“องค์รัชทายาท นี่จะไม่เป็นการกลั่นแกล้งที่รุนแรงเกินไปหรือ” ขุนนางเซียนของเหลยจ้านไม่พอใจเล็กน้อย อ้อมตัวเดินผ่านรัชทายาทและเข้าไปประจบประแจงผู้อาวุโสสูงสุดตรงๆ
“ระวังคำพูดด้วย ตอนนี้ผู้อาวุโสหลิวหลีเป็นถึงผู้อาวุโสสูงสุดของวังนภาเพลิง องค์จักรพรรดิยังต้องคารวะถึงสามครั้ง เจ้าอย่าได้พูดจาเหลวไหล ไม่เช่นนั้นเจ้าแน่ใจได้เลยว่าข้าไม่เก็บเจ้าไว้แน่” เหลยจ้านมองขุนนางเซียนของตนอย่างเข้มงวด แม้จะเป็นการพูดขอความเป็นธรรมให้กับตนเอง แต่หากคำพูดเหล่านี้แพร่งพรายออกไปก็จะทำให้เกิดเรื่องได้
“ขอรับ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมต่อท่าน” ขุนนางเซียนเงียบไป เขารู้ตัวว่าชักจะพูดมากเกินไปแล้ว
“เจ้าต้องรู้ไว้ว่าตำแหน่งรัชทายาทของข้าได้มาได้อย่างไร อย่าโอหังจนตกเป็นขี้ปากคนอื่น ตำแหน่งของข้าทุกวันนี้ตกเป็นเป้าสายตาจ้องจับผิดจากคนมากมายเรียกได้ว่าทั้งวังนภาเพลิงด้วยซ้ำ มีแต่หลิวหลีที่ไม่สนใจ คนอื่นๆใครบ้างที่ไม่มีความคิดเหลวไหล” เหลยจ้านผิดหวังในขุนนางเซียนของตนเล็กน้อย เขาได้ยินมาว่าขุนนางเซียนที่หลิวหลีเลือกมาไม่คัดค้านนางสักนิด และเขาก็ได้ยินวิธีคัดเลือกขุนนางเซียนของนางมาบ้าง นางไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องพลังบำเพ็ญเพียร แต่กลับให้ความสำคัญกับความสามารถของแต่ละคน แม้นางจะไม่จัดการ งานในตำหนัก แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ประเด็นสำคัญคือความเคารพนับถือ ขุนนางเซียนของเขามีไม่เท่าหลิวหลี
“องค์รัชทายาท ด้านนอกมีทหารสวรรค์กลุ่มหนึ่งมาสมัครเข้าตำหนักท่าน”
“ทำไมอยู่ๆก็มีคนมาเยอะแยะ” เหลยจ้านงุนงง
“ประกาศรับสมัครของตำหนักเวิ่นเทียน มีเงื่อนไข 3 ข้อ ข้อแรกคือ ต้องให้องค์รัชทายาทเลือกทหารสวรรค์ให้เสร็จก่อน ข้อสอง หากไม่ได้สมัครตำหนักรัชทายาท ตำหนักเวิ่นเทียนก็จะไม่รับเข้าโดยไม่มีข้อยกเว้น และสุดท้ายวิธีคัดเลือกนั้นให้แล้วแต่องค์รัชทายาท หากไม่ทำเต็มที่ ตำหนักเวิ่นเทียนก็จะปฏิเสธไม่รับ” ขุนนางเซียนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่
“ทำไมอยู่ๆถึงได้ออกกฎเช่นนี้” เหลยจ้านมึนงงแต่ก็พอรู้ว่าหลิวหลีทำเช่นนี้เพราะต้องการสนับสนุนเขา
“เพราะผู้อาวุโสหลิวหลีไม่ชอบที่พวกเขาวุ่นวายเกินไป” ขุนนางเซียนบอกสาเหตุ แม้แต่ตนเองยังไม่เชื่อ การเข้าฌานนั้นไม่ได้ถูกรบกวนจากสิ่งภายนอกอยู่แล้ว แล้วนี่มันรบกวนขนาดนั้นเชียวหรือ
“วุ่นวายเกินไปหรือ” เหลยจ้านไม่เชื่อเช่นกัน
“เรื่องนี้ ข้าเคยถามขุนนางเซียนของตำหนักหลิวหลี นางไม่ชอบใจที่คนเหล่านี้ไม่รู้จักลำดับขั้นตอน ตนเองเป็นถึงผู้บำเพ็ญเพียรกลับไม่เข้าใจเรื่องที่พื้นฐานที่สุด จึงออกประกาศนั้นมา” พูดง่ายๆคือ ทำเหมือนตำหนักเวิ่นเทียนของนางเป็นตลาดสดหรือ คนที่บำเพ็ญเพียรมาหลายหมื่นหลายแสนปี เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ยังไม่เข้าใจ ยังจะริจะอยู่ตำหนักเวิ่นเทียนอีกหรือ สำคัญที่สุดคือ นางอยากกลับบ้านแล้ว คนพวกนี้คืออุปสรรคของนาง ถึงแม้ว่านางจะไม่ต้องทำอะไรเลย
“ดังนั้นคนพวกนี้จึงมาที่ตำหนักรัชทายาทของข้าหรือ?”
