มังกรน้อยและหงส์น้อยคลอเคลียหลิวหลี แล้วหลับตาแทะเปลือกไข่ไป นี่เป็นอาหารอย่างแรกของพวกเขา จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้ จึงได้ยินเสียงกรอบแกรบของเจ้าสองตัว รวมไปถึงเอ๋าเฟิงที่ย้อนกลับมาทั้งที่อยู่ระหว่างทาง
“สองตัว” ตอนแรกเอ๋าเฟิงคิดว่าพวกนั้นคือทายาทของอสูรเทพ ไม่ว่าจะออกมามีลักษณะอย่างไรก็ล้วนเป็นอสูรเทพ ทำใจอยู่นานถึงได้กลับมา สุดท้ายกลับพบเด็กน้อยน่ารักสองตัวกำลังแทะเปลือกไข่ ตัวหนึ่งเป็นมังกร อีกตัวเป็นหงส์
“อืม สองตัว” น้ำเสียงหลิวหลีเรียบเฉย แถมยังเป็นทายาท ยังจะมาแบ่งแยกอะไรอีก ไม่น่าแปลกด้วยจำนวนที่มีอยู่น้อยนิด ส่วนพวกที่มีความสามารถก็ถูกกีดกัน การสั่งสอนของอาเลี่ยยังไม่พอ
เอ๋าเฟิงกระอักกระอ่วนเล็กน้อย สายตาของนังหนูทำเขาตัวแข็งไปหมด พวกเขาเป็นแบบนี้ล้วนเป็นเพราะสัญชาตญาณ ไม่ใช่เพราะตั้งใจจริงๆ
เอ๋าเฟิงทำเป็นไม่สนใจยื่นหน้าไปมองอสูรเทพตัวน้อยทั้งสอง ใจละลายหมดแล้ว
หลังจากที่เด็กทั้งสองกินเปลือกไข่จนหมด ก็ส่งเสียงเรอออกมาอย่างมีความสุข กลับไปคลอเคลียอยู่ในอ้อมอกของหลิวหลีและกรนเบาๆ
หลิวหลีเขี่ยท้องของมังกรน้อย ลูบศีรษะของหงส์น้อย น่ารักเสียจริง
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลิวหลีก็พาเด็กทั้งสองกลับไปสถานที่ที่หลิวหลีกับหนานกงเวิ่นเทียนแต่งงานกัน ปล่อยวังเซียนออกมา ไม่รับแขก
จากนั้นจึงใช้พลังเซียนเสกเตียงเล็กมาสองหลัง วางเด็กสองคนลงในเตียง หลิวหลีมองหานมอีกครั้ง อืม ตอนนั้นจื่อฉีชอบกินไข่ตุ๋น ทำไข่ตุ๋นนมสดให้เด็กน้อยสองคนดีกว่า และใช้เนื้อบดทำอาหารได้ และก็ยังมีเสื้อผ้าตัวเล็ก ยังไม่รู้เพศของพวกเขาเลย
เอ๋าเฟิงผิดหวังกลับไป
“ทำไมเห็นเด็กนั่นแล้วถึงได้ผิดหวังมากนัก เห็นตอนนั้นก็รู้แล้ว เหตุใดต้องผิดหวังเล่า” เฟิงซานเอ่ยปลอบ
“อาซาน พวกเราผิดไปแล้ว ไม่ใช่เด็กคนเดียว เป็นสองคน มังกรน้อยตัวหนึ่ง หงส์น้อยอีกตัวหนึ่ง” เอ๋าเฟิงตกตะลึง
“อะไรนะ สองตัวในไข่ใบเดียว อสูรเทพอย่างพวกเราตั้งแต่มีบันทึกก็ไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก ไม่ได้ ข้าต้องไปดูเสียหน่อย” เฟิ่งซานตื่นเต้น ที่แท้ก็ออกมาสองตัว สองตัว
“ไม่ต้องแล้ว หลิวหลีพาไปแล้ว นังหนูนั่นไม่พอใจพวกเรามากทีเดียว” นึกถึงสายตาเย็นชาที่ทำให้คนตัวสั่นเทิ้ม ในใจของเอ๋าเฟิงรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
“ไม่พอใจ?” เฟิ่งซานเข้าใจทันที พวกเขารอคอยการมาของชีวิตใหม่นี้ ผลคือคิดว่าเป็นสายพันธุ์ประหลาด จึงเดินจากไประหว่างทาง สิ่งนี้ทำให้นังหนูไม่พอใจมาก ใครจะไปรู้ว่าเป็นอสูรเทพน้อยสองตัวนั้นไม่ใช่ตัวประหลาด
“ใช่ แววตานั้นของหลิวหลีทำให้ข้าเข้าใจ การรอคอยชีวิตใหม่ของพวกเรานั้นล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล” เอ๋าเฟิงส่ายหน้าพูด ออกจะแตกต่างกัน พวกเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นตัวประหลาด
