“จักรพรรดินีนภาพฤกษา เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นถึงได้เรียกพวกเรามารวมตัวกัน” จักรพรรดินภาสุวรรณชิงพูดสิ่งที่อยู่ในใจของทุกคน
“แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องใหญ่มากด้วย แต่ทุกคนต้องวางเดิมพัน ไม่รู้ว่าทุกท่านจะกล้าเสี่ยงหรือไม่” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าว
“จักรพรรดินีนภาพฤกษา เสียงของท่านไม่สงบนิ่งเหมือนที่ผ่านมา เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น” จักรพรรดิมารเอ่ยขึ้น
“ใช่ ข้ารู้สึกว่านางกระวนกระวายอยู่เล็กน้อย จักรพรรดินี พวกข้ารู้กันดีว่าหายนะกำลังจะมาถึง ท่าทางของท่านนี้ไม่ค่อยดีนัก” จักรพรรดินภาเพลิงว่า
“ข้าไม่เคยล้อเล่น ต้องมาดูกันว่าพวกท่านจะกล้าพนันกันหรือไม่ ทุกท่านเคยคิดเรื่องจักรพรรดิเซียนหรือไม่ ได้กลายเป็นจักรพรรดิเซียน” จักรพรรดินีนภาพฤกษาโยนระเบิดใส่กลางวง
“จักรพรรดิเซียนงั้นหรือ จักรพรรดินีนภาพฤกษา ท่านกำลังล้อพวกข้าเล่นหรือ” จักรพรรดินีนภาวารีคิดว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษากำลังมีความคิดแปลกๆ พวกเขาบำเพ็ญเพียรกันมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว แน่นอนว่าย่อมต้องคาดหวังว่าตนจะสามารถบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนได้หรือไม่ จักรพรรดินีนภาพฤกษาถูกเรื่องหายนะที่กำลังจะมาถึงทำให้เป็นบ้าไปแล้ว
“เปล่าเลย พวกเราเป็นเพื่อนกันมากี่หมื่นปีแล้ว พวกท่านเคยเห็นข้าล้อเล่นหรือ เป็นเรื่องจริง จักรพรรดิเซียนไม่ใช่ความฝัน หลิวหลีพัฒนายาเซียนศักดิ์สิทธิ์ออกมาชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เซียนภานพเก้าบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนได้” คำพูดของจักรพรรดินีนภาพฤกษาไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา
“ท่านพูดจริงหรือจักรพรรดินีนภาพฤกษา ไม่มียาชนิดนี้อยู่จริงหรอก จะมียาชนิดนี้อยู่ได้อย่างไร” จักรพรรดินภาพสุธาไม่เชื่อเป็นคนแรก ในฐานะที่เป็นผู้ที่อายุมากที่สุดในบรรดาจักรพรรดิเซียนยังรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องตลก หากมียาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่มีสรรพคุณเช่นนี้ เช่นนั้นแล้วทุกคนจะพยายามบำเพ็ญเพียรไปทำไมกัน
“ใช่ แม้ว่าหลิวหลีจะปรุงยาได้เยี่ยมยอดมาก แต่เรื่องนี้ก็ไม่น่าไว้ใจ ถึงแม้หลิวหลีจะบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียนแล้ว แต่นี่มันเรื่องวิเศษเกินไป” จักรพรรดิมารกล่าว เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
“ทุกท่านเคยเห็นหลิวหลีพูดเรื่อยเปื่อยหรือ หากไม่มั่นใจ หลิวหลีไม่มีทางพูด ส่วนรายละเอียดพวกท่านลองฟังหลิวหลีพูดดูดีกว่า อย่างไรเสียนางก็เป็นจักรพรรดิเซียน” จักรพรรดินีนภาพฤกษากล่าว
“ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ควรให้เกียรติจักรพรรดิเซียนหลิวหลีแล้วไปฟังว่านางจะพูดอย่างไร” เมื่อพูดถึงชื่อหลิวหลี ทุกคนก็นิ่งเงียบไป หลิวหลีหมายถึงอะไร นางคืออสูรร้ายที่ยังคงอยู่ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่มีเป้าหมาย
