ตั้งแต่อวิ๋นเฟยเข้ารับตำแหน่งรองเจ้าตำหนักเวิ่นเทียนแล้ว หลิวหลีก็เข้าฌาน แต่หัวข้อสนทนาไม่เคยหยุดลง สิ่งที่ทุกคนสนใจในตอนนี้คือ ขณะนี้อวิ๋นเฟยดำรงตำแหน่งรองเจ้าตำหนักแล้ว เช่นนั้นแล้วตำแหน่งขุนนางเซียนที่ว่างอยู่ต้องมีคนมารับหน้าที่แทนหรือไม่
“รองเจ้าตำหนักอวิ๋น ตำแหน่งขุนนางเซียนของท่านว่างแล้ว จำเป็นต้องรับขุนนางเซียนคนใหม่หรือไม่” สวี่เซินถาม
“ยังไม่ต้อง แต่หากมีคนเข้าตา เจ้าแนะนำมาได้” อวิ๋นเฟยกล่าว นายท่านของเขาบอกเขาไว้ว่า ในอนาคตเขาจะต้องรับช่วงดูแลตำหนัก ดังนั้นเขาก็ควรจะสร้างคนของเขา หากขุนนางเซียนทำงานไม่เป็นที่น่าพอใจก็สามารถเปลี่ยนได้ อำนาจในการดำเนินงานอยู่ในมือเขา
“นี่นายท่านตัดสินใจจะวางมือ รองเจ้าตำหนักอวิ๋น ภายภาคหน้าโปรดช่วยชี้แนะ” สวี่เซินเข้าใจได้ทันที นายท่านมอบอำนาจให้อวิ๋นเฟย อนุญาตให้เขาสร้างคนของตนเอง เช่นนั้นขุนนางเซียนของนายท่านอย่างพวกเขาย่อมต้องให้ความร่วมมือกับอวิ๋นเฟย หากเหมาะสมก็ให้เป็นขุนนางเซียนต่อไป แต่หากไม่เหมาะสม ควรเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน
“พวกเราเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็พอ” อวิ๋นเฟยเข้าใจความหมายของสวี่เซิน อันที่จริงแล้วตำแหน่งขุนนางเซียนนั้นว่างสองตำแหน่ง ทันทีที่เขากับชิงหลิ่วแต่งงานกัน ชิงหลิ่วก็จะไม่สามารถเป็นขุนนางเซียนได้เนื่องจากไม่เหมาะสม ส่วนจื่อจู๋สนใจแต่เพียงการฝึกคนเท่านั้น อย่างอื่นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ แต่แน่นอนว่าเขายังสนใจเรื่องการฝึกบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุขั้นพลัง ส่วนสวี่เซินเป็นคนที่นายท่านถูกใจ มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ไม่แปดเปื้อน น่าจะพอใช้ได้
“ย่อมได้” สวี่เซินเข้าใจความหมายของอวิ๋นเฟยเช่นกัน
“นายท่านเข้าฌานอีกแล้ว อวิ๋นเฟย เจ้าว่านายท่านจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนเลยหรือไม่?” สวี่เซินถาม
“ก็ไม่แน่หรอก ข้ารู้สึกว่านายท่านลึกลับจนเราคาดไม่ถึง ดวงตาทั้งสองข้างของนางราวสามารถมองทะลุได้ทุกสรรพสิ่ง นางเป็นราวภาพมายาไม่เป็นจริง อีกทั้งราวกับมีพลังลึกลับกลุ่มหนึ่งที่ถูกผนึกไว้ในร่างนาง รอให้ถูกย่อยสลาย ไม่แน่พอนางออกจากฌานอาจจะกลายเป็นจักรพรรดิเซียนไปเลยก็ได้” อวิ๋นเฟยกล่าวความรู้สึกของตัวเองออกมา แม้ว่านายท่านจะดูไม่ต่างจากแต่ก่อน แต่พลังบำเพ็ญเพียรที่มากขึ้นของเขา ก็ยังคงมองพลังบำเพ็ญเพียรของนางไม่ออก คิดไม่ถึงว่าจะยังมองไม่ชัด นี่ถือว่าไม่ปกติเท่าไหร่นัก อีกทั้งนายท่านบอกว่ารอให้นางเป็นจักรพรรดิเซียน แล้วเขาค่อยสืบทอดตำแหน่งเจ้าตำหนักเวิ่นเทียน ดังนั้นเขาจึงคาดเดาอย่างใจกล้าว่านางเข้าฌาณเพื่อจะบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียน
“จักรพรรดิเซียน แล้วจะเป็นอย่างไร” สวี่เซินรู้สึกว่านายท่านทำพวกเขาประหลาดใจอยู่ทุกครั้ง
