“จักรพรรดิเซียน 20 คน ขาดอีกไม่มากแล้ว” เยี่ยชิงขวงมองจักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัดทั้งหมด พวกเขาคืออาวุธลับของเขา จักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัด แถมไม่มีประกาศจากสวรรค์ เยี่ยมยอดมากจริงๆ
“ชิงหยา เจ้าไปก่อความวุ่นวายก่อน แล้วข้าก็จะพาคนเผ่ามารรัตติกาลในวังนภาสุวรรณออกไปโดยอ้างว่าจะไปปราบเจ้า หลังจากนั้นโลกจะเป็นของเรา จำไว้ว่าทันทีที่ชิงหยาก่อความวุ่นวาย พวกเจ้าที่เหลือก็เริ่มสร้างปัญหาให้แต่ละดินแดนได้” เยี่ยชิงขวงกล่าว
“น้อมรับคำสั่งฝ่าบาท” ทุกคนกระตือรือร้นกันอย่างมาก ถึงเวลาที่เผ่ามารรัตติกาลของเขาจะครอบครองโลกเซียนแล้ว
หลิวหลียังคงไม่รู้ เป็นเพราะนางค้นพบเรื่องที่น่าสนใจผ่านการรวมร่างจึงได้ทดลองอยู่ซ้ำๆ
“น้องหญิง เจ้ากำลังทดลองอะไรอยู่” หนานกงเวิ่นเทียนพบว่าช่วงนี้หลิวหลีตื่นเต้นจนไม่สนใจอะไรแม้แต่เด็กสองคน
“ข้าเจอของที่น่าสนใจนิดหน่อย แม้ว่าจะมีข้อบกพร่อง แต่หากทำสำเร็จจะกลายเป็นตัวช่วยที่ดีมาก” หลิวหลีตื่นเต้นราวฉีดเลือดไก่ คิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงจริงๆ ไม่แปลกที่ราชาเผ่ามารรัตติกาลจะอยากได้มันขนาดนี้ ที่แท้มีเหตุผลนี่เอง
“หืม? มีประโยชน์อย่างไร?” หนานกงเวิ่นเทียนถาม น้องหญิงของเขาชักจะตื่นเต้นเกินไปจริงๆ
“มีประโยชน์สิ ช่วยให้บรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนได้โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แล้วผู้คุมกฎสวรรค์ก็ยังยอมรับว่าเป็นจักรพรรดิเซียนด้วย เพียงแต่ หายนะกำลังใกล้เข้ามา หากปิดบังผู้รู้ฟ้าดินไว้ได้จะดีที่สุด แบบนี้พวกเราก็จะมีท่าไม้ตายเช่นกัน” พอนึกถึงผู้รู้ฟ้าดินแล้ว หลิวหลีก็ปวดหัวขึ้นมา น่ารำคาญจริงๆ
“ปิดบังผู้รู้ฟ้าดิน จักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัด น้องหญิง เรื่องล้อเล่นนี้ไม่ตลกเลยสักนิด” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าน้องหญิงของเขาคิดมากเกินไป มีฉบับเร่งรัดแบบนี้ ใครจะยังตั้งใจฝึกฝนบำเพ็ญเพียรกันอีก
“ข้าพูดเรื่องจริง ข้าลองวิเคราะห์พลังของสายเลือดราชวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลที่ดูดซึมมา ข้างในมีส่วนประกอบแปลกๆอยู่ชนิดหนึ่ง หากเผ่ามารรัตติกาลสามารถดูดซับพลังผ่านสายโลหิตและกลายเป็นจักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัดได้แล้ว เพียงแต่มันมีข้อเสียอยู่ นั่นก็คือพลังต่อสู้ของคนกลุ่มนั้นจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิเซียนเท่านั้น อีกทั้งจะได้เป็นแค่จักรพรรดิเซียนไปตลอดชีวิต ไม่สามารถกลับชาติมาเกิดได้ เหมือนกับเค้นเอาพลังที่ซุกซ่อนอยู่ทั้งหมดออกมาใช้ในครั้งเดียว” หลิวหลีอธิบาย
“เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นข้าคิดว่าเยี่ยชิงขวงนั่นคงได้สร้างจักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัดแบบนี้ออกมาเป็นฝูงแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนนึกถึงเยี่ยชิงขวงขึ้นมาทันที ไม่มีความเคลื่อนไหวแบบนี้คงกำลังสร้างอสูรอยู่แน่