“พะยะค่ะ ขุนนางเซียนที่ทำหน้าที่รับสมัครพอใจอย่างมาก พวกเขาเรียงแถวกันมา ทำให้ทำงานได้เร็วขึ้นไม่น้อย คาดว่าคนเหล่านี้คงจะกลัวกันมาก” ขุนนางเซียนที่ทำหน้าที่รายงานก็ค่อนข้างพอใจเช่นกัน ประสิทธิภาพดีขึ้นมาก เมื่อเป็นแบบนี้ทุกคนก็สบายขึ้น
“ขุนนางเซียน เขียนสิ่งนี้แล้ว เอาไปติดไว้ให้ทุกคนดู หากไม่ทำตามนี้ ทุกตำหนักก็จะไม่รับเข้า” เหลยจ้านออกคำสั่ง เขาพบว่ายิ่งพลังบำเพ็ญเพียรของตนเองสูงขึ้น ก็ยิ่งหลงลืมมารยาทในอดีตมากขึ้น ยิ่งไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยมากขึ้น ครั้งนี้ได้นางชี้ให้เห็น ย่อมต้องให้ความสำคัญ
ณ ตำหนักเวิ่นเทียน หลิวหลี ขุนนางเซียนทั้งหมดและทหารสวรรค์ที่ยังไม่ได้เข้าฌาน กำลังดื่มสุรากินข้าวพูดคุยกันอยู่
“ความคิดของนายท่านไม่เลวเลยจริงๆ ทั้งให้เกียรติองค์รัชทายาทและยังทำให้ทหารสวรรค์เหล่านี้รับรู้ความผิดของตนเองอีกด้วย” อวิ๋นเฟยกล่าว
“ใช่เลย ธรณีประตูตำหนักเวิ่นเทียนโดนเหยียบจนเปื่อยหมดแล้ว ซ่อมแซมก็ต้องใช้เงินอีก” ชิงหลิ่วบอกว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่ใช้เงินพวกนี้น่าจะดีที่สุด
“ชิงหลิ่วจัดการเรื่องภายในได้ดีมากจริงๆ” สวี่เซินพูดติดตลก
“ก็มันจำเป็น ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในตำหนักเวิ่นเทียนต้องถูกใช้ให้ถูกจุด อีกอย่าง คิดว่าแค่เข้าประตูตำหนักเวิ่นเทียนแล้วจะกลายเป็นคนของตำหนักเวิ่นเทียนเลยหรืออย่างไร ถึงได้เบียดเสียดแย่งกันขนาดนั้น” ชิงหลิ่วพูดเหยียดๆ
“ชิงหลิ่วพูดถูก ตำหนักเวิ่นเทียนไม่ใช่อยากจะเข้าก็เข้าได้” จื่อจู๋พยักหน้า อย่างเห็นด้วยกับคำพูดของสหาย
“ข้าล่ะอยากจะหัวเราะ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเอาความคิดนี้ไปบอกนักปรุงยาเจียง” กลับไม่รู้เลยว่านายท่านได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว หากมีคนไปหานักปรุงยาเจียง ให้จดชื่อเขาไว้ ไม่ว่าพวกเขาจะแพ้หรือชนะก็ให้คัดออกจากตำหนักเวิ่นเทียนไป
“ไม่พูดเรื่องน่าหดหู่นี้แล้วได้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลีเป็นลูกศิษย์ข้า ใครจะมารู้จักข้ากัน” เจียงหรูชวนพูดพลางโบกมือ เขารู้ฐานะตัวเองดี
“นักปรุงยาเจียงท่านพูดเช่นนี้เป็นการดูถูกตัวเองเกินไปหน่อย” อวิ๋นเฟยส่ายหน้า ทุกวันนี้ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่จำเป็นในตำหนักเวิ่นเทียนล้วนปรุงโดยเจียงหรูชวน แล้วยังมีคนอีกสองสามคนคอยช่วยเขาปรุงยา ตำแหน่งของเจียงหรูชวนตอนนี้เป็นรองก็แค่ขุนนางเซียนอีกแค่ 4 คน พวกเขาล้วนคิดว่านายท่านของพวกเขาจะยกตำแหน่งขุนนางเซียนที่ได้มาใหม่นี้ให้นักปรุงยาเจียง แต่คิดไม่ถึงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น นายท่านจะเลือกคนนอกตามอำเภอใจ เกินความคาดหมายของพวกเขามากนัก
“ไม่หรอก ข้าพูดความจริง” เจียงหรูชวนพูดพลางส่ายศีรษะ
“พอเถอะ ไม่จบไม่สิ้น ปล่อยสุรารสเลิศอาหารแสนอร่อยไว้แล้วพูดเรื่องน่าเบื่อพวกนี้ พวกเจ้าไม่เบื่อกันหรือไง” หลิวหลีไม่พอใจ ไม่รู้หรือว่าอาหารบางอย่างต้องกินตอนร้อน ถ้าเย็นแล้วมันจะส่งผลกับรสชาติ
“นายท่านพูดถูก” หลายคนพูดประสานเสียง ช่างเสียบรรยากาศจริงๆ
“ทหารสวรรค์ระดับนั้นข้าไม่เลือกก็ได้ ไม่มีใครตั้งกฎว่าข้าต้องเป็นคนเลือกทหารสวรรค์เสียหน่อย” หลิวหลีพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก อีกทั้งไม่มีกฎชัดเจนด้วยว่านางต้องเลือกทหาร 20 นายพวกนั้น
“น้อมรับคำสั่งนายท่าน” ก็จริง บรรยากาศดีๆเช่นนี้ พูดเรื่องพวกนี้ก็ทำเสียบรรยากาศหมด ไม่ควรเลย
“ข้าไม่พูดอะไรมากแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุด ยิ่งต้องระมัดระวังทุกคำพูดทุกอากัปกิริยา เมื่อเข้ามาในตำหนักจะได้รับทรัพยากรมากขึ้น แต่ก็จะมีข้อจำกัดตามมาด้วย อย่างที่ว่ากัน มีได้ย่อมมีเสีย และข้าเชื่อว่าพวกท่านจะได้มากกว่าเสีย” หลิวหลีพูด
“พวกข้าเข้าใจความหมายของนายท่าน ต่อไปข้าจะระมัดระวังคำพูดและการกระทำ จะไม่ทำให้ให้ตำหนักเวิ่นเทียนต้องเสื่อมเสีย” พวกอวิ๋นเฟยประสานเสียง ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ พวกเขาจะทำให้นายท่านขายหน้าหรือสร้างปัญหาให้นางไม่ได้
“ข้าย่อมเชื่อใจเจ้า แต่ก็จำเป็นต้องพูด” อย่างที่เขาบอกกัน ให้พูดปัญหาไว้ก่อน
“พวกข้าเข้าใจ” ขุนนางเซียนและทหารสวรรค์พูดพร้อมกัน นายท่านของพวกเขาไม่เคยปฏิบัติกับพวกเขาอย่างไม่ยุติธรรม แถมยังดีกับพวกเขาอีกด้วย ที่สำคัญก็คือ ไม่มีเจ้าตำหนักคนใดที่จะมาชี้แนะทหารสวรรค์ พวกเขาเป็นแค่ทหารสวรรค์ แต่นายท่านกลับทำเหมือนพวกเขาเป็นพี่น้อง
“เอาล่ะ ทุกคนเข้าใจก็ดี กินให้อิ่ม ดื่มให้เต็มที่ วันนี้ผ่อนคลายเถอะ” หลิวหลีพูดเสียงดัง
“น้อมรับคำสั่งนายท่าน” ทุกคนประสานเสียง
คนของตำหนักเวิ่นเทียนกำลังเฉลิมฉลองกันอย่างอิ่มหนำสำราญ เหลยจ้านในตำหนักรัชทายาทกำลังครุ่นคิดวิธีคัดเลือกทหารสวรรค์และหาวิธีให้พวกเขาเคารพนับถือจากใจจริง แต่ก็จนปัญญา เฮ้อ หลิวหลีเก่งเกินไป พวกเขาพุ่งไปหาคนชื่อหลิวหลีกันหมด ตนเองมีตำแหน่งเป็นรัชทายาท หลายคนล้วนคิดว่าเขาถูกเก็บมา ตัวเขาเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน บางครั้งตนเองก็คิดว่า ถ้าหลิวหลียอมรับตำแหน่งรัชทายาทจะเป็นอย่างไร แต่ทำได้เพียง คิดว่าเขาต้องพยายามให้เก่งมากขึ้น ถึงจะทำให้คนเหล่านั้นยอมรับว่าตัวเขาเองก็มีความสามารถเช่นกัน
คนของตำหนักเวิ่นเทียนทำตามที่หลิวหลีบอก ทุกคนดื่มกันจนเมามายไร้สติ แต่มีคนเดียวที่ได้สติ ก็คือหลิวหลี นางถอนหายใจ เจ้าพวกคนน่ารักพวกนี้ นางจึงจากไปอย่างเงียบๆ
……………………..