หลิวหลีดูอยู่นาน รู้ว่าไม่ธรรมดา เพียงแต่ดูไม่ออกว่าไม่ธรรมดาตรงไหน ในฐานะที่ฝึกปรุงยาทันทีที่เริ่มบำเพ็ญเพียร เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้วเพิ่งได้ใช้มีดฝึกฝนเพลงดาบควบคู่ไปด้วย ความรู้เรื่องด้านค่ายกลกับเครื่องรางก็มีน้อยเสียจนน่าหงุดหงิด
“นังหนู ข้าไม่ได้อยากจะว่าเจ้านะ แต่ต่อให้อนาคตเจ้าจะฝึกฝนปรุงยาหรือเพลงดาบ แม้จะไม่เชี่ยวชาญเรื่องอื่นๆ แต่ก็ควรรู้พื้นฐานเบื้องต้นด้วย” เขามองหลิวหลีด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอ่อ เจ้าเด็กเสวียนหั่วนั่นคงอยากใช้โอกาสนี้เตือนสติหลิวหลีเป็นแน่ เชี่ยวชาญเรื่องใดเรื่องหนึ่งถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความจำเป็นต้องรู้เรื่องอื่น
“อาเลี่ย ข้าเข้าใจแล้ว ความรู้ของข้าค่อนข้างแคบและผิวเผิน” ในฐานะที่หลิวหลีผู้บำเพ็ญที่โตแล้วแต่ก็พอจะมีความรู้อยู่บ้าง เหมือนตอนม.ปลายที่ต้องแบ่งสายวิทย์สายศิลป์ แต่ตอนม.4 ทุกคนไม่ได้แบ่งสายวิทย์สายศิลป์ ทุกคนต่างเรียนด้วยกันหมด เดาว่าก็คงจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
“เจ้าคิดได้ก็ดีแล้ว ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังหน่อยละกัน กำแพงนี้สร้างขึ้นจากค่ายกล ค่ายกลทุกอันจะมีใจกลางค่ายกล ถึงแม้เจ้าจะไม่รู้วิธีทำลายค่ายกล แต่ให้สัมผัสระลอกพลังเซียน แล้วหาใจกลางของค่ายกล” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้น
“ข้ารู้แล้ว” หลิวหลีผงกศีรษะ กันไว้ดีกว่าแก้ หลิวหลีหยิบกระดานค่ายกลออกมา กางค่ายกล แล้วค่อยๆทำความเข้าใจในค่ายกลช้าๆ เอ๋าเลี่ยหันกลับไปดู ทำได้ดีทีเดียว เขาสัมผัสได้ว่ากำลังมีผู้บำเพ็ญสามคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
หลังจากเข้าไปในค่ายกลแล้ว ก็จะมีปราการบังไว้ ทำให้คนอื่นมองไม่เห็นว่ามีคนอยู่ตรงนี้
ทั้งสามคนที่อยู่ตรงอีกฟากหนึ่ง
“พี่ฟาง พี่ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
“พี่หวัง ท่านก็เดินมาถึงตรงนี้เหมือนกันหรือ ที่นี่เป็นเขตแดนระหว่างขอบเขตชั้นในและนอก เดินทะลุตรงนี้ไป ก็จะเข้าไปขอบเขตชั้นในแล้ว พวกเราพูดกันตรงๆเลยแล้วกัน ของดีย่อมอยู่ในขอบเขตชั้นใน พวกเราออกเดินทางกันเถอะ”
ของดีอยู่ขอบเขตชั้นในเหรอ โง่งมจริง ประสาทเซียนของเอ๋าเลี่ยแข็งแกร่งระดับไหน ของดีจริงๆอยู่ในถ้ำเซียนตรงหน้านังหนูนี่ต่างหาก ตอนนี้สิ่งของในขอบเขตชั้นในมีประโยชน์กับนางก็จริงเพียงแต่ไม่เท่าถ้ำเซียน เอ๋าเลี่ยลองกวาดประสาทเซียนดู เอ่อ เด็กน้อยจากสกุลหนานกงก็อยู่ที่นี่ กำลังเข้าฌาณอยู่ในที่ลับที่หนึ่งที่ไม่ไกลกันนัก พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงฝึกฝนลมปราณขั้นที่ 9 แล้ว ช่างเลือกสถานที่เก่งจริงๆ