“พอดูแล้ว พวกเรานี่ช่างน่าขันจริงๆ” หลิวหลีตั้งหน้าตั้งตาคอยตลอดมา รอคอยการปรากฏตัวของชีวิตใหม่นี้อย่างจริงจัง รอคอยลูกของสหายนาง แม้ในตอนนั้นพวกเขาล้วนคิดว่าเป็นตัวประหลาดแต่นางก็ยังคงรอคอยการมาถึงของเด็กเหล่านั้น สุดท้ายเมื่อพบว่าเด็กเป็นเด็กธรรมดา พวกเฃาถึงได้คาดหวังตามหลิวหลี แต่กลับถูกนังหนูกีดกันแทน
มังกรน้อยกับหงส์น้อยลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่บนเตียง พยายามมองหาหลิวหลี
“เด็กน้อยสองคนตื่นแล้วหรือ อืม บิดามารดาของพวกเจ้าไปเข้าฌานแล้ว สบายใจได้ พวกเขาไม่อยู่ น้าหลิวหลีจะดูแลพวกเจ้าเอง อืม ส่วนชื่อจริงก็รอให้พวกเขามาตั้งให้แล้วกัน ข้าจะตั้งชื่อเล่นให้พวกเจ้าแทนแล้วกัน ไหนดูสิพวกเจ้าสองคน มังกรน้อยให้ชื่อจ๋ายจ่าย ส่วนหงส์น้อยให้ชื่อเจี๋ยนเจี่ยน เป็นอย่างไร” เด็กทั้งสองพยายามบินไปหาหลิวหลีเพื่อแสดงความรักใคร่
ตั้งแต่นั้นมาเด็กสองคนก็มีชื่อเล่นเป็นของตนเอง แล้วกิจวัตรของหลิวหลีในทุกๆวันคือการจับอสูรเทพน้อย ป้อนอาหารอสูรเทพน้อย ปลอบโยนพวกเขา
ทำเอาสีหน้าของหนานกงเวิ่นเทียนเริ่มเย็นชาขึ้นทุกวัน เจ้าเด็กพวกนี้ได้ครอบครองหัวใจของภรรยาเขาไปเสียหมด ภรรยาของเขาไม่สนใจเขาเลยสักนิด ตอนนั้นเขาต้องหุนหันพลันแล่นมากแน่ๆถึงได้คิดจะมีลูก เด็กมีอะไรดีนักหนา ถึงขโมยฮูหยินของเขาไปได้
มังกรน้อยค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีฟ้า กลายเป็นมังกรเหมันต์ตัวน้อย ส่วนหงส์น้อยก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง กลายเป็นหงส์อัสนี เด็กทั้งสองเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่ จู่ๆก็ชวนให้นึกถึงความยากลำบากของการแต่งงานในบ้านที่มีลูกชายสองคนในชาติก่อน แต่ทว่าอยู่ที่นี่ไม่จำเป็นต้องกังวล เด็กทั้งสองติดหลิวหลีมาก จึงไม่เป็นมิตรกับหนานกงเวิ่นเทียนนัก จนกระทั่งเด็กทั้งสองกลายร่างเป็นเด็กอ้วนตัวขาวอวบ คู่รักเอ๋าเลี่ยอิงเสวี่ยก็ยังไม่ออกจากฌาน
หลิวหลีรู้สึกว่ามารดาเลี้ยงอย่างนางนี้ช่างแสนลำบาก ต้องดูแลเด็กถึงสามคน เด็กสองคนแรกนั้นค่อนข้างโอ๋ง่าย ส่วนเด็กคนสุดท้ายที่โดนเด็กเล็กยั่วโมโหนั้นไม่ได้โอ๋ง่ายเท่าไหร่ หลิวหลีรู้สึกว่าตนเองเหนื่อยทั้งกายและใจ ช่างเป็นเด็กร้ายกาจอะไรแบบนี้
“จ๋ายจ่าย เจี๋ยนเจี่ยน พวกเจ้าอยู่ไหน มากินข้าวได้แล้ว” หลิวหลีตะโกนเรียก
“ท่านพี่ มากินข้าวได้แล้ว” ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ สามีก็ต้องโอ๋ กระทั่งอาหารก็ยังต้องเหมือนกันทั้ง 3 ชุด สิ่งที่ทำให้นางไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดีก็คือ ทั้งที่ปริมาณที่นางแบ่งให้ก็เท่ากันหมด แต่ถึงจะให้สามีของนางมากกว่าหน่อย เขาก็ยังชอบแย่งข้าวเด็กสองคน ทุกครั้งที่กินข้าวมักจะวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็จบลงด้วยการที่เด็กทั้งสองมองนางด้วยสายตาเศร้าสร้อย
