แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 2 เรื่องเก่าในคฤหาสน์

สำหรับหลิวหลีที่แสร้งเป็นเด็กน้อย ตอนนี้สมองของนางว่างเปล่าไปหมด นี่มันบ้าอะไรกัน นางเป็นทายาทของนายท่านแล้วยังเจอฉากน้ำเน่าแบบนั้นอีก แต่ว่าคำว่า‘มีชะตาแห่งเซียน’ มันเหมือนนิยายเทพเซียนที่เธอเคยอ่านในชาติก่อนไม่มีผิดเมื่อพูดถึงจุดนี้คงเข้าใจได้ว่าหลิวหลีนางกลับชาติมาเกิด งานอดิเรกที่ชอบที่สุดในชีวิตคือการอ่านนิยาย อ่านได้ทุกประเภทอีกอย่างคือนางชื่นชอบในการทำอาหาร ไม่เพียงแต่ชอบทำอาหารเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือชอบดูรายการอาหารต่างๆ แม้แต่การถ่ายทอดสดรายการทำอาหารทางอินเตอร์เน็ตก็ยังไม่พลาด การย้อนกลับมาในสมัยโบราณนี้นอกจากจะเสียใจที่ไม่ได้ดูรายการทำอาหารต่างๆที่ตนเองชอบ แต่อาหารสมัยโบราณก็ทำให้นางตื่นตะลึง แถมรูปลักษณ์เด็กน้อยปลอมๆของนางก็เป็นอาวุธสำคัญให้นางได้แอบเรียนรู้  ตอนนี้นางเองรู้แล้วว่าโลกที่นางมาถึงนั้นไม่ใช่แนวปลูกผักปรุงยาแต่เป็นโลกแนวเทพเซียนที่แสนอันตราย ไม่มีอะไรชวนตื่นเต้น และแน่นอนว่านางไม่ลืมว่าตัวเองเพิ่งอายุ 6 ขวบ จำเป็นต้องเสแสร้งเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
 “นายท่าน นายหญิง นายน้อย คุณหนูทั้งหลายแขกกลับแล้ว หลิวหลีขอตัวก่อน” อากัปกริยาเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เมื่อแขกกลับแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนรับใช้ต้องอยู่ต่อ นางเป็นสาวใช้ที่รู้ความเสียจริง นางชื่นชมตัวเองและค่อยๆก้าวถอยออกมา
“ช้าก่อน” หลี่หลินดึงสติจากห้วงอารมณ์ที่ซับซ้อนยุ่งเหยิง มองบุตรสาวที่กำลังถอยกลับอย่างนอบน้อม
“นายท่านมีอะไรสั่งอีกหรือเจ้าคะ” ในฐานะสาวใช้ที่สมบูรณ์แบบ หลิวหลีหยุดนิ่งตรงทันทีแล้วตอบรับด้วยน้ำเสียงเคารพ
หลี่หลินนั้นยังครุ่นคิดเรื่องที่บุตรสาวตัวเองเป็นสาวใช้
“เจ้าชื่อหลิวหลี ครอบครัวของเจ้ามีใครบ้าง”หลี่หลินรู้สึกว่าจำเป็นต้องรู้เรื่องไขปริศนาเรื่องเหตุใดหลิวหลีจึงมาเป็นบุตรสาวของตนให้กระจ่างแจ้งก่อน
“เรียนนายท่าน ครอบครัวของข้าน้อยมีท่านย่าอีกหนึ่งคน ตอนนี้ช่วยแม่หลิวทำงานอยู่หลังครัว ส่วนท่านพ่อท่านแม่และน้องชายข้าอยู่บ้านทำงานเล็กๆน้อยๆเจ้าค่ะ” หลิวหลีตอบอย่างสุภาพ
“พวกเจ้าเข้ามานำตัวแม่หลิว บุตรชายและสะใภ้ของนางมา” หลี่หลินสั่ง
“น้องสอง น้องสาม เจ้าพาลูกๆออกไปก่อน ส่วนฮูหยินอยู่กับข้า”หลี่หลินเอ่ยปากสั่ง