“เหตุใดจักรพรรดิเซียนหลิวหลีถึงมาอยู่ที่วังนภาพฤกษา?” จักรพรรดินภาพสุธาพูด อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน
“บุตรสาวของข้าคลอดลูกเมื่อไม่กี่วันก่อน นามว่าจื่อเจิน ชื่อเล่นเหมียวเหมี่ยว” พูดถึงตรงนี้ จักรพรรดินีก็ได้ใจน้อยๆ ถึงแม้ว่าจักรพรรดิหลายคนจะมีทายาท แต่มีทายาทรุ่นที่สาม ทำให้ผู้คนอิจฉาได้ไม่น้อย
“นังหนูมู่มู่คลอดแล้ว” เอ๋าเฟิงเอ่ยอ้วยความตกใจ
“ใช่ คลอดแล้ว คลอดออกมาเป็นกิเลนวารี จื่อฉีดีใจอย่างมาก หลิวหลีก็เช่นกัน ท่านป้าผู้นี้ใส่ใจมากทีเดียว แม้แต่ปิงเซียวกับเหลยรุ่ยก็ยังชอบนางอย่างมาก” จักรพรรดินีกล่าวอย่างพอใจ
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นคนดินแดนอสูรเทพอย่างข้าต้องไปเสียหน่อยแล้ว” มีอสูรเทพกำเนิดขึ้นอีกแล้ว กิเลนน้ำ ไม่เลวเหมือนกัน
“ข้าจะไปด้วย” จักรพรรดินภาเพลิงพูด เด็กนั่นเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่มีทางทำอะไรโดยไร้เป้าหมาย
“ข้าจะไปด้วย” จักรพรรดินีนภาธาราพูดขึ้น ที่ๆมีหลิวหลี หนานกงเวิ่นเทียนต้องอยู่ด้วยเป็นแน่
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราทุกคนลองไปกันสักครั้ง เป็นความลับ อย่าให้คนในวังสังเกตได้ว่าพวกเราไม่อยู่” จักรพรรดินภาพสุธาพูด
“ได้” คนอื่นเห็นด้วย
“จักรพรรดิทุกท่าน ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีหรือไม่” หลิวหลีคิดไม่ถึงว่าจักรพรรดินีนภาพฤกษาจะเรียกทุกคนมาจริงๆ
“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี พวกข้าได้ยินมาว่าท่านปรุงยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยให้บรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนได้” จักรพรรดินภาพสุธาไม่อ้อมค้อม
“ถูกต้อง ข้าจะไม่ปิดบังทุกท่าน ข้าดูดซับสายเลือดบางส่วนของเผ่ามารรัตติกาลมาแล้วพบเรื่องที่น่าสนใจ นั่นก็คือเมื่อราชาของพวกเขาปรากฎตัวขึ้น สายเลือดราชวงศ์จะสามารถสร้างจักรพรรดิเซียนได้ อีกทั้งผู้คุมกฎสวรรค์ก็จะไม่รู้ โดยสามารถสร้างจักรพรรดิได้คราวละเยอะๆเสียด้วย” คำพูดของหลิวหลีทำให้ทุกคนตื่นตระหนก ยังมีราชาอยู่อีกหรือ แถมยังมีประโยชน์เช่นนี้
“ความหมายของจักรพรรดิเซียนคือมีจักรพรรดิเซียนซ่อนตัวอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัวหรือ?” จักรพรรดินภาสุวรรณกล่าว
“อืม แต่ก็ยังมีจุดด้อยอยู่ พวกเขาจะมีพลังต่อสู้เพียงครึ่งหนึ่งของจักรพรรดิเซียนคนอื่น และที่สำคัญคือไม่อาจบรรลุได้ ข้าลองศึกษาและทดสอบแล้วหลายหมื่นครั้ง จึงเพิ่มบางอย่างเข้าไปในเลือดเพื่อดัดแปลงมันเล็กน้อย เพื่อให้บรรลุขั้นจักรพรรดิเซียน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบรรลุไม่ได้ เพียงแต่จะติดอยู่ในขอบเขตของจักรพรรดิเซียนนานกว่าเดิมเล็กน้อย” หลิวหลีพูดแล้วหยิบยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ออกมา ทุกคนล้วนมองไปที่ยาเซียนศักดิ์สิทธิ์สีชมพูด้วยสายตากระหายและคลางแคลง ทุกคนกำลังขัดแย้งกับตนเอง ไม่มีใครกล้าทดสอบง่ายๆ ด้วยกลัวว่าวิถีแห่งเซียนของตนเองนั้นจะขาดหายไป ทั้งบริเวณตกอยู่ในความเงียบงัน นี่เป็นความเย้ายวนที่ส่งผลถึงชีวิต เป็นความเย้ายวนที่ทุกคนต่างต้านทานไม่ไหว
