แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 231 การประลองระหว่างตำหนักเริ่มต้นขึ้น

ณ วังนภาเพลิง พูดได้ว่าการประลองระหว่างตำหนักสวรรค์ในทุกดินแดนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ช่วงนี้เป็นช่วงการประลองระหว่างตำหนัก ข้าจะไปชมความสามารถของนายท่าน” อวิ๋นเฟยออกคำสั่ง พวกเขาสามคนตัดสินใจให้ชิงหลิ่วไปเข้าฌานก่อน ไม่ได้มีเรื่องราวอะไร แต่เพราะเรื่องเล็กน้อยทั้งหมดในตำหนักเวิ่นเทียนจำเป็นต้องมีคนดูแล นอกจากอวิ๋นเฟย ก็มีแค่ชิงหลิ่วเท่านั้นที่รับหน้าที่นี้ได้ จื่อจู๋นั้นเชี่ยวชาญแค่การออกรบเท่านั้น ด้านอื่นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีความรู้เลย

“ขอรับ” บรรดาทหารพูดขึ้นพร้อมกัน

“ชู่ว์ เบาๆหน่อย พวกเจ้าส่งเสียงดังจนทำให้ข้ารู้สึกเขิน” หลิวหลียกนิ้วแล้วพูดขึ้น

“นายท่านต้องชนะแน่นอน” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากตำหนักข้างๆ หลิวหลีถึงกับตกใจ เป็นใครกัน เสียงดังขนาดนี้ รบกวนคนอื่นไม่รู้หรืออย่างไร

“ตำหนักเหลยถิงขอรับ” อวิ๋นเฟยมองทิศทางแล้วพูดขึ้น

“นายท่านอาจยังไม่รู้ เหลยถิงได้ที่หนึ่งทุกครั้งในการประลอง โอ้อวดจนชินแล้ว” อวิ๋นเฟยพูดอธิบายต่อ

“แย่แล้ว อยู่ดีๆข้าก็รู้สึกว่าได้โอ้อวดก็ไม่เลวเหมือนกัน จำไว้ว่าการประลองระหว่างตำหนักทุกๆพันปีครั้งต่อๆไป อย่าลืมทำแบบนี้ให้ข้า อันดับหนึ่งน่ะ หากไม่ทำอะไรเหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้คนก็จะไม่เห็นความโดดเด่นของข้า” หลิวหลีกลับคำทันที ทำเช่นนี้น่าจะดีกว่ามาก คิดไม่ถึงว่านางจะโดนแย่งความโดดเด่นไป เดี๋ยวไปทรมานเจ้าตำหนักเหลยถิงหน่อยจะดีไหม นางรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา

ณ วังนภาเพลิง ตำหนักจักรพรรดิ จักรพรรดิกับผู้อาวุโสทั้งหมดต่างนั่งประจำที่ตัวเองเรียบร้อย

“เจ้าตำหนักเหลยจ้าน ตำหนักเหลยถิง มาถึง”

“เจ้าตำหนักไป๋อี้ ตำหนักเหอสู้ มาถึง”

“เจ้าตำหนักหงซวี่ ตำหนักหงเมิ่ง มาถึง”

“เจ้าตำหนักเหลยเซียว ตำหนักเหลยหมิง มาถึง”

“เจ้าตำหนักมู่หยาง ตำหนักจิ่วหยาง มาถึง”

“เจ้าตำหนักหวั่นฉิง ตำหนักเฟยอวิ๋น มาถึง”

“เจ้าตำหนักมู่เหยียน ตำหนักชิงเหยียน มาถึง”

“เจ้าตำหนักปู๋พั่ว ตำหนักพั่วจวิน มาถึง”

“เจ้าตำหนักหลิวหลี ตำหนักเวิ่นเทียน มาถึง”

“คารวะองค์จักรพรรดิ คารวะผู้อาวุโสทั้ง 10 ท่าน” เจ้าตำหนักทั้ง 9 ท่านทรุดตัวนั่งลงตามลำดับและทำความเคารพจักรพรรดิและผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านบน

“พวกเจ้าเห็นแล้วหรือยัง เจ้าตำหนักหลิวหลีที่เพิ่งเข้ามาใหม่สัญลักษณ์บนหน้าผากนางเป็นสีทองเข้ม พลังบำเพ็ญเพียรของนางอยู่ในขั้นเทพเซียนสุวรรณนภาแล้ว”

สัญลักษณ์สีทองบนหน้าผากของหลิวหลีเป็นจุดสนใจอย่างมาก ทำให้เจ้าตำหนักที่เหลือระแวงแต่เมื่อนึกถึงข่าวเรื่องเจ้าตำหนักหลิวหลีเป็นผู้บำเพ็ญสายปรุงยา ก็วางใจ