“เจ้าค่ะท่านพี่ (ขอรับ/เจ้าค่ะท่านพ่อ)” ฮูหยินทั้งสองพาเด็กๆทั้ง 8 คนกลับ เฮ้อ…ไม่ได้อยู่ฟังเรื่องน่าขันของฮูหยินเสียแล้ว
“หลี่ฝู เจ้าพาหลิวหลีกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใหม่” หลี่หลินเรียกพ่อบ้าน  เป็นถึงบุตรสาวของหลี่หลินจะมาสวมเสื้อผ้าซอมซ่อเช่นนี้ได้อย่างไรกัน แถมบุตรสาวคนนี้จะเป็นคนสำคัญที่พาเขาไปสู่ความรุ่งโรจน์
หลิวหลีที่ถูกนำตัวไปก็ยื่นปากด้วยความเสียใจ เฮ้อ เพราะอายุน้อยเกินไปจึงถูกตัดสิทธิ์ อดฟังเรื่องน้ำเน่า แต่ก็ยอมเดินตามอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย
“ฮูหยินอาศัยตอนที่ทุกคนไม่อยู่ เจ้าควรเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อนให้ข้าฟังนะ” หลี่หลินนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่แยแสว่าชาในถ้วยจะเย็นชืดจนเสียรสชาติหรือไม่
สีหน้าของเว่ยซื่อยากจะคาดเดาได้ จนในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมา
“เดิมทีข้าคิดว่าความลับนี้จะถูกฝังลงโลงไปก่อนแล้วค่อยบอกท่านพี่ แต่ว่าหลิวหลีเป็นบุตรสาวท่าน เป็นบุตรสาวของท่านกับหลงซินเยว่” ฮูหยินเว่ยเอ่ยขึ้นแล้วใบหน้าก็เปลี่ยนสีไปเล็กน้อย
“ไม่ว่าท่านพี่จะแต่งใครเข้าจวนกี่คน ข้าก็ไม่เคยสนใจและไม่เคยไปสร้างความยุ่งยากให้แก่พวกนางแม้แต่น้อย แต่กับคนสกุลหลงคนนี้ข้ายอมไม่ได้” ฮูหยินเว่ยเอ่ยขึ้นแล้วชะงักไปชั่วครู่
“ข้าได้ยินมาว่าท่านพี่จะตบแต่งแม่นางหลงเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ช่างเชือดเฉือนหัวใจข้านัก พอตอนที่ข้ารู้เรื่องนางมีทายาท นางก็ตกเลือดตายไปเสียแล้ว น่าเสียดายนักที่นางโชคร้าย ทารกที่นางคลอดออกมาก็ลมหายใจรวยรินเต็มที ทีแรกข้าคิดว่าคงไม่รอดแน่ แม้แต่ท่านหมอยังพูดว่าคงไม่รอดเกินวันนี้ ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะมีชะตาแข็งรอดมาได้ แถมยังแข็งแรงทีเดียว ข้าคิดว่าเมื่อนางเติบใหญ่จะหาครอบครัวดีๆให้นาง ใครจะรู้… ฟ้าลิขิต ฟ้าลิขิต” เว่ยซื่อกล่าวอย่างคลุ้มคลั่ง
เมื่อหลี่หลินได้ยินว่ารักแท้ของตนจากไปเช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นระรัว และเมื่อคิดว่าหลิวหลีเกือบตาย เด็กคนนี้ทุกข์ทรมานมาเท่าไหร่กัน
แม่หลิวสาวเท้าเดินตามคนถ่ายทอดคำสั่งของนายท่าน ด้วยใจไม่เป็นสุข และในตอนที่เห็นบุตรชายและสะใภ้ของตน ใบหน้าก็ซีดเผือดหรือว่าวันนี้นายท่านเรียกหาหลิวหลีเพราะรู้ความจริงแล้วอย่างนั้นหรือ  เมื่อบวกกับใบหน้าซีดเผือดของเว่ยซื่อ นางก็กระจ่างแจ้งทันที