และเป็นอย่างที่คิด หลิวหลีรู้สึกว่าตนต้องหลบไปด้านข้าง ทั้งสามคนเริ่มแล้ว ถึงแม้ทุกครั้งจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเด็กทั้งสอง แต่เด็กทั้งสองคนนี้ยิ่งโดนกดขี่ก็จะยิ่งกล้ามากขึ้น
เพราะเป็นลูกของเซียน เด็กทั้งสองเกิดมาจึงมีพลังเซียนอธนการ แต่ใช้ไม่เป็น หลิวหลีปล่อยให้หนานกงเวิ่นเทียนก่อเรื่องเพราะอยากให้เขาช่วยสอนเด็กทั้งสองเรียนรู้วิธีควบคุม ผลที่ได้น่ะหรือ นับว่ายังพอมีบ้าง เด็กทั้งสองพอจะเข้าใจวิธีการควบคุมพลังของตนเองแล้ว อีกทั้งยังถูกหลิวหลีป้อนอาหารอร่อยๆให้อยู่ทุกมื้อจนเด็กทั้งสองตัวอ้วนกลม น่ารักมากทีเดียว
“ท่านน้า น้าเขยแย่งของกินข้าอีกแล้ว” จ๋ายจ่ายฟ้อง น้าเขยแย่จริงๆ เหตุใดถึงเอาแต่แย่งอาหารเด็กกิน
“ท่านน้า น้าเขยแย่งหมูสับนึ่งของข้าไป” เจี๋ยนเจี่ยนน้ำตาคลอเบ้ามองหลิวหลีเช่นกัน
“ข้าไม่ได้กิน” หนานกงเวิ่นเทียนรีบกลืนลงท้องและมองหลิวหลีด้วยแววตาใสซื่อ
“พวกเจ้าหยุดกันสักวันไม่ได้หรือ เป็นอย่างนี้ทุกวันพวกเจ้าไม่เหนื่อยบ้างเหรอ” หลิวหลีหมดคำพูด โถ่เอ้ย แม่ล่ะเหนื่อยเหลือเกิน
“ท่านน้า ข้านวดให้” จ๋ายจ่ายรีบใช้มือเล็กๆนวดไหล่ให้หลิวหลี
“ท่านน้า ข้าทุบให้” เจี๋ยนเจี่ยนเองก็รีบกุลีกุจอมาช่วยนวดขานาง
ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนรีบนวดศีรษะให้หลิวหลีทันที
“พวกเจ้าสามคนนี่นะ ผู้ใหญ่ก็ไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เด็กก็ไม่ทำตัวเป็นเด็ก ทำตัวไม่เหมาะสมกันอยู่ตลอด” ช่างเถอะ กระทั่งท่าทางเอาอกเอาใจนางยังทำเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน นางไม่รู้จะพูดอะไรแล้วจริงๆ
“ท่านน้า ข้ากับน้องเป็นเด็กดี” จ๋ายจ๋ายกล่าว
“ท่านน้า เจี๋ยนเจี่ยนก็เป็นเด็กดี” เจี๋ยนเจี่ยนรีบออกตัวว่าเขาเป็นเด็กดีเช่นกัน
“น้องหญิง ข้าก็เป็นเด็กดี” หนานกงเวิ่นเทียนก็รีบบอกทันทีว่าตนเองก็เป็นเด็กดีเช่นกัน
“ดี พวกเจ้าเป็นเด็กดีกันหมด เด็กสองคนควรไปนั่งสมาธิได้แล้ว ห้ามอู้ล่ะ เดี๋ยวข้าจะเป็นคู่ฝึกให้พวกเจ้า” หลิวหลีพูด
“ขอรับ” เด็กทั้งสองไปบำเพ็ญเพียรอย่างว่าง่าย
“น้องหญิง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าไม่รู้ตัวจริงๆ” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นเด็กสองคนเดินออกไปแล้วก็รีบยกมือทำท่าสาบาน เขาไม่รู้ตัวจริงๆ
“ท่านพี่ ข้าแค่ดูแลเด็กสองคนนี้ชั่วคราว สุดท้ายพวกเขาก็ต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของพวกเขา” ดังนั้นท่านไม่ต้องหึงในสิ่งที่ไม่จำเป็นพวกนี้ได้หรือไม่
“ก็ข้าควบคุมมันไม่ได้” น้องหญิงเป็นของเขา แต่กลับปันใจไปดูแลเด็กร้ายกาจสองคนนั่น ข้ารู้สึกเศร้าใจมากเข้าใจหรือไม่