หลังจากที่หลิวหลีเข้าไปในค่ายกลแล้ว นางก็ไม่ได้ตรวจสอบค่ายกลในกำแพงทันที แต่เริ่มบำเพ็ญเพียรเพื่อพยายามปรับพลังตนเองให้อยู่ในสภาวะว่างเปล่า ให้ตนเองล่องลอยราวพลังเซียนในกำแพง ไม่รู้ว่าล่องลอยตามกันไปนานเท่าไหร่ จนเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง นางก็ค่อยๆหลุดออกจากระลอกพลังเซียน และลองเดินด้วยตนเอง จนไปพบสถานที่แห่งหนึ่ง เจอแล้ว ใจกลางค่ายกล หลิวหลีออกจากขอบเขตพลังที่แสนประหลาด แล้วเท้าไปเตะเข้าใส่อะไรบางอย่าง
มังกรเหมันต์ที่ถูกขังอยู่ในถ้ำเซียนมานาน ในที่สุดก็มีคนเข้ามาแล้ว แย่จริงๆ มันรู้สึกว่าปากมันจืดชืดแห้งเหี่ยวมานาน ได้ของกินมาบำรุงแล้ว เพียงแต่มันไม่คิดว่าคนที่หลงเข้ามาจะเป็นผู้บำเพ็ญที่อายุเพียง 13 ปี แถมยังไม่ใช่ผู้บำเพ็ญที่ทำอะไรเหมือนคนปกติ หลิวหลีสูงแค่ประมาณ 1.5 เมตร แถมเป็นเพราะสิ่งที่ยื่นออกมาอย่างขา มังกรเหมันต์ชันตัวขึ้น ก็ถูกขาเล็กๆของใครบางคนถีบเข้าที่จุดตายพอดี มันล้มลงโดยไม่รู้ตัว แม่เจ้า มันยอมกินมังสวิรัติยังดีเสียกว่า เสียดายที่ไม่ได้รู้เร็วกว่านี้
หลิวหลีเข้ามาแล้วก็เห็นมังกรเหมันต์ตายลงไปกองกับพื้น นานเกินไปเลยตายเสียแล้ว? มุมปากเอ๋าเลี่ยเกร็งกระตุก นังหนูนี่ต้องเป็นคนข่มชะตามังกรแน่ จะมีใครที่เหยียบใส่จุดตายของงูได้ทุกครั้งขนาดนี้ คิดถึงตนเองที่เกิดในร่างงู ดีที่จุดตายของตนเองไม่ตรงจุด มิฉะนั้นคงโดนนังหนูนี้เหยียบจนตาย
จนกระทั่งเห็นว่าที่จุดตายนั้นเป็นรอยขนาดเดียวกับเท้าตัวเอง เอาล่ะ ถูกตนเองเหยียบตายอีกแล้วเหรอเนี่ย เจ้าของถ้ำเซียนคงจะคิดไม่ถึงว่า มังกรเหมันต์ที่เอาไว้ทดสอบถูกคนเหยียบตายในครั้งเดียว ด้วยยึดหลักที่ไม่ฟุ่มเฟือย นางจึงเก็บมังกรเหมันต์มาด้วย
“นังหนูจุดพลังของมังกรเหมันต์ มีประโยชน์กับเสี่ยวเทียน” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้น จริงๆแล้วมีประโยชน์ต่อหงส์เหมันต์อย่างเฟิ่งอิงเสวี่ยต่างหาก
“เดิมทีจะเอาให้เสี่ยวเทียนอยู่แล้ว ข้าเป็นแกนวิญญาณอัคคี จะใช้มังกรเหมันต์ไปทำไม” หลิวหลีตอบอย่างชัดเจน
เอ๋าเลี่ยไม่มีอะไรจะพูด ท่าทางนังหนูนี่พูดจาเปิดเผย เขาจะเถียงนางอย่างไรได้
หลังจากเก็บมังกรเหมันต์แล้ว หลิวหลีก็ออกเดินทางต่อ ไม่นานก็พบสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง หลิวหลีถูกพลังเซียนที่อัดแน่นดึงดูด นางรู้สึกว่าแค่สูดเข้าไปนิดเดียวพลังภายในก็เพิ่มขึ้นมากแล้ว ตอนนี้พลังเซียนของหลิวหลีอยู่ในช่วงพื้นฐานระยะต้นขั้นสุดยอด
“อาเลี่ย เข้าฌาณตรงนี้น่าจะไม่เลว” หลิวหลีพูดกับเอ๋าเลี่ย
“นังหนู ข้างนอกก็มีอยู่เท่านี้ เจ้าลองไปดูข้างใน” เอ๋าเลี่ยพูด
ไม่รู้ว่าจะกลัวอันตรายเกินไป แต่คิดไม่ถึงว่ามังกรเหมันต์ที่อันตรายยังโดนนางเตะจนตาย ภายในคงจะไม่มีอันตรายใดอีก นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย ถึงแม้หลิวหลีจะเดินเข้าไปข้างใน แต่ก็ระวังตัวตลอดเวลา พอเข้าไปด้านใน นางก็เจอแต่ความว่างเปล่า จนเข้าไปห้องปรุงยาแล้วพบว่าเวลานานจนทำให้ยาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆถูกลมพัดจนกลายเป็นผุยผง หลิวหลีเดินดูรอบๆ ก็ไม่เจอยาที่สมบูรณ์ หลิวหลีไม่รู้จะทำอย่างไร เพียงแต่หม้อปรุงยาตรงกลางห้องดูใช้ได้ทีเดียว นางจึงเดินตรงไปเก็บมัน เพียงแต่เผลอไปเหยียบใส่อะไรเข้า นางจึงหยิบมันขึ้นมา จึงพบว่าเป็นแค่ก้อนหินที่มีลักษณะไม่สะดุดตา นางรู้สึกราวเป็นเพราะโชคชะตาทำให้นางเผลอเหยียบใส่ นางจึงเก็บมันเอาไว้
