“ท่านพี่ ช้าหน่อยได้หรือไม่ เหตุใดถึงได้รีบร้อนเช่นนี้” หลิวหลีมึนงง เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดสามีของนางถึงต้องรีบกลับเช่นนี้ ดูเหมือนนางจะพูดเรื่องอะไรที่ทำให้สามีไม่ชอบออกไปกระมัง
“ช้าไม่ได้” ช้าแล้วจะกลับไปทำลูกได้อย่างไร
“ท่านพี่ ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่ามีเรื่องสำคัญอะไรถึงได้รีบร้อนเช่นนี้” หลิวหลีหยุดและถามอย่างเคร่งเครียด
“มี ทำลูก” หนานกงเวิ่นเทียนออกตัวว่าเรื่องคลอดลูกเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด
“เหอะ” หลิวหลีนิ่งไป คลอดลูกหรือ ดังนั้นการที่สามีของนางรีบกลับบ้านเพื่อทำลูก แต่เรื่องลูกขึ้นอยู่กับวาสนา ไม่เกี่ยวกับว่าพยายามหรือไม่ หรือว่าจะถูกกระตุ้นจากบทสนทนาของนางกับเล่อถง หรือว่าตนจะพูดเรื่องความรู้เกี่ยวกับเด็กมากไปจนสามีของนางเข้าใจว่านางชอบเด็ก คิดว่าตนเองอิจฉาดังนั้นถึงได้ตัดสินใจอยากจะมีลูกสักคน
“น้องหญิงชอบเด็ก พวกเรากลับไปทำของตัวเองสักคนก็ได้” หนานกงเวิ่นเทียนพูดอย่างจริงจัง ยามฮูหยินของเขาพูดถึงเด็กแล้วดูอ่อนโยนอย่างยิ่ง จนดูแตกต่างออกไปทำให้ผู้พบเห็นอบอุ่นใจ
“ท่านพี่ ข้าชอบเด็กก็จริง แต่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นลูกของพวกเราหรือไม่ อีกอย่างหากกดดันตนเองมากไปผลที่ได้จะตรงกันข้าม” หลิวหลีเริ่มหว่านล้อมหนานกงเวิ่นเทียน สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ยิ่งคิดอะไรมากๆเข้าก็จะยิ่งไม่ได้ แถมยังทำให้ตนเองฉุนเฉียวไปด้วย
“เช่นนั้นหรือ น้องหญิงหมายความว่าพวกเราสามารถปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ เมื่อถึงเวลาก็จะมีลูกเองหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนเองก็รู้สึกว่าตนเองกดดันตนเองมากเกินไป พอตอนนี้ได้ยินหลิวหลีพูดเช่นนี้แล้วก็รู้สึกว่าหายเครียดไปมาก ในร่างกายก็ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงไม่น้อย ตนเองกดดันตัวเองจริงๆหรือนี่
“ใช่แล้ว พวกเราล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับสูง มีชีวิตยืนยาว เจ้ากับข้าอยู่กันได้ตลอดกาล” หลิวหลีบอกว่าปล่อยให้เรื่องลูกเป็นไปตามโชคชะตา จะมีหรือไม่นั้นก็ไม่เป็นไร พวกเขาสองคนต่างหากที่จะเคียงคู่อยู่ด้วยกันตลอดไป
“ข้าสับสนเอง” ในตอนที่ความรู้สึกของทั้งสองกำลังทวีขึ้น ก็มีเสียงลมดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศ หลิวหลีจับไว้ ใครกัน ทางที่ดีขอให้เป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่านางจะทำอะไรลงไปบ้าง
“อิงเสวี่ยจะคลอดแล้ว รีบกลับมา”
“ไหนบอกว่าอายุครรภ์ของอสูรเทพยาวนานไม่ใช่หรือ นี่เพิ่งจะไม่เท่าไหร่เอง อิงเสวี่ยจะคลอดแล้ว เด็กคนนี้เป็นลูกของอาเลี่ยจริงเหรอ” หลิวหลีตกตะลึงเล็กน้อย หรือว่าความรู้ที่นางเรียนรู้มาจะไม่ครอบคลุม มองข้ามอะไรไป เหตุใดถึงคลอดเร็วเช่นนี้ จะคลอดแล้วๆ
“ใช่” ระยะเวลาในการตั้งครรภ์สั้นเกินไปจริงๆ สั้นจนรู้สึกราวอิงเสวี่ยท้องปลอม