“คารวะนายท่าน คารวะฮูหยิน” แม่หลิว,บุตรชายและสะใภ้ทำความเคารพด้วยนำเสียงสั่นเครือ
“ข้าขอถามเจ้าว่าหลิวหลีเป็นหลานแท้ๆของเจ้าหรือไม่” หลี่หลินถามอย่างตรงไปตรงมา รายละเอียดจากปากเว่ยซื่อนั้นยังคลุมเครือ บางทีแม่หลิวอาจจะรู้อะไรบางอย่าง
“เรียนนายท่าน ไม่ใช่เจ้าค่ะ” เมื่อแม่หลิวเห็นว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คงทำได้เพียงพูดความจริงเท่านั้น แต่ลูกสะใภ้ของหล่อนตื่นตระหนกเล็กน้อย สามีของนางจึงจับนางไว้
“เดิมทีหลิวหลีเป็นลูกนอกสมรสของนายท่าน แต่ร่างกายอ่อนแอ ลมหายใจรวยริน ฮูหยินนึกสงสารจึงเตรียมหลุมฝังนางข้างแม่ของนาง ข้าน้อยทำป้ายหลุมศพไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จู่ๆหลิวหลีก็ส่งเสียงร้องออกมาเป็นระยะๆ ข้าจึงพบว่าคุณหนูที่หายใจรวยรินก็กลับหายใจแรงขึ้น ข้าน้อยเกิดเห็นแก่ตัว แม่นางหลินสะใภ้ของข้าน้อยเพิ่งคลอดบุตรออกมา แต่ทารกน้อยกลับตายไป นางทำใจไม่ได้เป็นลมล้มพับไม่ได้สติไปสามวัน เชิญหมอมาก็บอกว่าเป็นโรคทางใจ หากแต่น่าประหลาดนัก พอข้าน้อยพาหลิวหลีกลับบ้าน เสียงร้องของหลิวหลีก็ทำให้นางฟื้นขึ้นมา ทั้งยังคิดว่าเป็นบุตรตนเอง ข้าน้อยทำไปเพื่อครอบครัว ทั้งยังคิดว่านายท่านไม่ชอบหลิวหลีจึงเลี้ยงดูนางเสมือนหลานแท้ๆ แต่หลังจากนั้นข้าน้อยก็ไปเรียนให้นายหญิงทราบ นายหญิงก็บอกกับข้าน้อยแค่ว่านางรับรู้แล้ว” แม่หลิวพูดสิ่งที่รู้ออกมาจนหมดเปลือก สะใภ้หลินยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างนาง ได้เวลาตื่นจากฝันได้แล้ว
หลี่หลินเงียบไม่พูดจา เขาใช้นิ้วเคาะโต๊ะด้วยท่าทีไม่พอใจ เหลือเพียงเสียงร้องไห้ระงมของแม่นางหลิน ส่วนเว่ยซื่อไม่รู้ว่าสติของนางล่องลอยไปไหนแล้ว ส่วนแม่หลิวกำลังรอผลตัดสินอย่างเงียบเชียบ
“แม่หลิวเจ้ากลับไปก่อน สามวันจากนี้เจ้าค่อยกลับมาจวนสกุลหลี่ ต่อจากนี้เจ้าจะเป็นแม่บ้านประจำคฤหาสน์ ส่วนบุตรชายและสะใภ้ของเจ้า บ้านนอกยังขาดตำแหน่งผู้ดูแลชายหญิงหนึ่งตำแหน่ง สามวันให้หลังให้บุตรชายเจ้าพาสะใภ้ไปรายงานตัวแล้วกัน” หลี่หลินครุ่นคิดอยู่นานแล้วเอ่ยขึ้น
แม่หลิวที่ใจหล่นวูบในตอนแรกก็ดีใจอย่างกะทันหันจนทำตัวไม่ถูก
“นายท่าน ข้าน้อย…” แม่หลิวอยากจะบอกปัด
“ไม่ต้องมากความ เจ้าควรได้รับมัน” หลี่หลินพูดตัดบทแม่หลิว
“ถ้าเช่นนั้นขอบพระคุณนายท่านมากเจ้าค่ะ” แม่หลิวกล่าวอย่างดีใจ แม้แต่บุตรชายและสะใภ้ของนางก็พลอยมีสีหน้าดีอกดีใจตามไปด้วย