ต่อมานางจึงเดินเข้าไปในสถานที่ที่ดูเหมือนเป็นห้องนอน และเห็นโครงกระดูกกองหนึ่ง คงเป็นของเจ้าของถ้ำแน่ ไม่ว่าตอนมีชีวิตคนผู้นี้จะเป็นอย่างไร แต่อย่างไรเสียคนตายก็ควรได้รับการเคารพ หลิวหลีคำนับโครงกระดูกสามครั้ง แล้วกระดูกนั้นก็ขยับตัวอย่างแปลกประหลาด
“มีคนคำนับให้ข้าด้วยหรือนี่? ดูแล้วน่าจะเป็นคนที่มีเมตตา ข้าชื่อชิงเฟิง หมดอายุขัยลงก่อนจะบรรลุช่วงในการบำเพ็ญเพียร จึงต้องมาอยู่ตรงนี้ มีของล้ำค่าสามชิ้นที่ข้าเก็บสะสมไว้ หนึ่งคือหินนิลกาฬ เมื่อรวบรวมวิญญาณทั้ง 5 ธาตุครบแล้วจะสามารถสลายตัวเป็นมิติพกพาได้ ข้าวางไว้ข้างหม้อปรุงยา”
ที่แท้หินก้อนนั้นก็คือหินนิลกาฬนี่เอง แต่พอนึกถึงมิติพกพาก็ชวนให้ตื่นเต้นขึ้นมาแบบไม่ทราบสาเหตุ ตนเองช่างมือทองคำเสียจริง จนมองผ่านคำว่ารวบรวมวิญญาณทั้ง 5 ธาตุไป
“สองคือวิญญาณภูตพฤกษาที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ อายุขัยของข้าหมดสิ้นแล้ว แล้วข้าก็ไม่มีแกนวิญญาณพฤกษาด้วย ข้าจึงเก็บของชิ้นนี้ไว้ที่อื่น ส่วนชิ้นที่สามก็คือแผนที่เพลิงวิญญาณไม้ ที่ข้าเคยอยากจะพิชิตมัน แต่เนื่องจากคุณสมบัติไม่เพียงพอจึงทำให้โดนโต้กลับมา”
เมื่อได้ยินคำว่าเพลิงวิญญาณไม้ หัวใจของหลิวหลีก็เต้นระรัวเร็ว พอได้ยินคำว่าแผนที่ ก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกโชคดี นางยังคงจำอันตรายครั้งก่อนได้ติดตา เพียงแต่ของสองอย่างหลังอยู่ที่ไหน
หลิวหลีเห็นโครงกระดูกพูดจบแล้วนิ่งไป เฮ้อ คนเราตายแล้วฝังจึงจะสงบสุข นี่ถือเป็นหลักการที่ถูกต้อง นางจึงออกไปตัดท่อนไม้ เพื่อทำโลงศพ แล้วใส่โครงกระดูกลงไปด้านใน หลิวหลีจัดแจงเรียบร้อยแล้วกลับไปที่ห้องนอน และเห็นว่าใต้จุดที่โครงกระดูกนั่งเมื่อสักครู่ มีจุดที่แตกต่างจากข้างๆ หลิวหลีเปิดออกเห็นแผนที่สองฉบับ แผ่นหนึ่งเป็นแผนที่วิญญาณภูตพฤกษา ซึ่งเป็นจุดที่ไม่ไกลมากนัก ส่วนอีกแผ่นหนึ่งเป็นตำแหน่งอัคคีเซียนพฤกษา นางจึงเก็บเอาแผนที่เอาไว้
“อาเลี่ย ข้าได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปไม่น้อยเลย” หลิวหลีพอใจกับการมาในครั้งนี้ ในแผนที่มีบางตำแหน่งที่มังกรเหมันต์รู้ แต่เสียดายที่ถูกนางกระทืบตายไปแล้ว
“จริงด้วย เจ้านี่ดวงดีจริงๆ” นังหนูคนนี้ดวงดีจริงๆ ของพวกนี้ไม่ว่าจะชิ้นไหนก็ทำให้เกิดการนองเลือด สร้างความปั่นป่วนได้ทั้งสิ้น
…………………………………………………….
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 23 เข้าไปในถ้ำเซียน
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!