“รีบกลับกันดีกว่า อาเลี่ยไม่มีทางเอาเรื่องของอิงเสวี่ยมาล้อเล่น” หลิวหลีคิดว่าอาเลี่ยคงไม่เอาเรื่องอิงเสวี่ยกับลูกมาล้อเล่น แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดถึงคลอดเร็วเช่นนี้ สัมผัสได้ว่าคงต้องการความช่วยเหลือจากนาง
“ได้” สำหรับราชาเซียนอย่างพวกเขาแล้ว ก็เป็นแค่ระยะทางไม่กี่ก้าวเท่านั้น ผลคือเมื่อไปถึงก็พบว่าทุกคนกำลังวุ่นวาย แต่ละคนต่างยุ่งจนมือระวิง แต่กลับไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
“หยุด” หลิวหลีตะโกน ทุกคนหยุดทันที
“ก็แค่คลอดลูกเองไม่ใช่หรือ พวกเจ้าหลบไปให้พ้น ตอนนี้ใครมีสติบอกข้าได้บ้างว่าทำไมอิงเสวี่ยถึงได้คลอดลูกเร็วเช่นนี้” หลิวหลีเกลียดคนพวกนี้อยู่ลึกๆ แค่คลอดลูก ใช้คนมากมายขนาดนี้ที่ไหนกัน ดูเป็นตัวถ่วงมากกว่าช่วยเหลือเสียอีก
“ใช่ หลิวหลี หลิวหลีในที่สุดเจ้าก็กลับมา อิงเสวี่ยเข้าไปอยู่ในหอกาลเวลา ในนั้นเวลาเดินค่อนข้างเร็ว ดังนั้นอิงเสวี่ยจึงใกล้จะคลอดแล้ว” เอ๋าเลี่ยเห็นหลิวหลีก็ราวเห็นผู้ช่วยชีวิต ดีจริง ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร ทันทีที่เห็นหน้านางก็ราวเจอของสำคัญ จิตใจพลันสงบลง ราวกับไม่มีอะไรที่อีกฝ่ายแก้ไขไม่ได้ พูดให้ถูกคือเขาเชื่อใจนางมากกว่าใคร รวมถึงบรรพชนของเขาด้วย หากนางไม่มา เขารู้สึกว่าฮูหยินของเขาตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก แต่เมื่อนางปรากฎตัว เขาก็แน่ใจเลยว่าลูกของพวกเขาจะต้องถือกำเนิดได้อย่างราบรื่นแน่
“พอแล้ว รู้แล้ว ไม่ต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ ออกไปให้หมด ผู้บำเพ็ญหญิงไปต้มน้ำ ทำอาหารเสริมเลือดลมมาให้อิงเสวี่ยด้วย หากนางยังไม่รู้สึกอยากจะคลอดลูก ก็ให้ลุกขึ้นและออกเดิน ถือเป็นผลดีกับนาง ส่วนคนที่เหลือออกไปรอฟังข่าวข้างนอก” หลิวหลีออกคำสั่ง จะว่าไป อสูรเทพคลอดลูกอย่างไร คลอดธรรมชาติ หรือว่าจะผ่าคลอด รอดูสถานการณ์แล้วกัน
เป็นแบบที่หลิวหลีจินตนาการไว้ แม้ว่าอิงเสวี่ยจะปวดท้องแต่ก็ไม่รู้สึกว่าอยากคลอดลูก เมื่อเจอหลิวหลี นางจึงถอนหายใจ รู้สึกโล่งใจไม่น้อย
“หลิวหลี เจ้ามาแล้ว”
“อืม เรื่องใหญ่อย่างเจ้าคลอดลูกเช่นนี้ ข้าจะไม่มาได้อย่างไร วางใจเถอะ” หลิวหลีพูดพลางกุมมืออิงเสวี่ยไว้
“อืม”
“ตอนนี้เจ้าน่าจะยังไม่ถือว่าเจ็บมาก ลุกขึ้นมาเดินสักหน่อย เดินมากๆดีกับตัวเจ้า” หลิวหลีพูด
“ได้” เมื่อได้ยินคำพูดของหลิวหลี แม้ว่านางจะรู้สึกเจ็บแต่ก็ยอมลุกขึ้นเดิน ไม่นานนักก็มีผู้บำเพ็ญหญิงเข้ามาส่งอาหาร นางก็กินจนหมด ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะหลิวหลีอยู่ด้วยหรือเปล่า ใจของจึงสงบลง รู้สึกว่าอาหารมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ จนกระทั่งศีรษะของอิงเสวี่ยเต็มไปด้วยเหงื่อ ยิ่งเดินยิ่งช้าลงเรื่อยๆ เหมือนเจ็บปวดขึ้น นางถึงได้ประคองให้อิงเสวี่ยนอนลงและเรียกคนมาทำคลอด
“เจ้าพูดอีกทีสิ” หลิวหลีคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแน่ แม้ว่าด้วยพลังราชาเซียนของนางไม่ควรจะเป็นเช่นนี้ แต่ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าแต่ละคำในคำพูดนี้นางฟังออก แต่เมื่อรวมกันเป็นคำพูดแล้วไม่ชวนให้น่าฟังแม้แต่น้อย