“ใช่ จักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัดของเผ่ามารรัตติกาลจะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คุมกฎสวรรค์ จะไม่ถูกประกาศบรรดาศักดิ์ ยิ่งเหมาะกับการเคลื่อนไหวภายใต้ความมืดของเผ่ามารรัตติกาล” หลิวหลีพูด
“เช่นนั้น น้องหญิง สิ่งที่เจ้าวิเคราะห์อยู่แตกต่างกับของเผ่ามารรัตติกาลอย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนสนใจขึ้นมาทันที เหมือนจะเป็นวิธีที่ผู้คนคิดไม่ถึง
“ข้าบังเอิญไปค้นพบเข้า อยากจะปรับปรุงเพิ่ม เพื่อจะให้เป็นจักรพรรดิเซียนที่ได้รับการยอมรับจากผู้คุมกฎสวรรค์ ต้องรู้ไว้ว่าการไม่ถูกยอมรับจากผู้คุมกฎสวรรค์ก็จะบรรลุไม่ได้เลย” หลิวหลีบอกเล่าความคิดแปลกๆของตนออกมา ต้องมาเจอกับสามีที่หลับหูหลับตาเชื่อนาง
“น้องหญิงมีความคิดอย่างไร ข้าช่วยเจ้าได้” หนานกงเวิ่นเทียนก็ดูดซับสายเลือดราชวงศ์ของเผ่ามารรัตติกาลมาหนึ่งในห้าส่วน จึงพอจะเป็นเรี่ยวแรงได้
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่แน่หากเราสองคนพยายามด้วยกัน ก็อาจจะทำได้ รอหลังจากพัฒนาสำเร็จแล้วค่อยคิดเรื่องที่ปิดบังผู้รู้ฟ้าดินกัน” หลิวหลีเห็นด้วยอย่างชื่นใจ พลังของคนเดียวมีขีดจำกัด แต่พลังของสองคนนั้นย่อมแตกต่าง
ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงตกเป็นเป้าสายตาพิกลๆของทุกคน พวกเขาคิดกันว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เสียสติกันไปแล้ว
ในช่วงเวลานี้ มู่มู่อยู่ที่หอกาลเวลาจนครบกำหนดเดือนและคลอดไข่ใบหนึ่งออกมา อยู่ในหอกาลเวลามานานพอสมควรก่อนจะฟักไข่ออกมาเป็นบุตรชายซึ่งเป็นกิเลนวารีที่น่ารัก เป็นอสูรเทพขั้นสูง ทำเอาจื่อฉีดีใจยกใหญ่ เป็นเพราะมู่มู่มีหลิวหลีคอยช่วยเหลือจัดการอยู่หลายครั้ง บวกกับความช่วยเหลือของจื่อฉีจึงทำให้ไม่ถูกลดขั้นแล้วยังสามารถเห็นลูกของตนคลอดออกมาได้ด้วย จักรพรรดินีมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะถูกความน่ารักของหลานที่เป็นกิเลนวารีทำให้หลงใหล ส่วนชื่อของเด็กนั้น จื่อฉียืนกรานต่อทุกคนว่าจะให้หลิวหลีเป็นคนตั้ง หลิวหลีรู้สึกว่าคลังศัพท์ของตนใกล้จะหมดอยู่รอมร่อ จนสุดท้ายก็ได้มาหนึ่งชื่อ คือ จื่อเจิน เมื่อนางอธิบายความหมาย ทุกคนก็เห็นด้วยกันหมด พร้อมกันนั้นยังขอชื่อเล่นที่เรียกง่ายเหมือนจ๋ายจ่ายกับเจี๋ยนเจี่ยน นางจึงตั้งชื่อกิเลนน้อยว่า เหมียวเหมี่ยว
ตั้งแต่ที่เหมียวเหมี่ยวเกิด ปิงเซียวกับเหลยรุ่นก็เหมือนได้ของเล่นใหม่ นอกจากเวลาที่เหมียวเหมี่ยวนอนหลับ เด็กทั้งสองก็จะเล่นเป็นเพื่อนน้องชายคนใหม่ทั้งวัน
เมื่อหลิวหลีได้พบเด็กๆแล้ว นางก็ไปทำการทดลองของตนต่อ หากไม่สบายใจก็จะออกมาดูเหมียวเหมี่ยว แล้วความหงุดหงิดที่มีก็หายไปในทันที แล้วมีความมั่นใจที่จะไปทดลองต่อ ไม่รู้ว่าทำซ้ำไปซ้ำมากี่หมื่นครั้ง นางยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อเห็นผลงานของตนเอง
“เช่นนั้น ควรหาใครมาทดลองดี” ผู้เข้าร่วมถือเป็นปัญหาใหม่ สองสามีภรรยาไม่รู้จริงๆว่าควรหาใครมาเป็นหนูทดลองตัวแรก พูดไปแล้วตั้งแต่มีหลาน จักรพรรดินีนภาพฤกษาก็ยิ่งเหนื่อยหน่ายในข้อจำกัดของตำแหน่งจักรพรรดินีของตนมากขึ้น นางแค่อยากอุ้มหลานตัวเองอาบแสงแดดในทุกๆวัน มีความสุขในบั้นปลายชีวิตแบบคนธรรมดา และวันนี้นางมาหาหลิวหลีพอดี
“เป็นอะไรไปหลิวหลี มีเรื่องกังวลมาทำให้เจ้าไม่สบายใจได้ด้วย ไหนลองว่ามาดูสิ ว่าข้าจะช่วยเจ้าแก้ไขปัญหาได้หรือไม่” จักรพรรดินีรู้สึกแปลกใจ ในความคิดของนาง ไม่มีอะไรที่หลิวหลีทำไม่ได้ แต่กลับมีเรื่องมาทำให้นางไม่สบายใจ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้
“มีอยู่เรื่องหนึ่ง จักรพรรดินี ข้าพัฒนายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาชนิดหนึ่ง สามารถเร่งรัดขั้นจักรพรรดิเซียนได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าควรให้ใครเป็นคนลองผลของยา พลังต่ำที่สุดที่ต้องการก็คือขั้นเซียนนภานพเก้า” หลิวหลีเล่าปัญหาออกมา
“หลิวหลี เจ้าว่าอย่างไรนะ” จักรพรรดินีตะลึงงันไป นางรู้มาตลอดว่าหลิวหลีกำลังทดลองอะไรอยู่ แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่าจะคิดค้นสิ่งที่ฝืนลิขิตสวรรค์เช่นนี้ ผู้คุมกฎสวรรค์ นังหนูเป็นสภาพนี้ทำไมท่านไม่มารับนางมารน้อยคนนี้ไปนะ
นางพูดเรื่องนี้ซ้ำไปมา และเล่าเรื่องที่กังวลใจต่างๆของตนออกมาหมด
“เจ้ายังคิดจะปิดบังผู้รู้ฟ้าดินด้วยหรือ นังหนู จักรพรรดิเซียนหลิวหลี ท่านช่างใจกล้าเสียจริง” แม้จักรพรรดินีจะพูดเช่นนี้ แต่ในใจกลับพุ่งพล่าน ถึงจะบอกว่าเร่งด่วน แต่ก็สามารถอยู่ในขั้นจักรพรรดิเซียนนานสักหน่อย แต่แล้วจะอย่างไรนางอยู่ในขอบเขตราชาเซียนมาก็ไม่น้อย โดยเฉพาะความคิดที่จะปิดบังผู้รู้ฟ้าดินนั่นนางก็เห็นด้วยอย่างมาก พวกนางต่างรู้ดีว่าหายนะกำลังจะมา แต่กลับจนปัญญา หากมีจักรพรรดิเซียนสักกลุ่มซ่อนไว้จริงๆ เช่นนั้นแล้วพวกเขาก็จะมีความมั่นใจในเรื่องหายนะนี้มากขึ้น โชคดีที่หลิวหลีอยู่ฝั่งเดียวกับพวกเขา
“ใช่ ข้าคิดว่าปิดบังไว้จะดีกว่า รู้สึกเหมือนกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นอยู่ตลอด รีบเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น คิดว่าพอถึงเวลาจะได้ไม่ตื่นตระหนก” หลิวหลีเล่าความคิดครึ่งหนึ่งของตนให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตนเองก็รู้ว่าจะมีหายนะเกิดขึ้น
“ปิดบังผู้รู้ฟ้าดินไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ต้องขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิทุกท่าน พวกเรากลายเป็นจักรพรรดิจะได้รับของเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง รวบรวมของสิ่งนี้ไว้ด้วยกันก็จะสามารถปกปิดผู้รู้ฟ้าดินได้ ข้าจะส่งข้อความไปให้จักรพรรดิทุกดินแดน เชื่อว่าพวกเขาต้องสนใจมากแน่ คงจะมาลองดู” จักรพรรดินีพูด ที่สำคัญกว่านี้ก็คือ นี่เป็นการให้โอกาสกับพวกเขา ราชาเซียนมีไม่มาก ส่วนจักรพรรดิเซียนยิ่งไม่ต้องพูดถึง โอกาสชนะเพิ่มขึ้นไม่น้อย เส้นทางเซียนไม่รีบร้อน หลังจากนี้จะอยู่ต่อไปอีกไม่กี่ปีก็ไม่เป็นไร