“ออกไปได้” หลี่หลินเอ่ยขึ้นพลางสะบัดมือไล่
“เจ้าค่ะ” แม่หลิวกับครอบครัวนางขอตัวลา แต่ในใจก็ยังเป็นห่วงหลิวหลี แต่ตอนนี้นางไม่อาจเข้าไปยุ่งเรื่องหลานสาวได้อีกแล้ว
หลังจากที่ทุกคนกลับไป หลี่หลินก็หันไปมองภรรยาของตน
“ฮูหยิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าช่วยท่านเซียนเช่นไร” หลี่หลินเอ่ยปากถาม
“มิใช่ว่าท่านพี่ที่ช่วยคนบาดเจ็บและรักษาด้วยจิตใจเมตตาหรอกหรือ” เว่ยซื่อที่ได้สติกลับมาเอ่ยตอบเสียงเบา
“เจ้าผิดแล้ว ฮูหยินตัวข้าก็เป็นปุถุชนธรรมดาจะรู้ไปรู้เรื่องสูงส่งพวกนั้นได้อย่างไร แต่เป็นเยว่เอ๋อร์ต่างหาก” หลี่หลินถอนหายใจพลางเอ่ยตอบ
“เกี่ยวอะไรกับหลงซินเยว่”
“เดิมทีข้าช่วยเยว่เอ๋อร์ที่กำลังตกที่นั่งลำบากซึ่งเจ้าน่าจะรู้ดี แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าเยว่เอ๋อร์เป็นเซียน เพียงแต่ไม่รู้เพราะเหตุใดนางจึงไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป  ที่ข้าช่วยเซียนท่านนั้นเพราะเยว่เอ๋อร์เป็นคนบอก นางบอกว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านเซียนจะติดค้างหนี้กรรมกับข้า หากเขาต้องการไปสู่หนทางแห่งอมตะ เขาจะต้องชำระหนี้กรรมที่ติดค้างเสียก่อน”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” เว่ยซื่อพึมพำ
“ตอนนั้นข้ามีความคิดอยากตั้งเยว่เอ๋อร์ให้เป็นภรรยาที่ถูกต้อง แต่ก็รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นนาง ยิ่งไปกว่านั้นข้ารู้ว่าที่นางอยู่กับข้า เกรงว่าคงจะเป็นเพราะหลิวหลี โชคดีที่หลายปีมานี้ เจ้าไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อหลิวหลีและยังช่วยชีวิตนางไว้ ความรุ่งเรืองในภายหน้าของสกุลหลี่ต้องฝากเจียงเหอแล้ว” นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่หลินเปิดอกพูดความในใจของตนกับฮูหยินของเขา
“ท่านพี่ ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านพี่คิดเช่นนี้ ข้ารู้สึกละอายนัก” เว่ยซื่อรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
หลี่หลินลุกขึ้นจับมือเว่ยซื่อแล้วทรุดตัวลงนั่งเคียงข้างนาง
“ฮูหยิน ในเมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าทำสองเรื่อง”
“เชิญท่านพี่ว่ามาเถิด”
“ข้อแรก ในสามวันนี้เจ้าต้องทำให้หลิวหลีรู้สึกดีกับที่นี่ ลูกๆของเราทั้ง 8 ต้องเป็นมิตรกับนาง ข้อที่สอง ข้าอยากให้หลิวหลีเป็นลูกสาวในนามของเจ้า เป็นคุณหนูสามของสกุลหลี่อย่างถูกต้อง นี่เป็นเหตุผลว่าเหตุใดข้าจึงอยากแต่งงานและรับแม่นางหลงมาเป็นภรรยาที่ถูกต้อง ภรรยาในสมรสย่อมมีประโยชน์กว่าภรรยานอกสมรสนัก”