“ราชาเซียนหลิวหลี อิงเสวี่ยคลอดลูกยาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปร่างกายของแม่และเด็กจะเป็นอันตราย” ผู้บำเพ็ญหญิงที่มีประสบการณ์คนหนึ่งพูด
“ไม่ใช่สิ อสูรเทพตั้งครรภ์เป็นไข่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงคลอดยากได้” หลิวหลีงุนงง ไม่มีแขนไม่มีขา เหตุใดถึงได้คลอดยาก ล้อกันเล่นหรืออย่างไร
“เป็นเช่นนั้นก็จริงแล้วเกี่ยวอะไรกับคลอดยากหรือไม่ด้วยหรือ การคลอดยากนั้นแยกว่าคลอดเป็นสิ่งใดด้วยหรือ” สีหน้าผู้บำเพ็ญหญิงมึนงง
เห็นอิงเสวี่ยที่ทุกข์ทรมานแล้วชวนให้นางร้อนใจ เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
“พวกเจ้าออกไปให้หมด ถ้าข้าสั่งให้เข้ามาค่อยเข้ามา” หลิวหลีหลับตา เมื่อลืมตาก็พูดอย่างใจเย็น
“ราชาเซียนหลิวหลี ท่านไม่ต้องการผู้ช่วยหรือ”
“ออกไปให้หมด”
“อิงเสวี่ย เชื่อใจข้า” หลิวหลีกุมมืออิงเสวี่ยไว้ พยายามให้อิงเสวี่ยได้ยิน
“ข้าย่อมเชื่อเจ้าอยู่แล้ว” อิงเสวี่ยพูดอย่างอิดโรย
“พวกเจ้าทำไมออกมากันหมด อิงเสวี่ยคลอดแล้วหรือ” เมื่อเอ๋าเลี่ยเห็นทุกคนออกมาจากห้องกันหมดก็ไพล่คิดว่าอิงเสวี่ยคลอดลูกแล้ว แต่ดูท่าทางแล้วเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
“ไม่เจ้าค่ะ อิงเสวี่ยคลอดยาก พวกข้าก็ไม่รู้ต้องทำอย่างไร ราชาเซียนหลิวหลีไล่พวกข้าออกมา” ผู้บำเพ็ญหญิงพูดพลางส่ายหน้า
“อะไรนะ” เอ๋าเลี่ยโมโหอย่างมาก อยากจะเข้าไปข้างในแต่ถูกหนานกงเวิ่นเทียนขวางไว้
หลิวหลีครุ่นคิดอยู่นาน นางไม่รู้ว่าผ่าคลอดทำอย่างไรเหมือนกัน รู้แค่ว่าต้องกรีดเป็นแนวขวาง เป็นเซียนกันทั้งนั้น น่าจะพอเดาองศาได้ จะสำเร็จหรือไม่นั้นต้องวัดกันตรงนี้ หลิวหลีรวบรวมพลังเซียนไว้ที่มือ เมื่อรับรู้ได้ถึงตำแหน่งของเด็กก็ลงมือกรีดอย่างไม่ลังเล เพราะประสาทสัมผัสของนางที่ค่อนข้างแม่นยำ ดังนั้นนางจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก สำเร็จแล้ว รีบหยิบไข่ออกมาแล้วใช้พลังเซียนรักษาปากแผล แต่กลับทิ้งรอยแผลเป็นไว้รอยหนึ่ง ก่อนนี้อิงเสวี่ยถูกหลิวหลีบังคับให้ผนึกประสาทสัมผัสทั้งห้าไว้ ถึงแม้ว่าหลังจากที่นางจัดการทุกอย่างลุล่วงแล้วคลายประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของอิงเสวี่ยแล้ว แต่อิงเสวี่ยก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดจนยากจะทนไหวบนหน้าท้องของตน บวกกับลมปราณได้รับบาดเจ็บ ทำให้ขอบเขตพลังบำเพ็ญเริ่มไม่มั่นคง
“เอ๋าเลี่ย เข้ามา เร็วเข้า ช่วยอิงเสวี่ยประคองพลังลำเพ็ญเพียร เด็กไม่เป็นอะไรแล้ว” หลิวหลีตะโกนอย่างร้อนใจ นางไม่ใช่คู่ของอิงเสวี่ย เรื่องบางเรื่องนางทำไม่ได้ ตอนนี้หนานกงเวิ่นเทียนถึงได้ยอมปล่อยเอ๋าเลี่ยที่ใกล้โมโหถึงขีดสุดแล้ว
“ไปที่หอกาลเวลา” เอ๋าเฟิงตะโกน
เมื่อเห็นแสงสว่าง เอ๋าเลี่ยก็พาอิงเสวี่ยไปเสียแล้ว หลิวหลีถอนหายใจ แล้วถึงได้ตั้งใจมองไข่อสูรเทพที่ถูกนางลืมไป นี่เป็นลูกของอาเลี่ยกับอิงเสวี่ย ไข่ลูกอสูรเทพใบใหญ่นัก ใหญ่กว่าจื่อฉีในตอนนั้นมาก ไม่แปลกที่อิงเสวี่ยจะคลอดยาก