“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี ท่านรู้อะไรมาใช่ไหม” ทันใดนั้นจักรพรรดินภาพสุธาก็โพล่งออกมา
“ใช่ อาจจะรู้ก่อนพวกท่านด้วยซ้ำ ข้ารู้ตั้งแต่ตอนที่ข้าบรรลุขั้นเซียนนภานพเก้าแล้วว่าจะมีหายนะ” หลิวหลียอมรับอย่างตรงไปตรงมา
“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี เหตุใดท่านจึงรู้รวดเร็วเช่นนี้” ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อ เหตุใดถึงรู้ได้เร็วเช่นนี้กัน
“เรื่องนี้คงไม่พูดมากแล้ว มีบางเรื่องก็พูดไม่ได้” หลิวหลีพูดพลางส่ายหน้า แม้นางจะรู้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าโลกลี้ลับไม่ให้นางพูด
“จักรพรรดิเซียนหลิวหลี ในเมื่อท่านทดสอบมาแล้ว ทำไมถึงไม่ให้คนกินยาเลยล่ะ แต่รอพวกข้ามา” จักรพรรดินีนภาธาราตรัส
“ง่ายมาก ข้าอยากให้ทุกท่านช่วยปิดบังผู้รู้ฟ้าดิน หากยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ได้ผลจริง ข้าอยากสร้างจักรพรรดิเซียนกลุ่มหนึ่งโดยไม่ให้คนรู้เพื่อไว้เป็นอาวุธลับ” หลิวหลีเปิดสารภาพ
“จักรพรรดิเซียนหลิวหลีตั้งใจให้ใครเป็นผู้ทดลองยาเซียนศักดิ์สิทธิ์นี้” จักรพรรดินภาพสุธาถามอย่างกระวนกระวายใจ ในฐานะที่เป็นราชาเซียนมานาน เขาปรารถนาที่จะได้เข้าบรรลุขั้นจักรพรรดิเซียนมากกว่าใคร นี่คือโอกาสของเขา ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ เขาก็อยากจะลองดู
“ข้าไม่รู้ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นครั้งแรก การทดลองนั้นประสบผลสำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่” หลิวหลีกล่าว
“ข้ายินยอมที่จะทดลอง ต้องรบกวนทุกท่านและจักรพรรดิเซียนหลิวหลีแล้ว” จักรพรรดินภาพสุธาว่า
“ได้” หลิวหลีไม่มีข้อโต้แย้งอะไร
“จักรพรรดินภาพสุธา” จักรพรรดินีนภาพฤกษาเรียก
“ข้าเข้าใจพวกเจ้า ข้าเหมาะสมที่สุดแล้ว แค่เพราะข้าอยู่ขั้นราชาเซียนมานานเกินไป แม้ปากจะบอกว่าไม่สนใจ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องจริง ข้าอยากลองดู ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม” จักรพรรดินภาพสุธายืนหยัด เมื่อพูดจบก็รับยาเซียนศักดิ์สิทธิ์ที่หลิวหลียื่นมาให้และกินเข้าไป
ตอนแรกยังไม่รู้สึกอะไรนัก จากนั้นจักรพรรดินภาพสุธาก็ค่อยๆรู้สึกราวกับร่างกายถูกแผดเผา เหมือนมีอะไรมาฉีกร่างของเขาออกจากกัน จักรพรรดินภาพสุธารู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังเปลี่ยนไป
ท้องฟ้าดูเหมือนกำลังจะเกิดปรากฏการณ์บางอย่าง เมื่อเห็นเช่นนั้นจักรพรรดิทั้งหลายจึงรีบลงมือปกปิดผู้รู้ฟ้าดิน แล้วก็เป็นจริง หลังจากนั้นไม่นานจักรพรรดินภาพสุธาก็รู้สึกได้ถึงขอบเขตพลังที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนได้ปรากฏขึ้น จนในที่สุดก็ก้าวย่างเข้าไป แม้ว่าผู้รู้ฟ้าดินจะไม่ได้ประกาศออกมา แต่เขาก็รู้ว่าบรรดาศักดิ์ของตนคือ โฮ่วถู่ กลายเป็นจักรพรรดิเซียนโฮ่วถู่ สำเร็จแล้ว
จากนั้นก็ค่อยๆมีจักรพรรดิเซียนแบบเร่งรัดปรากฎขึ้นอีก 20 คน เพียงแต่ทุกคนล้วนถูกจักรพรรดิในดินแดนต่างๆ ช่วยกันปิดบังฟ้าดินรวมถึงปิงเซียวและเหลยรุ่ย เด็กสองคนนี้อยู่ในหอกาลเวลาจนได้เป็นเซียนนภานพเก้า จนบรรลุเป็นจักรพรรดิเซียน ได้บรรดาศักดิ์ว่า จักรพรรดิเซียนฝาแฝด