เมื่อเว่ยซื่อฟังจบ นางก็ขบคิดอะไรในใจมากมาย
“ข้าจะทำตามคำสั่งท่านพี่ ในสามวันนี้ข้าจะเห็นนางเป็นลูกแท้ๆของข้า เป็นน้องสาวแท้ๆของเจียงเหอ อิงหลัว เยียนจือ” เว่ยซื่อเหมือนจะคิดได้ นางจึงยอมตกปากรับคำเป็นอย่างดี หลี่หลินถอนหยาใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเว่ยซื่อเข้าใจตน เขามองดูฮูหยินด้วยแววตาอบอุ่น
หลี่หลินมีความคิดที่ไม่ค่อยจะสอดคล้องกับความเป็นจริงนัก ชนชั้นสูงมีทายาทแต่มาประกาศเอาก็ตอนอายุ 10 ขวบ คิดว่าคงเพราะเรื่องชะตาแห่งเซียน และต้องการเข้าไปในเส้นทางนี้โดยอาศัยสายสัมพันธ์กับหลิวหลี
เพียงไม่นานคนทั้งเมืองก็รู้ว่าหลิวหลีเด็กรับใช้หลังครัวเป็นบุตรสาวของนายท่าน เป็นคุณหนูสาม ทุกคนที่ได้รู้ข่าว มีท่าทีที่แตกต่างกันไป เจียงเหอ อิงหลัว เยียนจือ ฟังเรื่องราวที่จริงบ้างไม่จริงบ้างปนๆกันจากมารดาของตนเอง จึงพอทำใจยอมรับอีกฝ่ายได้ แต่คนที่มีท่าทีกับเรื่องนี้ที่สุดเห็นจะเป็นโม่ลี่ นางอยู่ข้างกายแม่ใหญ่มาตลอด เพื่อจะได้อยู่ภายใต้การดูแลของนาง ภายหน้ายามออกเรือนจะได้มีชื่อเสียงที่ดี และมีตัวเลือกที่มากขึ้น ใครจะรู้ว่าจู่ๆจะมีคนโผล่ออกมาแย่งนาง จะไม่เกลียดได้อย่างไร
ในฐานะตัวเอกของเรื่องอย่างหลิวหลีถูกหลี่ฝูพาเข้าไปในห้อง ได้ลองอาบน้ำในอ่างโบราณที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้อย่างหรูหรา แน่นอนว่าสาวใช้ปรนนิบัตินางโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จหลิวหลียังคงเพลิดเพลินไปกับการอาบผิวด้วยน้ำผึ้งไปทั่วตัว หลิวหลีมองเด็กสาวที่มีผมมวยน่ารักสองข้างในกระจก ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งจริงๆ
หลิวหลีสวมชุดกระโปรงยาวสีชมพู มวยผมทั้งสองข้างประดับด้วยดอกไม้เล็กๆ สีชมพูช่วยให้ดูขี้เล่นและมีชีวิตชีวา นางดูเหมือนท่านแม่ของนางไม่มีผิด ความงดงามของนางเริ่มเผยออกมา เมื่อได้แต่งองค์ทรงเครื่อง ช่างน่าทึ่งจริงๆ หลิวหลีลูบมวยผมสองข้าง แล้วคิดถึงเส้นทางของตนในภายหน้า ปล่อยให้ตนเองได้ฟุ้งเฟ้อสักสองสามวันแล้วกัน  ไม่รู้ว่าท่านย่า… ตอนนี้ต้องเรียกว่าแม่หลิวหรือไม่นะ ขณะที่ครุ่นคิดนั้นดวงตาก็ฉายแววตื่นตระหนก ความวิตกกังวลฉายชัดในดวงตา นี่ถึงจะเป็นท่าทางของเด็กน้อยวัย 6 ขวบ ไม่เช่นนั้นคงจะแปลกไปจากเด็กทั่วไป

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset