของเขาจริงๆ ได้ยินว่าให้คนอื่นไปตอนการจัดอันดับผู้ถูกเลือก
“เฉิงหลิง วันนี้ไม่ใช่วันที่เจ้าต้องเข้าเวร ทำไมถึงมาหาอาตมาที่นี่ได้” หยวนเจินกำลังสวดมนต์ อยู่ดีๆก็สัมผัสได้ว่ามีคนเข้ามา นั่นคือศิษย์หลานทั้งสองของเขานั่นเอง
“อาจารย์อา ข้างนอกมีโยมท่านหนึ่งนำสร้อยประคำของท่านมาบอกว่าจะขอพบท่าน อีกทั้งยังเขียนตัวอักษรตัวหนึ่งลงบนมือของปู้อวี่” เฉิงหลิงนำสร้อยประคำส่งมอบให้ แล้วให้ปู้อวี่ยื่นมือออกมา
“แขกคนสำคัญมาแล้ว ข้าจะต้องลงไปต้อนรับด้วยตัวเองจึงจะถือเป็นการให้เกียรตินาง” พอหยวนเจินเห็นสร้อยประคำก็รู้ว่ามีคนมา มองตัวอักษรบนมือของปู้อวี่ ที่มีตัวอักษรคำว่า ‘หลง’ ลอยไปมา หลงหลิวหลี โยมหลงมาจนได้ ในที่สุดนางก็มาที่โลกพุทธะแล้ว
“แขกคนสำคัญหรือ?” เฉิงหลิงสับสน อาจารย์อาไม่เจอคนนอกไม่ใช่หรือ ทำไมอยู่ๆจึงบอกว่าเป็นแขกคนสำคัญ
“ท่านนี้เป็นแขกคนสำคัญของวัดฝ่าติ้ง เฉิงหลิง อาจารย์อาไม่เจอคนอื่น แต่จำเป็นต้องไปเจอโยมผู้นี้”
“อมิตาพุทธ โยมหลง แขกคนสำคัญมาเยือน ช่างเป็นเกียรติให้แก่วัดของอาตมายิ่งนัก” หยวนเจินเห็นหลิวหลีก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
“ไต้ซือหยวนเจิน กว่าจะได้เจอท่านไม่ใช่เรื่องง่ายเลย” หลิวหลีถอนหายใจแล้วก็พูดขึ้น
“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นคนนอก แต่โยมหลงมา อาตมาจะไม่มาพบได้อย่างไร” หยวนเจินยิ้มแล้วพูดขึ้น
“สุดยอดนั่นไต้ซือหยวนเจินจริง ๆ”
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ถึงขนาดทำให้ไต้ซือหยวนเจินที่ไม่ยอมเจอคนนอกออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง”
“ไต้ซือเรียกเขาว่า โยมหลง คนผู้นี้น่าจะแซ่หลง”
“เฉิงหลิง ปู้อวี่ วันนี้พวกเจ้าทั้งสองคนโชคดีมาก ผู้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเจ้าทั้งสองคนก็คือโยมหลง หลงหลิวหลี” หยวนเจินแนะนำ
“หลงหลิวหลี คารวะโยมหลงหลิวหลี” แน่นอนว่าเฉิงหลิงกับปู้อวี่ย่อมรู้ว่าหลงหลิวหลีคือใคร นั่นผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่ง นักปรุงยาระดับ 8 ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ผู้ที่สามารถฝึกฝนคัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณไปในขั้นสูงได้คนแรกของโลกบำเพ็ญ
“ไต้ซือทั้งสองอย่าได้เกรงใจ ในเมื่อไต้ซือหยวนเจินบอกสถานะของข้าแล้ว น้ำใจเล็กน้อย หวังว่าไต้ซือจะรับมันไว้” เมื่อหลิวหลีเห็นว่าสถานะของตนเองถูกเปิดเผย ก็ไม่อ้อมค้อมใดๆ นักบวชก็ต้องการเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน
“ขอบคุณโยมหลงมาก” เฉิงหลิงกับปู้อวี่รับขวดหยกมาด้วยความดีใจ มือสั่นน้อยๆ ของชิ้นนี้ถึงแม้จะไม่ได้ใช้ แต่เก็บไว้ก็มีมูลค่าไม่น้อย
“อะไรนะ ผู้ถูกเลือกอันดับหนึ่งหลงหลิวหลี”
“ผู้ถูกเลือกอัจฉริยะของสกุลหลง นี่คือนักปรุงยาระดับ 8 ที่มีอายุน้อยที่สุด”
“ข้าก็ว่าทำไมคนผู้นี้ถึงได้ใจกว้างนัก เวลาแจกของก็ให้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์คุณภาพชั้นเลิศ นอกจากนางแล้วยังจะมีใครได้อีก”
“โยมหลง เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกัน กว่าจะเชิญโยมมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย 60 ปีแล้วจึงจะยอมมา” หยวนเจินหยอกล้อ
“ไต้ซือได้โปรดนำทางด้วย พวกเรากำลังจะกลายเป็นสัตว์ในสวนสัตว์ที่ทุกคนมายืนชมแล้ว” หลิวหลีบอกให้เดินไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน
“ใช่แล้ว ไต้ซือหยวนเจิน คนผู้นี้คือชิงหลวน พวกเรามาด้วยกัน รบกวนไต้ซือช่วยจัดการให้ด้วย” หลิวหลีชี้ชิงหลวนที่อยู่ข้าง ๆ
“ชิงหลวน คารวะไต้ซือหยวนเจิน”
“โยมชิงหลวนนี่เอง เฉิงหลิงนำทางชิงหลวนผู้นี้ไปที่เรือนรับรอง โยมชิงหลวนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกเช่นเดียวกัน” หยวนเจินแนะนำ
“โยมชิงหลวน เชิญทางด้านนี้” เฉิงหลิงกล่าว ทุกคนที่มีรายชื่ออยู่ในการจัดอันดับผู้ถูกเลือกต่างก็เป็นอัจฉริยะ ดูจากความสัมพันธ์ระหว่างโยมชิงหลวนกับโยมหลงแล้ว โยมชิงหลวนท่านนี้อย่างน้อยๆจะต้องอยู่ในสามสิบอันดับแรกแน่นอน
“โยมหลง น้องสาวของโยมเข้าสู่ช่วงอมตะแล้วหรือ” ได้ยินมาว่าตั้งแต่การจัดอันดับผู้ถูกเลือก โยมหลงก็เก็บตัวอยู่ที่สำนัก อบรมสั่งสอนน้องสาวด้วยความตั้งใจ ได้ยินมาว่านางยังสอนน้องเขยไปด้วยพร้อมกัน
“ใช่ มิเช่นนั้นข้าคงจะออกมาไม่ได้” หลิวหลีถอนหายใจ
“ได้ยินมาว่า โยมหลงได้สั่งสอนน้องเขยด้วย”
“ไต้ซือหยวนเจิน สำหรับนักบวชแล้วต้องรู้จักปล่อยวาง ว่างเปล่า ทำไมท่านถึงได้รู้มากขนาดนี้นะ พระพุทธองค์จะไม่กล่าวโทษท่านใช่หรือไม่” ข่าวของนางแพร่มาถึงโลกพุทธะเลยหรือ จะให้นางตายหรืออย่างไร คงไม่รู้แค่โลกอสูรกับโลกมารแล้วกระมัง ตอนนี้นางขอกลับบ้านยังจะทันไหม
“เรื่องนี้ พระพุทธองค์คงไม่ว่าอะไร” หยวนเจินกล่าวพลางระบายยิ้ม โยมหลงยังคงเป็นคนที่น่าสนใจเหมือนเดิม พ่ายแพ้ให้คนเช่นนี้ ไม่มีอะไรเสียหายเลยจริง ๆ
“เอาเถอะ ท่านเป็นนักบวช ท่านว่าอย่างไรคงต้องเป็นเช่นนั้น” หลิวหลีกลอกตา นักบวชท่านนี้ยังใส่ใจทางโลกอยู่มากทีเดียว ชอบพูดจาหยอกล้อ อีกทั้งบนตัวมีกลิ่นอายพุทธะค่อนข้างมาก ดูท่าแล้วคงจะได้อะไรกลับมาไม่น้อย
“โยมหลง โลกพุทธะเป็นอย่างไรบ้าง” หยวนเจินพูดเมื่อกระเซ้าเย้าแหย่แล้ว
“ใช้ได้ทีเดียว กลิ่นอายช่างสงบนัก มาแล้วทำให้รู้สึกสงบไม่น้อย” หลิวหลีแสดงออกว่าโลกพุทธะไม่เลวเลย
“โยมหลงกล่าวชมเกินไป”
“เลิกเรียกข้าโยมหลงเถอะ ดูห่างเหินเกินไป เรียกข้าหลิวหลีก็แล้วกัน” โยมหลง โยมเหลิง อะไรกัน ไม่น่าฟังจริงๆ
“เอาเถอะ หลิวหลีที่อาตมาอยากจะเชิญเจ้ามาที่โลกพุทธะ หนึ่งก็คืออาตมาอยากได้เจ้ามาเป็นแขก สองคือหวังอยากให้เจ้าช่วยอาจารย์อาโม่หมิงของข้า ท่านถูกผู้อาวุโสในโลกมารทำร้าย ในร่างกายมีพลังมารที่ตอนนี้โดนพลังแห่งพุทธะสะกดไว้ แต่ขจัดออกไปไม่ได้” หยวนเจินเล่าสถานการณ์ให้ฟัง
“ท่านควรจะบอกสถานการณ์มาแต่แรก ข้าจะได้มาตั้งนานแล้ว” หลิวหลีทำสีหน้าตกใจ
“อาการของอาจารย์อายังสามารถควบคุมได้เลยไม่ได้ไปรบกวนโยมหลง” หยวนเจินกล่าว
“เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านยังสามารถพูดอ้อมค้อมได้ถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะว่าข้ามาที่โลกพุทธะเป็นที่แรก ไต้ซือไม่กลัวว่าจะต้องรอข้าไปอีกหลายร้อยปี กว่าข้าจะมาที่นี่หรือ”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง หยวนเจินจะไปหาหลิวหลีแน่นอน” หยวนเจินแสดงออกว่าหากถึงเวลานั้น เขาจะไปเชิญหลิวหลีด้วยตัวเอง
“ไม่กลัวว่าข้าจะท่องโลก แล้วหาข้าไม่เจอหรือ”
“เรื่องนี้ อาตมาไม่กลัวอยู่แล้ว ขอเพียงแค่สร้อยประคำของอาตมาอยู่ที่หลิวหลี อาตมาก็จะหาโยมเจออย่างแน่นอน”
“ดังนั้นที่ท่านหยวนเจินมอบสร้อยประคำให้แก่ข้าก็เพราะว่ามีจุดประสงค์เช่นกัน” นักบวชก็โหดร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ หลิวหลีรู้สึกว่าอยู่ที่สำนักยังจะปลอดภัยกว่า โลกพุทธะช่างอันตรายจริง ๆ
“ขอบคุณหลิวหลีที่ชม”
หลิวหลีอยากจะกลอกตาใส่อย่างมาก นางชมเขาหรือนี่
“หยวนเจิน ข้าขอพักผ่อนสักหนึ่งคืน รอให้ข้าฟื้นฟูเต็มที่แล้วค่อยไปดูอาการไต้ซือโม่หมิง” หลิวหลีแสดงความต้องการว่านางจะไปดูอาการไต้ซือโม่หมิงในสภาพที่ร่างกายพร้อมที่สุด ในเมื่อเวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว จะรออีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไร
“ได้ อาตมาขอเป็นตัวแทนอาจารย์อาขอบคุณหลิวหลีก่อน” อาจารย์เคยพูดไว้ หากหลงหลิวหลียอมช่วย อาจารย์อาก็จะมีโอกาสหายอย่างน้อย 70 ส่วนแล้ว
………………………………
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 183 มาพบหยวนเจิน
Posted by ? Views, Released on November 16, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!