เมื่อผู้อาวุโสทั้ง 10 ท่านเห็นว่าหลิวหลีแต่งกายด้วยชุดบุรุษ ของดีๆมาอยู่ที่ในตัวนังหนูคนนี้ แต่งกายเป็นสตรีก็งดงาม สวมชุดบุรุษก็ดูดีมีสง่าราศี ไม่รู้ว่าหลิวหลีไปหาพัดมาจากไหน  สายตาที่กวาดมองรอบๆอย่างไม่ทันระวัง ทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงที่มองเห็นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“นังหนูคนนี้เป็นผู้บำเพ็ญสายปรุงยาจริงนั้นหรือ ไม่ได้บำเพ็ญเพียรเรื่องทำเสน่ห์ใช่หรือไม่” มีผู้อาวุโสผู้หญิงอยู่ 2 ท่าน หนึ่งในนั้นเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน นางมองหลิวหลี ละเมื่ออีกฝ่ายประสานสายตากับนาง พลันรู้สึกว่าจิตใตสงบราบเรียบเป็นหลายแสนปี กลับเต้นระรัวเจ้าตำหนักหลิวหลีแห่งตำหนักเวิ่นเทียนเล่นของใช่หรือไม่

“เป็นตัวของตัวเอง มีความเป็นธรรมชาติ ไม่เติมแต่ง น่าเสียดาย มีเจ้าของเสียแล้ว” จักรพรรดิพูดขึ้นมาเหนื่อยหน่าย ตั้งแต่นังหนูกลับมาจากดินแดนอสูรเทพก็เลิกทำหน้าเย็นชา เมื่อแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส จึงเปี่ยมสเน่ห์เย้ายวนใจ

คนในวังนภาเพลิงตื่นตระหนกเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าตำหนักหลิวหลีกันแน่ นางเลิกทำสีหน้าเย็นชาแล้ว แต่ก่อนเป็นเซียนหน้าน้ำแข็ง ตอนนี้เป็นคุณชายเสเพล กระทั่งหงซวี่กับหวั่นฉิงที่เป็นคู่แข่งยังหน้าแดง ใช้กลยุทธ์สาวงามมันผิดกฎ

“เอาล่ะ ในเมื่อคนมาครบแล้ว ก็เริ่มการประลองระหว่างตำหนักได้” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าว

“ทุกท่านในวังนภาเพลิง ข้าจะไม่พูดซ้ำแล้วนะว่าวันนี้เป็นวันอะไร การประลองระหว่างตำหนักเริ่มต้นขึ้นได้ เจ้าตำหนักทั้ง 9 ท่านจับสลากเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ การประลองระหว่างตำหนักในครั้งนี้ ผู้อาวุโสจูจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ” จักรพรรดิพูดสั้นๆ

“เอาล่ะ เจ้าตำหนักทุกท่าน สลากทั้งหมดมีอยู่ 9 อัน มีอยู่อันหนึ่งที่เป็นสลากว่าง จะเข้ารอบได้ในทันที ทุกคนต่างก็รู้ดี วาสนาถือเป็นส่วนหนึ่งของการบำเพ็ญเพียร ต้องดูชะตาของพวกท่านแล้ว”  ผู้อาวุโสจูลุกขึ้นพูด สลากทั้ง 9 ชิ้นลอยวนรอบตัวเขา

“ ข้าเป็นคนโชคดีมาตลอด ให้ข้าเริ่มก่อนก็แล้วกัน” ดวงตาของหงซวี่เป็นประกาย ทุกครั้งนางจะเป็นคนได้สลากที่ว่าเสมอ

“ข้าอย่างไรก็ได้” เหลยจ้านเห็นแข็งแกร่งเป็นเรื่องหลักส่วนวาสนาเป็นแค่เรื่องไม่แน่นอน พวกเหลยเซียวก็คิดเช่นเดียวกัน

“ปีนี้มีเจ้าตำหนักใหม่เข้ามา  ให้คนมาใหม่เริ่มก่อน ให้เจ้าตำหนักหลิวหลีเริ่มก่อนจะดีหรือไม่” หวั่นฉิงกล่าวขึ้น

“ข้าหรือ พวกเจ้าตามสบาย เหลือไว้ให้ข้าอันเดียวก็พอ” หลิวหลีอย่างไรก็ได้ นางเป็นคนดวงดี นางรู้สึกว่าตัวเองจะต้องจับได้สลากว่างแน่