“ไม่แน่ใจ คิดว่าคงจะทรงพลังมากแน่ นับเป็นเรื่องโชคดีที่คนตำหนักเวิ่นเทียนได้ติดตามนายท่านที่เยี่ยมยอดเช่นนี้” อวิ๋นเฟยกล่าว
“จริงด้วย นายท่านมักทำให้คนประหลาดใจอยู่เสมอ ถึงแม้เวลาในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรจะไม่นานนัก แต่บางคำพูดก็มีเหตุผล พวกข้าฟังแล้วเข้าใจได้ในทันที บางจุดที่แต่ก่อนไม่เข้าใจก็เข้าใจลึกซึ้งขึ้นไม่น้อย แล้วยังมีคำชี้แนะจากนายท่านที่คอยดูพวกเราอยู่ และชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของพวกเราและยังจะบอกวิธีการที่ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตามากทีเดียว” ในฐานะที่สวี่เซินเป็นขุนนางเซียนของตำหนักเวิ่นเทียนสั้นที่สุด เขารับรู้ได้อย่างลึกซึ้ง เหล่าทหารสวรรค์ก็เช่นกันบวกกับยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเวิ่นเทียนที่แตกต่างจากที่อื่น ฤทธิ์ของยาดีเลิศจนคนตกใจ ทหารสวรรค์ของตำหนักเวิ่นเทียนเดินออกไปแทบไม่ต่างจากขุนนางเซียนทั่วไป
“โชคดีที่คนของตำหนักเวิ่นเทียนล้วนเป็นคนรู้จักพอในสิ่งที่มี ไม่มีพวกอกตัญญูไม่สำนึกบุญคุณ” อวิ๋นเฟยพยักหน้าเห็นด้วย
“นายท่านมีบุญคุณอย่างมาก พวกข้าจะเป็นคนอกตัญญูเช่นนั้นได้อย่างไร จุดเริ่มต้นของพวกเราสูงกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว จะให้ทำผิดต่อนายท่าน ต่อตำหนักเวิ่นเทียนได้อย่างไร” สวี่เซินกล่าวอย่างขึงขัง
“ตอนนี้นายท่านเข้าฌาน หวังว่านางจะทำสำเร็จ” อวิ๋นเฟยกล่าว
สถานที่ที่หลิวหลีเข้าฌานคือทะเลเพลิง นางเพียงผนึกพลังเหล่านั้นไว้ในร่างกายแต่ไม่ได้ย่อยสลาย อดกลั้นไว้จนถึงตอนนี้ก็ถือว่าถึงขีดจำกัดแล้ว นางปลดปล่อยเพลิงเซียนหยินหยางออกมาช่วยนางเปลี่ยนพลังงานเหล่านี้ให้กลายเป็นพลังเซียนที่นางต้องการ รวมไปถึงเป็นส่วนหล่อเลี้ยงที่เพลิงเซียนต้องใช้ เมื่อนางเริ่มดูดซับพลังเข้าไป นางจึงได้รู้ว่าสายเลือดราชวงศ์เผ่ามารรัตติกาลเป็นของดีสมคำร่ำลือ หลิวหลีรู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ไหลจากภายในร่างกายออกมาจนท่วมนอกผิวหนัง จนร่างกายแข็งแกร่งขึ้นอีกระดับขั้นหนึ่ง โดยเฉพาะปราณก่อนกำเนิดเซียนในร่างมังกรน้อยที่แหวกว่ายอยู่ในพลังก้อนนี้อย่างมีความสุข และร่าเริงอย่างยิ่ง มังกรน้อยเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน เขามังกรแยกออกจากกัน ดูโตขึ้น เนื้อตัวมีหลากหลายสีสัน นางพบว่าตอนนี้มันขาดแค่เกล็ดสีเพลิงเท่านั้น เฮ้อ ไม่รู้ว่าเพลิงเซียนชนิดสุดท้ายอยู่ที่ไหนกัน ตอนนี้ต้องดูดซับพลังพวกนี้ก่อน เพื่อเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรให้ถึงขั้นจักรพรรดิเซียนถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญ
หลิวหลีรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง ปราณก่อนกำเนิดเซียนดูดซึมไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในทันใดนั้นเองปราณก่อนกำเนิดเซียนก็กลายร่างเป็นคนตัวเล็ก ดวงตาของปราณก่อนกำเนิดเซียนเปลี่ยนเป็นสีรุ้งให้ความรู้สึกที่แสนอัศจรรย์ เมื่อมองตาจะถูกความหลากหลายของสีสันนี้ดึงดูดราวไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ จะทำอะไรได้อีก นี่เป็นความสามารถใหม่ ใช้ได้ดีทีเดียว นางชอบ
ต่อมาคนตัวเล็กก็กลายร่างเป็นมังกรน้อยมีมงกุฎจิ๋วเพิ่มขึ้นมาบนศีรษะ นี่มันอะไรอีก
ร่างกายของหลิวหลีเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผมของนางเปลี่ยนเป็นหลากสีสัน ระดับขั้นพลังเพิ่มขึ้นไม่น้อย บวกดวงตาสีรุ้ง ทำให้ดูไม่ออกจริงๆว่านางเป็นมนุษย์หรืออสูรเทพ
การถือกำเนิดของจักรพรรดิเซียนจะถูกประกาศออกไปทั่ว ผู้คุมกฎสวรรค์จะมอบบรรดาศักดิ์ให้นาง ท้องฟ้าด้านนอกลมพัดกระหน่ำเมฆก่อตัวมืดครึ้มราวกับกำลังจะเกิดอะไรขึ้น มอบชื่ออะไรให้ปีศาจตนนี้ถึงจะเหมาะสม
“จักรพรรดิเซียนหรือ?” จักรพรรดินภาเพลิงกล่าวขณะมองก้อนเมฆที่ที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
หลิวหลีรู้สึกว่าตนห่างจากขั้นจักรพรรดิเซียนเพียงหน้าต่างกระดาษบางๆ ตอนนี้นางสามารถเจาะทะลุหน้าต่างกระดาษนี้ได้แล้ว หลิวหลีรู้สึกได้ว่าเพียงสะกิดเท่านั้น พลังเซียนอันบ้าคลั่งนี้ก็จะทะลักเข้ามาในร่างกาย นางรู้สึกได้ว่าตนเองเหมือนจะผสมผสานรวมกับสิ่งรอบตัว
ท้องฟ้าด้านนอกดูเหมือนจะเตรียมตัวพอแล้วจึงปรากฏตัวอักษรหลากสีสองตัวเป็นคำว่า หลิวหลี บรรดาศักดิ์จักรพรรดิเซียนของหลิวหลี: หลิวหลี ต่อไปนี้หลิวหลีคือจักรพรรดิเซียนหลิวหลี ส่วนหนานกงเวิ่นเทียนก็ตามมาติดๆ ท้องฟ้าปรากฎตัวอักษรสีฟ้าว่า เวิ่นเทียน หนานกงเวิ่นเทียนกลายเป็นจักรพรรดิเซียนเวิ่นเทียน หลังจากนั้นท้องฟ้าก็แปรปรวน และปรากฎตัวอักษรสองตัวว่า ซิงหวง บรรดาศักดิ์ของเยี่ยชิงขวงคือ จักรพรรดิเซียนซิงหวง
เจียงหรูชวนเห็นบรรดาศักดิ์ซิงหวงนั่นก็รู้สึกไม่ดี เป็นไปได้อย่างไร เหตุใดบรรดาศักดิ์ถึงได้เป็นชื่อนี้ โลกเซียนจะเกิดความโกลาหลขึ้นแล้วงั้นหรือ
“นักปรุงยาเจียง สีหน้าของท่านดูไม่ดีนัก?” ในฐานะที่เป็นเซียนไร้โรคไร้ภัย แต่เหตุใดเจียงหรูชวนถึงได้มีสีหน้าเช่นนั้น
“อืม แต่ก็หวังว่าจะไม่ใช่ ขอให้ข้าจะคิดมากไป” เจียงหรูชวนกล่าว
“คิดมาก บรรดาศักดิ์นี้มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ” อวิ๋นเฟยรู้สึกว่าเหมือนเจียงหรูชวนรู้อะไรบางอย่าง
“อืม ก็ซิงหวง ผู้ที่สร้างหายนะให้โลกเบื้องล่างมีนามว่าซิงหวง ข้าอ่อนไหวกับชื่อนี้เล็กน้อย หากเป็นเช่นนี้จริง หายนะของโลกเซียนก็ใกล้จะมาถึงแล้ว” เจียงหรูชวนเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
“หายนะ เป็นไปได้อย่างไร” อวิ๋นเฟยอยู่ข้างๆรู้สึกไม่ดีอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นหายนะ
“หวังว่าข้าจะคิดมากไป รอให้นังหนูออกจากฌานค่อยถามนางแล้วกัน อย่างไรนางก็เป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว คงจะพอรู้อะไรบ้าง” เจียงหรูชวนกล่าว