“ถ้าเช่นนั้นก็ได้ หงซวี่ เจ้าเริ่มก่อน” ผู้อาวุโสจูกล่าว

หงซวี่สะบัดมือ สลากที่อยู่ลอยข้างตัวผู้อาวุโสจูก็ลอยไปหาหงซวี่ จากนั้นก็ตามมาด้วยเหลยจ้าน สลากทุกใบค่อยๆลอยไปอยู่ข้างๆทุกคน หลิวหลีได้ใบสุดท้ายไปจริงๆ

“เจ้าตำหนักทั้งเก้าท่าน เปิดดูได้” ผู้อาวุโสจูกล่าว

สลากตรงหน้าคนทั้งเก้ามีตัวเลขปรากฏขึ้น มีเพียงแต่ของหลิวหลีเท่านั้นที่เป็นกระดาษเปล่า

“ดวงข้าไม่เลวเลย ข้ารู้สึกว่าที่ผู้อาวุโสจูพูดไม่ผิดเลย วาสนาถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง เป็นความโชคดีของผู้บำเพ็ญสายยาอย่างข้าจริงๆ” หลิวหลีมองดูสลากว่าง จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดขึ้น นางรู้สึกว่าตัวเองจะสามารถจับได้สลากว่างจนถึงรอบสุดท้าย

“นึกไม่ถึงว่าเจ้าตำหนักหลิวหลีจะโชคดีใช้ได้เลย” หวั่นฉิงกล่าว หงซวี่มองดูเลข 5 บนสลากของตัวเอง นางใช้ความโชคดีของตนเองหมดไปแล้วงั้นหรือ ขณะมองหลิวหลีที่ดูสลากเป็นคนสุดท้ายแล้วส่งยิ้มกว้าง นังหนูคนนี้ทำไมจึงมีเสน่ห์น่าดึงดูดเช่นนี้

“ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ได้ลำดับในการประลองแล้ว เจ้าตำหนักทุกท่านเริ่มกันได้เลย  1 สู้กับ 8 เป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ เจ้าตำหนักหลิวหลี ท่านสามารถไปนั่งเพื่อรับชมการประลองได้” เมื่อผู้อาวุโสจูพูดจบ ก็ปรากฏลูกกลมๆขนาดใหญ่ 4 ลูกขึ้นกลางอากาศ หลิวหลีนั่งอยู่ที่ตำแหน่งที่ 9 ฝั่งซ้ายท้ายแถวสุด อืม มองไม่ค่อยชัด นางจำเป็นจะต้องเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งจริงๆ

“ข้ายังนึกว่านายท่านล้อเล่น คิดไม่ถึงว่านางจะดวงดีขนาดนี้” อวิ๋นเฟยกล่าว

“พวกเจ้าอยู่กับนังหนูไม่เสียเปรียบแน่นอน นังหนูเป็นผู้ที่มีบุญ เรื่องวาสนา ดวงชะตาไม่มีใครสู้นางได้หรอก” เจียงหรูชวนกล่าว เขาคิดเสมอว่านังหนูเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของสวรรค์ เพราะดวงของนางดีจนน่าเหลือเชื่อ

“นักปรุงยาเจียง นายท่านดวงดีขนาดนั้นเชียวหรือ” ทหารสวรรค์ที่อยู่ข้างๆได้ยินก็อดถามไม่ได้ ผู้มีบุญเช่นนี้มีน้อยนัก ทำไมพวกเขาถึงบังเอิญได้มาพบ

“แน่นอน เดี๋ยวต่อไปพวกเจ้าก็จะรู้เอง” เจียงหรูชวนพูดออกมาอย่างมีเลศนัย

“ดูแล้วความโชคดีของหงซวี่คงจะสิ้นสุดลงแล้ว ไม่ถูก ความโชคดีน่าจะโดนเหยียบแล้ว นังหนูคนนี้คงจะไม่ได้จับได้สลากว่างจนถึงสุดท้ายใช่ไหม หากว่าเป็นเช่นนั้นล่ะก็” องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรมองหลิวหลีด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย

คู่ต่อสู้จัดได้ดังนี้ เหลยจ้านสู้กับมู่เหยียน หงซวี่สู้กับปู๋พั่ว เหลยเซียวสู้กับหวั่นฉิง ไป๋อี้สู้กับมู่หยาง ลูกกลมๆทำให้ปลอดภัยจากแรงปะทะในการประลอง นอกเสียจากว่าพลังบำเพ็ญเพียรของพวกเขาจะอยู่ในขั้นเทพเซียนนภานพเก้า หากเป็นเช่นนั้นคงไม่ต้องประลองแล้ว เอาอันดับหนึ่งไปเลยในทันที และหากในหมื่นปีไม่มีเทพเซียนนภานพเก้าปรากฏขึ้น เจ้าตำหนักผู้นี้ก็จะได้รับเลือกให้เป็นผู้สืบทอด สืบทอดตำแหน่งจักรพรรดิ  และเจ้าตำหนักคนอื่นๆในเวลาเดียวกับเขา จะต้องอยู่ในขั้นเทพเซียนนภานพเก้าให้ได้ภายในหนึ่งแสนปี เพื่อสืบทอดตำแหน่งผู้อาวุโส หากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องขอโทษด้วย ตำแหน่งก่อนหน้านี้ของเขาก็จะกลายเป็นคนธรรมดา การแข่งขันไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ดุเดือดทั้งนั้น

แน่นอนว่าหลิวหลีไม่รู้เรื่องพวกนี้ ต่อให้รู้ก็ไม่สนใจอะไร นางไม่เคยใส่ใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว รีบบำเพ็ญมากจนเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียได้ และถึงไม่มีทรัพยากรใดๆ นางก็จะสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง สำหรับนางเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นใครจะมีพรสวรรค์มากไปกว่านาง นางเป็นคนที่มีเพลิงอัคคีถึง 10 ชนิด มี 3 ชนิดบรรลุขั้นเป็นเพลิงเซียนแล้ว เรื่องเล่นกับไฟใครจะเล่นสู้นางได้

“เริ่มการประลอง” เสียงของผู้อาวุโสจูดังขึ้น เมื่อการประลองเริ่มต้นขึ้น หลิวหลีก็พบว่าการที่ทุกคนเป็นเจ้าตำหนักไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ ทุกคนไม่ได้เป็นมิตรแบบที่เคยเห็น เวลาประลองทุกคนลงมือรุนแรง แต่คนที่นางสนใจที่สุดกลับเป็นเหลยจ้าน เพราะเหลยจ้านดูเหมือนจะเป็นผู้บำเพ็ญร่าางกาย ในสายตาของหลิวหลี เหลยจ้านถือเป็นคนที่มีคุณสมบัติร่างกายดีที่สุด

“หลิวหลี เจ้าคิดว่าใครจะชนะ” อยู่ๆจักรพรรดิก็ทรงถามหลิวหลีที่กำลังดูอย่างตั้งอกตั้งใจ

“ใครจะชนะหรือเพคะ แน่นอนว่าต้องเป็นเหลยจ้าน หงซวี่ เหลยเซียว แล้วก็ไป๋อี้” หลิวหลีพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างไม่หวาดกลัวว่าจะทำให้ใครไม่พอใจ

“งั้นหรือ หลิวหลีหากเจ้าทายผิดขึ้นมาจะทำอย่างไร” จักรพรรดิกระเซ้า เพราะอย่างไรเขาก็คิดเช่นนี้เช่นเดียวกัน

“ผิด ข้าจะทายผิดได้อย่างไร” หลิวหลีไม่ถ่อมตัวเลยแม้แต่น้อย

“แล้วถ้าหากผิดล่ะ” จักรพรรดิยังคงทรงถามต่ออย่างไม่ลดละ

“ จักรพรรดิต้องการอะไรงั้นหรือเพคะ” จักรพรรดิท่านไม่ดูการแข่งขัน แต่กลับมาหาเรื่องพูดคุยกับคนที่ไม่ได้อยู่ในการแข่งขัน ถือเป็นการไม่ให้เกียรติคนที่กำลังทำการประลองอยู่หรือเปล่า

“หืม หลิวหลีมีของที่ข้าต้องการงั้นหรือ” จักรพรรดิประหลาดพระทัยน้อยๆ พลังบำเพ็ญเพียรของเขาอยู่ในขั้นราชาเทพเซียน สัมผัสได้ถึงขั้นจักรพรรดิเทพเซียนแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าตำหนักทั้ง 10 คนใครจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเขา แต่ก่อนเขาคิดว่าน่าจะเป็นเหลยจ้าน ตอนนี้กลับเริ่มไม่แน่ใจ

“จักรพรรดิเตรียมของไว้ให้ดีๆก็พอเพคะ” พอพูดจบ นางก็ไม่ได้สนใจจักรพรรดิอีก ตั้งใจดูการแข่งขัน พูดคุยเรื่องไร้สาระกับตาแก่จะมีความหมายอะไร นางดูการแข่งขันดีกว่า ไม่แน่ว่าจะจับไต๋อะไรได้จะได้คว้าอันดับหนึ่งมาได้สบายๆ

 …………………………….

Related

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

Status: Ongoing
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset